สิ่งที่เรียกว่าบ่อน้ำต้นกำเนิดชีวิตคือสระน้ำที่มีรัศมีกว้างราว 4-5 เมตร ภายในสระมีของเหลวสีเขียวมรกต
แต่ของเหลวสีเขียวมรกตนี้มันกลับไม่มีรัศมีหรือความผันผวนของวิญญาณใด ๆ ปรากฎขึ้น
“นี่สินะคือบ่อน้ำต้นกำเนิดชีวิต!” ตงฟางจุนพูดพร้อมกับถอนหายใจ “นี่คือสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตประสานทะเลปราณจำนวนมากต่างคลั่งไคล้ มันคือสมบัติล้ำค่าที่สามารถทำให้ผู้บ่มเพาะทะลวงศักยภาพของชีวิตของพวกเขาได้”
เมื่อได้เห็นบ่อน้ำต้นกำเนิดชีวิตต่อหน้าพวกเขา เสี่ยวหลิงเฟิงและเซียวเหลียนอดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าตื่นเต้น พวกนางเคยได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับหยดน้ำต้นกำเนิดชีวิตมาบ้าง ซึ่งมันทำให้พวกนางรู้ดีว่าสิ่งนี้สามารถทำให้พวกนางสามารถทะลวงศักยภาพของพวกนางเองได้
“สามี จากนี้เราต้องทำยังไงต่อ?” มี่ไลถามอย่างตื่นเต้น ตอนนี้นางรู้แล้วว่าหยดน้ำต้นกำเนิดชีวิตนั้นมีค่าแค่ไหน นางจึงอยากรู้ว่าจะใช้มันอย่างไร
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดกับมี่ไลและหลิวเฟ่ยเฟ่ย “พวกเจ้าก็แค่ลงไปแช่อยู่ในสระ จากนั้นอันดับแรกก็โคจรวิชาพลังชีพหวนคืนเพื่อใช้น้ำในสระเสริมสร้างร่างกายของพวกเจ้าก่อน จากนั้นจึงค่อยเริ่มการบรรลุระดับขอบเขตประสานทะเลปราณของตัวเองต่อไป ซึ่งข้ามั่นใจว่าด้วยศักยภาพที่พวกเจ้ามีอยู่ พวกเจ้าจะบรรลุไปถึงระดับ 13 ของขอบเขตประสานทะเลปราณแน่นอน”
หลังจากได้รับคำแนะนำ มี่ไลและหลิวเฟ่ยเฟ่ยก็ไม่ลังเลที่จะลงไปแช่ตัวในบ่อน้ำต้นกำเนิดชีวิตและเริ่มบ่มเพาะตามคำแนะนำของหลิงตู้ฉิง
จากนั้นหลิงตู้ฉิงก็พูดกับเสี่ยวหลิงเฟิงว่า “หลังจากที่เจ้าลงแช่ตัวในบ่อน้ำต้นกำเนิดชีวิตแล้ว เจ้าจงโคจรวิชาพลังวิญญาณไร้จุดจบของคาถาวัฏจักรศักดิ์สิทธิ์ในการบ่มเพาะ จงจำไว้ว่าอย่าใช้วิชาอื่น มิฉะนั้นมันจะส่งผลต่อการดูดซับน้ำต้นกำเนิดชีวิตได้”
เสี่ยวหลิงเฟิงผู้ซึ่งได้รับการชี้แนะแล้ว จึงลงไปแช่ในบ่อน้ำต้นกำเนิดชีวิตทันที
“หยุนเอ๋อ เจ้าก็ควรจะลงไปเช่นกัน! แต่เจ้าไม่จำเป็นต้องทำลายศักยภาพของตัวเอง สิ่งที่เจ้าต้องทำนั้นมีอยู่สองอย่าง หนึ่งใช้มันในการเสริมความแข็งแกร่งให้ร่างกาย สองใช้พลังชีวิตที่อยู่ในน้ำต้นกำเนิดชีวิต ผสานเข้ากับเศษชิ้นส่วนของ ‘มายาเที่ยงแท้’ ซึ่งมันจะทำให้เศษชิ้นส่วนนั้นกลายเป็นส่วนหนึ่งของตัวเจ้าอย่างสมบูรณ์เพื่อที่ในอนาคตมันจะไม่มีใครสามารถพรากมันไปจากเจ้าได้” หลิงตู้ฉิงสั่งหลิงเทียนหยุน
หลังจากที่หลิงเทียนหยุนลงไปแช่แล้ว หลิงตู้ฉิงก็พูดกับเซียวเหลียนและตงฟางจุนที่อยู่ข้าง ๆ เขา “ศิษย์สำนักวิญญาณกระบี่ เจ้าเข้าไปทีหลัง และคอยจับตาดูคนข้างนอก ส่วนเซียวเหลียนมาข้างหน้าข้า ข้าอยากเห็นว่าเจ้ากำลังฝึกอะไรกันแน่”
แม้ว่าเซียวเหลียนจะติดตามเขามาหลายวัน แต่เขาก็ไม่เคยใช้ห้วงนิทราแห่งราชันย์เพื่ออ่านความทรงจำของเซียวเหลียน เขาไม่รู้เกี่ยวกับสถานการณ์ของเซียวเหลียนและไม่สามารถให้คำแนะนำในทางปฏิบัติได้
เซียวเหลียนมองไปที่หลิงตู้ฉิงและเดินไปข้างหน้าเขาอย่างเชื่อฟัง หลังจากการสังเกตอย่างถี่ถ้วนมา 2-3 วัน นางก็ยังไม่แน่ใจว่าหลิงตู้ฉิงรู้จักองค์หญิงของนางจริง ๆ หรือไม่ แต่อย่างน้อยก็มีสิ่งหนึ่งที่นางค่อนข้างแน่ใจนั่นก็คือคนผู้นี้ไม่มีเจตนาร้ายต่อนาง ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่ดูแลนางอย่างที่ทำและไม่พานางมาที่บ่อน้ำต้นกำเนิดชีวิตอย่างแน่นอน นางรู้ตัวดีว่าหากวัดจากความแข็งแกร่งของนาง นางไม่มีความสามารถพอที่จะได้รับโอกาสนี้
หลังจากหลิงตู้ฉิงได้ตรวจสอบเซียวเหลียนอยู่สักพัก เขาก็ให้คำชี้แนะแก่นางและปล่อยให้นางเข้าสู่บ่อน้ำต้นกำเนิดชีวิต เพื่อทะลวงศักยภาพของนางเอง
“ผู้อาวุโส ข้าต้องทำอย่างไรถึงจะสามารถบรรลุระดับต่อไปได้?” ตงฟางจุนถามอย่างเคารพ
หลิงตู้ฉิงเหลือบมองไปที่ตงฟางจุนและพูดว่า “เจ้าได้สำเร็จร่างกระบี่จนถึงขั้นปลายแล้วแถมยังได้รับการถ่ายทอดเร้นคมกระบี่และเผยคมสะบั้น แต่นี่เจ้ายังต้องการที่จะบรรลุระดับขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 14 อีกงั้นเหรอ?”
“ข้าต้องลองดู!” ตงฟางจุนหัวเราะเบา ๆ
หลิงตู้ฉิงส่ายหัวและพูดว่า “หลังจากที่เจ้าสำเร็จร่างกระบี่แล้วเจ้าจะไม่สามารถพัฒนาศักยภาพชีวิตของเจ้าได้อีก! อย่างไรก็ตามเจ้าสามารถใช้เร้นคมกระบี่เพื่อพัฒนา ‘ปราณกระบี่’ ในร่างกายของเจ้าได้”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ตงฟางจุนเผยร่องรอยของความเสียใจ แต่เขาก็ยังพยักหน้าเพื่อแสดงว่าเขาเข้าใจ
แต่เขาอดไม่ได้ที่จะคิดว่าถ้าเขาสามารถสำเร็จร่างกระบี่แล้วพร้อมกับสามารถทะลวงศักยภาพชีวิตของตัวเองไปยังระดับ 14 ของขอบเขตประสานทะเลปราณได้มันจะดีแค่ไหน? เขาคงจะกลายเป็นตัวตนอันไร้เทียมทานแห่งยุคเลยหรือไม่?
แต่เมื่อเขานึกถึงบรรพบุรุษของสำนักวิญญาณกระบี่ของเขาที่ในอดีต ที่มีรากฐานเพียงแค่ขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 12 และร่างกระบี่ แต่ก็ยังสามารถสร้างชื่อเสียงจนดังกระฉ่อนไปทั่วมหาพิภพไร้จุดจบ ในทางกลับกันถ้าเขาสามารถบรรลุไปถึงระดับ 14 ของขอบเขตประสานทะเลปราณและมีร่างกระบี่แล้วล่ะก็…มันคงจะเป็นการท้าทายสวรรค์มากเกินไป ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าเขาคงจะต้องโดนทัณฑ์จากสวรรค์แน่นอนจริงไหม?
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เขาก็ไม่รู้สึกว่ามันน่าเสียดายอีกต่อไป เขามองออกไปด้านนอกถ้ำที่กลุ่มคนยังคงยืนรออยู่อย่างใจจดใจจ่อ จากนั้นก็หันกลับมาและเหลือบมองไปที่หลิงตู้ฉิงและพูดขึ้นว่า “ผู้อาวุโส ถึงแม้ว่าท่านจะไม่ใช่บรรพบุรุษของสำนักวิญญาณกระบี่ของเรา แต่ท่านก็น่าจะมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับสำนักวิญญาณกระบี่ของเราใช่ไหม?”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและไม่พูดอะไร
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)