เสี่ยวเยว่เฟิงตกใจกับคำพูดของหลิงตู้ฉิง
ถ้าสิ่งที่หลิงตู้ฉิงพูดเป็นความจริง นั่นก็หมายความว่าหนิงเฟิงและคนอื่น ๆ ต่างก็เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับเผ่าอสูรปีศาจอย่างนั้นหรือ?
ถ้าเช่นนั้นความเข้าใจที่พวกนางคิดมาตลอดว่า พวกของหนิงเฟิงถูกกล่าวหาอย่างผิด ๆ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าพวกเขาจะสมควรตายจริง ๆ ?
“นายท่าน นี่มันเป็นไปได้งั้นเหรอ?” เสี่ยวเยว่เฟิงกล่าวถามขึ้นด้วยสีหน้าไม่เชื่อ
หลิงตู้ฉิงส่ายหัวเล็กน้อยและพูดว่า “ข้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกันเพราะข้าไม่เคยเจอหนิงเฟิง อย่างไรก็ตามจากที่ข้าเคยเห็นหนิงฮ่าว รวมถึงเมล็ดพันธุ์ร่มต้านสวรรค์ในมือของเขา ข้ามั่นใจว่าหนิงเฟิงและคนอื่น ๆ จะต้องมีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับเผ่าพันธุ์สัตว์ปีศาจ เนื่องจากเมล็ดพันธุ์ร่มต้านสวรรค์นี้มีกลิ่นอายของปีศาจติดมาด้วยอย่างจาง ๆ นอกจากนี้ข้ายังพบกลิ่นอายปีศาจบนร่างของหนิงฮ่าว แต่ข้ายังไม่รู้แน่ชัดว่าต้นตอของปีศาจร้ายตนนี้คือใคร”
“กลิ่นอายปีศาจ?” เสี่ยวเยว่เฟิงถามด้วยความงงงวย
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “มันเป็นปราณชั่วร้ายชนิดหนึ่ง แต่ปราณปีศาจชนิดนี้มันลึกลับเป็นอย่างมาก ต้องเป็นผู้ที่มีประสาทสัมผัสที่เฉียบคมเท่านั้นถึงจะสามารถสัมผัสถึงการคงอยู่ของมันได้ และปราณชั่วร้ายที่รุนแรงแบบนี้มันจะมีอยู่ในเฉพาะปีศาจที่อยู่ในขอบเขตที่สูงกว่าหรืออย่างน้อยก็ในระดับนภาคราม พูดอีกนัยหนึ่งคือ หนิงฮ่าวและคนของเขาคงเคยได้พบกับผู้เชี่ยวชาญระดับสูงของเผ่าอสูรปีศาจหรือไม่แน่พวกเขาอาจจะอยู่ร่วมกันด้วยซ้ำไป”
เสี่ยวเยว่เฟิงเงียบไป
นางไม่คิดว่าหลิงตู้ฉิงกำลังจงใจกล่าวหาหนิงฮ่าว ความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวก็คือพวกของหนิงเฟิงนั้นน่าจะมีความเกี่ยวข้องกับเผ่าอสูรปีศาจอยู่จริง ๆ
แต่นางก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมหนิงเฟิงถึงต้องการที่จะทรยศภูเขาฟีนิกซ์? สาเหตุที่แท้จริงของเรื่องนี้มันคืออะไรกันแน่?
“เจ้าไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้” หลิงตู้ฉิงมองไปที่เสี่ยวเยว่เฟิงและพูดขึ้น “เนื่องจากข้าจะพาพวกเจ้าไปเข้าร่วมกับภูเขาฟีนิกซ์อยู่แล้ว ดังนั้นเรื่องของพวกเขาก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกเจ้าและเมื่อได้โอกาส ข้าจะส่งข้อความไปที่ภูเขาฟีนิกซ์เพื่อให้พวกเขาตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียดอีกที หากหนิงเฟิงเกี่ยวข้องกับเผ่าพันธุ์อสูรปีศาจจริง เว้นแต่ว่าพวกเขาจะไปขอพึ่งอิทธิพลของสันเขาหมื่นอสูร พวกเขาจะต้องตายอย่างแน่นอน”
“ขอบคุณนายท่าน!” เสี่ยวเยว่เฟิงรีบขอบคุณเขา “แต่นายท่าน ถ้าเป็นแบบนี้ก็ไม่ใช่ว่าคนอื่น ๆ ก็อาจจะเป็นเหมือนพวกข้าและโดนหนิงเฟิงหลอกเข้าแล้วไม่ใช่หรือไง?”
หลิงตู้ฉิงโบกมือเบา ๆ “เจ้าไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ ตราบใดที่คนของภูเขาฟีนิกซ์ได้ตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียดอีกที ในไม่ช้าก็เร็วพวกเขาจะได้รับคำตอบที่ชัดเจนอย่างแน่นอน พวกเขาไม่มีวันที่จะซ่อนความจริงนี้ได้จากสายตาของผู้เชี่ยวชาญระดับสูงแน่นอน ว่าแต่เจ้าพอจะรู้ไหมว่าระดับการบ่มเพาะของหนิงเฟิงอยู่ขั้นไหนแล้ว?”
เสี่ยวเยว่เฟิงตอบอย่างเร่งรีบ “ในตอนที่ข้าพบกับเขาครั้งล่าสุดเมื่อนานมาแล้ว ตอนนั้นเขาอยู่ในระดับนักบุญ แต่ถ้าเป็นตอนนี้ข้าก็ไม่แน่ใจเช่นกัน”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าช้า ๆ “ข้าเข้าใจแล้ว เอาล่ะเจ้าจงไปจัดการธุระของเจ้ากับพวกเขาให้เสร็จและอย่าลืมย้ำกฎของเรากับหนิงฮ่าวให้เข้าใจด้วย! และอีกอย่างเจ้าจงอย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้กับผู้อื่นล่ะ”
“รับทราบค่ะ!” เสี่ยวเยว่เฟิงพยักหน้าและเดินออกจากห้องไป
หลังจากเสี่ยวเยว่เฟิงจากไป หลิงตู้ฉิงก็เอาเมล็ดพันธุ์ร่มต้านสวรรค์ออกมา และค่อย ๆ ขับไล่กลิ่นอายปีศาจออกจากเมล็ด
เมื่อมองไปที่เมล็ดพันธุ์ หลิงตู้ฉิงหัวเราะกับตัวเองและพึมพำว่า “เมื่อข้านำเมล็ดพันธุ์นี้กลับไปให้จื่อซิน ข้าก็ไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องความปลอดภัยของนางอีกต่อไป เมื่อไหร่ที่นางเพาะเลี้ยงมันจนเติบโตขึ้น ด้วยการมีดอกบัวปีศาจกระหายเลือดเป็นฝ่ายรุกและ เมล็ดพันธุ์ร่มต้านสวรรค์เป็นเครื่องป้องกัน นางก็จะไม่ถูกรังแกจากผู้อื่นอีกต่อไป”
เขาเก็บเมล็ดพันธุ์ร่มต้านสวรรค์ จากนั้นก็เริ่มหันไปสนใจวัสดุอื่น ๆ ต่อเพื่อพิจารณาว่าเขาจะใช้ประโยชน์จากมันได้อย่างไร
ในอีกด้านหนึ่ง หลังจากเสี่ยวเยว่เฟิงออกมาจากห้องของหลิงตู้ฉิง นางก็ปรับอารมณ์ของตัวเองอย่างรวดเร็ว เพื่อที่นางจะได้ไม่แสดงพิรุธใด ๆ ให้กับหนิงฮ่าวและคนอื่น ๆ เห็น
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่นางปรากฏตัว หนิงฮ่าวก็เข้ามาทันทีและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “น้องเสี่ยว ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า”
เสี่ยวเยว่เฟิงถามโดยไม่กระพริบตา “เรื่องอะไร?”
พวกเขาทั้งคู่ต่างมีอายุไล่เลี่ยกัน
เนื่องจากหนิงฮ่าวมีสถานะเป็นถึงนายน้อย ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องไปที่ทะเลชางหมางเพื่อทนทุกข์อยู่ที่นั่น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)