บทที่ 397 ผนึกฟีนิกซ์ตัวน้อย
ภายใต้การนำของหลิงตู้ฉิง ทุกคนบินไปยังส่วนลึกของท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว
ไม่มีใครรู้ว่าท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวนี้คือที่ไหนและไม่มีใครรู้ว่าหลิงตู้ฉิงกำลังมุ่งหน้าไปที่ใด
ในความเป็นจริงพวกเขาไม่เคยได้ยินเรื่อง ธุลีแห่งดาวสุริยะเทพ มาก่อน
อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ไม่ได้ถามอะไรมาก พวกเขารู้แค่ว่าพวกเขาเพียงต้องตามหลิงตู้ฉิงไปเท่านั้นก็พอแล้ว จากนั้นพวกเขาก็จะได้พบกับคำตอบของคำถามในใจของพวกเขาเอง
ทุกคนบินสูงขึ้นไปบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว ซึ่งมันดูเหมือนว่าจะเป็นห้วงอวกาศที่ไร้ขอบเขต ทั้งสามบินมา 3 วัน และก็ได้พบดวงดาวอยู่ทุกหนทุกแห่ง
หลังจากบินมา 3 วัน พวกเขาก็ยังไปไม่ถึงสถานที่ที่หลิงตู้ฉิงได้เอ่ยถึงก่อนหน้านี้ แต่พวกเขากลับได้พบกับใบหน้าที่คุ้นเคย
ใบหน้าที่คุ้นเคยเหล่านี้ไม่ใช่ใครอื่น พวกเขาคือ ตวนจู้ สีอี้เฉิง ปิงยู่หลาง
ก่อนหน้านี้พวกเขาทั้งสามคนโชคดีที่บังเอิญได้เจอกันกลางทาง จากนั้นพวกเขาจึงรวมกลุ่มกันตามหาโชคของพวกเขา
เมื่อพวกเขาเห็นหลิงตู้ฉิง พวกเขาก็ตะลึงเช่นกัน
“ทำไมพวกท่านถึงมาที่นี่ได้?” พวกเขาทั้งสามตกตะลึง
นอกเหนือจากตวนจู้ที่สับสนเล็กน้อย สีอี้เฉิง และปิงยู่หลางรู้ดีว่าต้องใช้พลังมากแค่ไหนถึงจะสามารถฝ่ากำแพงกั้นโลกมาที่นี่ได้
ซึ่งสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา หนึ่งในนั้นอยู่ที่ระดับ 11 ขอบเขตประสานทะเลปราณและอีกคนก็เพียงแค่ระดับ 12 พวกเขามีพลังมากพอที่จะมาที่นี่ได้ยังไง?
ส่วนเรื่องที่หลิงตู้ฉิงและคนของเขา สามารถเข้ามาในเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับได้นั้น พวกเขาไม่คิดว่ามันจะแปลกประหลาดอะไร
จากมุมมองของพวกเขา หลิงตู้ฉิงที่สุดแสนจะพิสดารเหนือมนุษย์คงจะมีวิธีการบางอย่างที่สามารถทำให้เขาเข้ามาได้แน่นอน
หรือไม่ หลิงตู้ฉิงที่มีกุญแจอยู่หลายดอกอยู่แล้ว หากเขาจะมีมันเพิ่มอีกสักดอกสองดอกมันก็คงจะไม่แปลกอะไรอยู่ดีในมุมมองของพวกเขา
หลิงตู้ฉิงยิ้มให้กับกลุ่มคนคุ้นหน้าที่อยู่ตรงหน้าเขาและพูดว่า “พวกเจ้าทั้งหมดคงสบายดีสินะ เอาล่ะตั้งใจฝึกฝนกันให้ดีล่ะ!”
เขาขี้เกียจเกินไปที่จะสนใจว่าคนเหล่านี้จะได้พบกับโอกาสอะไร ซึ่งมันก็เช่นเดียวกับที่เขาเคยพูดก่อนที่เขาจะเข้ามา หน้าที่ของเขามีแค่เพียงให้สิทธิ์กับพวกเขาในการเข้ามา ต่อจากนั้นเขาไม่มีหน้าที่รับผิดชอบใด ๆ ต่อพวกเขาเมื่ออยู่ข้างใน
เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงกำลังจะจากไป สีอี้เฉิงจึงรีบพูดว่า “พี่หลิง ข้าขอความช่วยเหลือจากท่านได้ไหม พวกเราได้พบสถานที่ที่ดีงามที่เป็นประโยชน์กับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราเป็นอย่างมาก ซึ่งสถานที่นั้นมันจะสามารถทำให้รัศมีดาราของพวกเราแข็งแกร่งยิ้งขึ้น”
“ถึงแม้ว่าพี่หลิงจะไม่ต้องการมันในตอนนี้ แต่ทั้งสองคนที่อยู่เคียงข้างท่านก็น่าจะต้องการมันเป็นอย่างมากเช่นกัน แต่บังเอิญว่าสถานที่นั้นได้ถูกผู้อื่นครอบครองไปแล้วและเราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา…”
หลิงตู้ฉิงพูดเบา ๆ ว่า “พวกเจ้าจงคิดหาวิธีด้วยตัวเองเถอะ นั่นไม่ใช่เป้าหมายของเรา แต่ถ้าเรามีโอกาสเจอกันอีกรอบ เราค่อยพูดถึงมันกันอีกที”
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็พาคนของเขาจากไปทันที ปล่อยให้ตวนจู้ สีอี้เฉิง และปิงยู่หลางต่างมองตามหลังเขาด้วยสีหน้าบึ้งตึง
“เข้ามาด้วยกันแท้ ๆ ทำไมถึงไม่คิดจะสนใจพวกเราบ้างเลยกันนะ?” ปิงยู่หลางพูดด้วยรอยยิ้มเหยเก
สีอี้เฉิงพูดอย่างเหนื่อยใจว่า “เฮ้อ…ใครใช้ให้เขาแข็งแกร่งกว่าเราล่ะ สงสัยพวกเราคงต้องหาทางด้วยตัวเองแล้วล่ะ ไปกันพวกเรา ลองไปหาโอกาสอื่นข้างหน้าต่อเผื่อว่าพวกเราจะได้รับโชคอะไรกับเขาบ้าง”
ตวนจู้พยักหน้าและมองไปที่หลิงตู้ฉิงและคนของเขาที่เพิ่งจากไป อันที่จริงนางเองก็มีอะไรที่ต้องการจะพูดขึ้นมากมาย
แต่นางก็ไม่ได้บ่นอะไรออกมา
เพราะคนคนนั้นเป็นคนที่พูดกับอาจารย์ของนางได้อย่างเท่าเทียมกัน
ตอนนี้นางจึงรู้สึกงงงวยมากว่าทำไมคนเช่นนี้ถึงต้องเข้ามาในเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ?
ในอีกด้านหนึ่ง หลิงตู้ฉิงและคนของเขาก็บินต่อไปอีก 2 วันและในที่สุดพวกเขาก็เห็นดาวขนาดใหญ่ ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 2-3 กิโลเมตร ดาวดวงนี้ทั้งดวงถูกปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงอันรุนแรง ทำให้มันดูไม่ต่างอะไรกับดวงอาทิตย์เลย
“นั่นคือเป้าหมายของเรา!” หลิงตู้ฉิงชี้ไปที่ดาวตรงหน้าพวกเขาและเอ่ยขึ้น
เย่ชิงเฉิงจิ๊ปากและพูดว่า “สามี เปลวเพลิงนี้รุนแรงเกินไป ข้าเกรงว่าพวกเราคงไม่น่าจะเข้าไปได้หรอก!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)