ในที่สุด หลิงตู้ฉิงและคนของเขาก็ใช้เวลาครึ่งเดือนเพื่อไปถึงบ่อน้ำต้นกำเนิดชีวิต
ซึ่งรอบ ๆ บริเวณบ่อน้ำต้นกำเนิดชีวิต ในตอนนี้มีชีวิตชีวาเป็นอย่างมาก
เนื่องจากผู้คนที่เข้าสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับโดยพื้นฐานแล้วทุกคนรู้เกี่ยวกับบ่อน้ำต้นกำเนิดชีวิต ดังนั้นทุกคนจึงพร้อมใจกันมาที่นี่เพื่อที่จะใช้น้ำในบ่อทำให้ศักยภาพของพวกเขาพัฒนาขึ้นกว่าขีดจำกัดเดิม
แต่ด้วยปริมาณที่มีจำกัดของน้ำในบ่อ ดังนั้นผู้คนทุกคนที่มาจึงต้องแย่งโอกาสที่จะได้เข้าไปในบ่อและนั่นมันคือจุดเริ่มต้นแห่งความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในขณะนี้
ขณะนี้หลายคนกำลังรวมตัวกันเป็นกลุ่มและการดวลก็เกิดขึ้นเพื่อแจกจ่ายส่วนแบ่งของน้ำต้นกำเนิดชีวิต
ส่วนใครที่บังอาจล่วงล้ำเข้าไปในบ่อน้ำต้นกำเนิดชีวิตก่อนที่จะได้รับอนุญาตจากทุกคน คนผู้นั้นจะถูกล้อมโจมตีจนตายอย่างอนาถ
เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ แม้แต่หลิงตู้ฉิงก็ยังรู้สึกปวดหัวเพราะจำนวนคนที่มากมายขนาดนี้แถมเขายังไม่สามารถฆ่าใครได้ตามใจชอบอีกต่างหาก ดังนั้นเขาจึงเหลือทางเลือกเดียวคือต้องส่งตัวแทนของเขาเข้าไปแก้ปัญหาแทน
เมื่อเห็นการมาถึงของพวกเขา บรรดาผู้แทนกลุ่มหลายกลุ่มก็เดินเข้ามาเชิญพวกเขาทันที “ทุกท่านโปรดเข้าร่วมกับเรา! กลุ่มเรามี โม่เฉียนชาน ที่อยู่ในขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 14 เป็นผู้นำ แถมพวกเรายังชนะการประลองไปแล้วถึง 13 ครั้ง!”
“กลุ่มของพวกเจ้ามีโม่เฉียนชาน แล้วมันนับเป็นอะไรกัน? ทุกท่านมาเข้ากับกลุ่มของข้าจะดีกว่า กลุ่มของข้ามีอสูรทมิฬขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 14 ซึ่งนับได้ว่าเป็นตัวตนที่ไร้เทียมทานในการต่อสู้และที่สำคัญพวกข้าชนะมาแล้วถึง 27 ครั้ง! โดยเฉพาะท่าน ตงฟางจุน! ด้วยความแข็งแกร่งของท่านหากรวมเข้ากับความแข็งแกร่งของเราแล้ว พวกเราจะไม่มีวันแพ้ใครแน่นอน!” คนที่พูดคงจะรู้จักตงฟางจุน ดังนั้นเขาจึงระบุชื่อของตงฟางจุนโดยตรง
อย่างไรก็ตาม มีคนหักล้างคำพูดของบุคคลนั้นทันที
“ไม่ว่าเจ้าจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่ตามกฎแล้วเจ้าสามารถเข้าต่อสู้ได้กี่ครั้ง? ด้วยการนำของสำนักสวรรค์สัประยุทธ์ ข้าเชื่อว่าอัจฉริยะของกลุ่มข้าย่อมไม่ด้อยไปกว่าอสูรทมิฬของเจ้าแน่นอน นอกจากนี้กลุ่มของข้ายังมี 2 คนที่อยู่ในขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 14 แถมในขณะนี้เราอยู่ในอันดับที่หนึ่งของการประลอง ซึ่งเราชนะมาแล้วถึง 44 ครั้ง ในไม่ช้าเราจะเอาชนะพวกเจ้าได้จนถึงจุดที่เจ้าไม่มีแรงจะต่อสู้ ดังนั้นตงฟางจุนท่านเข้าร่วมกับเราดีกว่า การร่วมมือกับพวกเรามันถึงจะเป็นทางเลือกที่ถูกต้องที่สุด!”
เมื่อเห็นว่าทุกคนพยายามที่จะโน้มน้าวเขาให้ได้ ตงฟางจุนจึงกระแอมอยู่สองครั้งจากนั้นเขาจึงหันกลับไปมองหลิงตู้ฉิงและถามขึ้น “ศิษย์พี่ ท่านคิดว่าเราควรทำอย่างไรดี?”
ตงฟางจุนใช้คำเรียกหลิงตู้ฉิงว่า ‘ศิษย์พี่’ แทน เนื่องจากเขาไม่ต้องการเปิดเผยตัวตนของหลิงตู้ฉิงต่อหน้าผู้คน
หลิงตู้ฉิงพูดอย่างชัดเจนว่า “เราจะเข้าไปในบ่อน้ำต้นกำเนิดชีวิตก่อนเป็นกลุ่มแรก ส่วนคนอื่นจะเข้าไปได้ก็ต่อเมื่อเราใช้เสร็จแล้ว”
“ศิษย์พี่ ท่านหมายความว่าพวกเราควรไล่พวกเขาทั้งหมดออกไป?” ตงฟางจุนถามขึ้นด้วยสีหน้ากระตือรือร้นที่จะลองวิชา
มันไม่ใช่ความกลัว แต่เป็นความรู้สึกตื่นเต้น
เพราะเขาได้สำเร็จร่างกระบี่ในขั้นปลายแล้ว ซึ่งมันยังไม่มีใครมาถึงระดับนี้ได้มาก่อนในรอบนานกว่าหมื่นปี แถมเขายังได้รับการถ่ายทอดเร้นคมกระบี่และเผยคมสะบั้น ซึ่งเขาเองก็อยากเห็นว่าทักษะในตำนานทั้งสองนี้น่ากลัวเพียงใด
อย่างไรก็ตาม เขายังคงต้องถามความคิดเห็นของหลิงตู้ฉิงก่อน
นี่เป็นเพราะเขารู้ดีว่าแม้ว่าเขาจะมีความแข็งแกร่งมากขึ้นในปัจจุบัน แต่เขาก็ยังเทียบไม่ได้กับคนที่อยู่ตรงหน้าเขา
เขาในตอนนี้มีเพียงสองในสี่รูปแบบพื้นฐานของวิชาดาราโลหิตประสานกระบี่!
ส่วนความคิดเห็นของหลิงตู้ฉิงนั้น…
“เจ้าคิดว่าวิชากระบี่ที่ข้าถ่ายทอดให้ เจ้าจะได้รับมันแบบง่าย ๆ อย่างนั้นเหรอ?” หลิงตู้ฉิงถามกลับ
และนี่คือความคิดเห็นของหลิงตู้ฉิง
“รับทราบ! ข้าเข้าใจแล้ว” ตงฟางจุนพยักหน้า เขาจับกระบี่ของเขาแน่นและเดินไปที่จุดประลองพร้อมกับยืดอก
หลิงเทียนหยุนมองไปรอบ ๆ และถามว่า “ท่านพ่อ ข้าควรไปด้วยไหม?”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและพูดว่า “คอยดูไปก่อนว่าเขาจะทำได้หรือไม่ ถ้าเขาทำไม่ได้เจ้าก็ค่อยเข้าไปช่วยเขา!”
หากความรุนแรงยังไม่สามารถบีบบังคับให้คนเหล่านี้ถอยได้ ถ้างั้นเขาก็จะใช้การนองเลือดเพื่อปราบปราม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)