ตอน บทที่ 413 ออกจากเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ[ฟรี] จาก พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 413 ออกจากเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ[ฟรี] คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายAction พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
หลิงเทียนหยุนมองดูผลึกที่ส่องแสงบนร่างพ่อของเขาด้วยสีหน้างุนงง เนื่องจากเขารู้สึกได้ว่าหลังจากที่ผลึกนี้ส่องสว่าง ทุกสิ่งทุกอย่างมันดูกลายเป็นหยุดนิ่งแข็งค้างไปหมด แม้แต่ตัวเขาเองหรือร่างเงาของเขาก็ไม่สามารถขยับอะไรได้เลยและรวมไปถึงเมื่อเขาเองมองไปที่พ่อของเขา หลิงตู้ฉิงเองก็มีอาการแข็งค้างหยุดนิ่งเช่นกัน
ภาพที่เขาเห็นทุกอย่างในตอนนี้มันดูเหมือนว่าทุกอย่างรอบตัวเขาถูกหยุดเวลาไว้อยู่กับที่
“ท่านพ่อ เกิดอะไรขึ้นกับท่าน?” หลิงเทียนหยุนถามอย่างกังวล
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเขาจะถามออกไปหลิงตู้ฉิงก็ไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ ตอบโต้กลับ
“ท่านพ่อตื่นเร็วเข้า ท่านเป็นอะไรไปท่านพ่อ?” หลิงเทียนหยุนเริ่มกังวล
แต่แล้วในขณะที่หลิงเทียนหยุนกำลังสิ้นหวังและไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าการที่เขาเข้ามาที่นี่ได้อย่างง่ายดายมันเป็นเพราะแผนการของบุคคลที่สามที่ต้องการให้พ่อของเขาได้มาเจอกับผู้สร้างเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ แสงที่ส่องสว่างออกมาจากผลึกนั้นก็ค่อย ๆ มอดดับไป จากนั้นในที่สุดดวงตาของหลิงตู้ฉิงที่เคยแข็งค้างอยู่ก็ขยับได้
ในขณะเดียวกันหลิงเทียนหยุนก็ตระหนักว่าร่างเงาของเขาก็สามารถเคลื่อนไหวได้แล้วเช่นกัน
“ท่านพ่อ…” หลิงเทียนหยุนเอ่ยปากอย่างรีบร้อน
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “พ่อสบายดี”
“ท่านไม่เป็นอะไรจริง ๆ เหรอ? ว่าแต่เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น?” หลิงเทียนหยุนถาม
“ไม่มีอะไร แค่ติดปัญหาเล็กน้อย” หลิงตู้ฉิงเอ่ยเพียงเท่านี้ จากนั้นเขาก็ไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม
จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นและพูดกับท้องฟ้า “ทำใจให้สบาย ข้าไม่ได้สนใจเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับเลย ข้าแค่จะนำผลึกดวงใจสวรรค์นี้ไปให้กับลูกชายของข้าใช้ นอกจากนี้ข้ายังจะช่วยเจ้ากำจัดปัญหาใหญ่ด้วย ว่าแต่เจ้าอยากจะให้อะไรตอบแทนข้าบ้างไหม?”
“ท่านพ่อ ท่านกำลังพูดอยู่กับใครกัน?” หลิงเทียนหยุนถามขึ้นด้วยความสับสน เนื่องจากเขาเห็นปากของพ่อเขาขยับ แต่เขากลับไม่ได้ยินอะไรเลย
แต่แล้วจู่ ๆ คลื่นพลังวิญญาณที่อยู่บริเวณรอบ ๆ กลับควบแน่นกันโดยไม่มีสาเหตุ จากนั้นหลังจากเสียงดัง ตูม! ทั้งหลิงตู้ฉิงและหลิงเทียนหยุนก็ถูกผลักออกจากจุดที่พวกเขาอยู่และดิ่งลงสู่พื้นเบื้องล่างอย่างรวดเร็ว
และเมื่อคู่พ่อลูกร่วงลงไปถึงพื้น หลิงเทียนหยุนก็แสดงอาการตกใจและงุนงงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ทางด้านของหลิงตู้ฉิงก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ เขาลุกขึ้นและหยิบวัสดุล้ำค่าที่หล่นกระจัดกระจายอยู่รอบตัวเขา ซึ่งแน่นอนว่ามันรวมไปถึงผลึกประหลาดที่หลิงตู้ฉิงเรียกมันว่า ผลึกดวงใจสวรรค์
หลิงเทียนหยุน ขณะนี้เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยสายตางุนงง จากนั้นก็หันหน้าไปทางหลิงตู้ฉิง “ท่านพ่อเราจะทำยังไงกับของพวกนี้ดี?”
หลิงตู้ฉิงยิ้ม “พ่อจะต้องสร้าง หม้อเอกภพ ก่อน ตราบใดที่เรามีหม้อเอกภพ เราก็จะหมดปัญหากับการเก็บของเหล่านี้หรือของอื่น ๆ ได้อย่างง่ายดาย”
“แล้วเราจะสร้างหม้อเอกภพได้ยังไงล่ะท่านพ่อ?” หลิงเทียนหยุนถามขึ้น
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ด้วยผลึกสวรรค์โกลาหล และวัสดุอื่น ๆ ที่เราสามารถหาได้จากที่นี่แค่นี้พ่อก็สามารถสร้างหม้อเอกภพขึ้นได้แล้ว”
อย่างไรก็ตาม ยังมีสิ่งหนึ่งที่หลิงตู้ฉิงยังคงรู้สึกยุ่งยากใจอยู่ นั่นก็คือวิธีการจัดเก็บเพลิงแรกกำเนิด เนื่องจากด้วยความรุนแรงของเปลวเพลิงของมัน หากเขานำมันเก็บเข้าไปในหม้อเอกภพรวมกับของอื่น ๆ ของสิ่งอื่นที่สัมผัสกับมันจะถูกเผาไหม้เสียหายไปจนหมด ดังนั้นสิ่งสำคัญอันดับแรกของเขาในตอนนี้คือการจัดการกับเพลิงแรกกำเนิด
หลังจากคิดอยู่นาน หลิงตู้ฉิงก็นำเพลิงแรกกำเนิดที่เป็นตัวแทนของธาตุไฟหลอมรวมเข้ากับสมบัติแรกกำเนิดอีก 4 รายที่เป็นตัวแทนของธาตุอื่น ๆ จนกลายเป็น กงล้อเบญจธาตุ ซึ่งแน่นอนว่าสมบัติที่เขาเพิ่งสร้างขึ้นที่เขาตั้งชื่อว่า กงล้อเบญจธาตุ ชิ้นนี้เขาไม่ได้ตั้งใจจะใช้ประโยชน์ของมันในตอนนี้ เขาเพียงแค่สร้างมันขึ้นมาเพื่อต้องการจัดเก็บเพลิงแรกกำเนิดเข้าไป เพื่อป้องกันไม่ให้เปลวเพลิงของมันไปสัมผัสกับของชิ้นอื่นก็เท่านั้น
เมื่อสร้างเสร็จ หลิงตู้ฉิงก็หยิบกงล้อเบญจธาตุ ผลึกสวรรค์โกลาหล และ เมล็ดพันธุ์ต้นไม้โลก รวมทั้งผลึกดวงใจสวรรค์ จากนั้นก็ออกตามหาวัสดุอื่น ๆ ในโลกขอบเขตนภาเพื่อสร้างหม้อเอกภพ ซึ่งพวกเขาก็ใช้เวลาอยู่นานกว่าจะหาวัสดุทุกอย่างได้ครบ และจากนั้นพวกเขาก็เริ่มดำเนินการสร้างหม้อเอกภพ
เมื่อมองไปที่หม้อสามขาที่ดูผิดรูปตรงหน้าเขา หลิงเทียนหยุนพูดอย่างกังวล “ท่านพ่อ นี่ท่านใกล้เสร็จแล้วหรือยัง เวลาของพวกเรามันใกล้จะหมดแล้วนะ มันเหลืออีกไม่ถึง 200 วันเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับมันก็จะปิดแล้วนะท่านพ่อ!”
ถ้าหากเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับปิดลงเมื่อไหร่ แล้วพวกเขาไม่ออกไปในตอนนั้นพวกเขาจะต้องเดือดร้อนหนัก
และเมื่อไปถึงป่ากระบี่ ในที่สุดพวกเขาก็เจอ มี่ไล หลิวเฟ่ยเฟ่ย และ เสี่ยวหลิงเฟิง ยืนรอกันอยู่ที่นอกป่ากระบี่ ซึ่งในป่ากระบี่ก็มี ตงฟางจุน ที่กำลังอยู่ในระหว่างการทำความเข้าใจกับปราณกระบี่ที่อยู่ด้านใน
เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงและหลิงเทียนหยุนกลับมาแล้ว มี่ไลและคนอื่น ๆ ก็ถามอย่างมีความสุขว่า “สามี เป็นยังไงบ้าง? ท่านได้รับอะไรดี ๆ มาบ้างไหม?”
“เรื่องนั้นไว้เราค่อยคุยกันหลังจากเราออกไปจากที่นี่” จากนั้นหลิงตู้ฉิงก็ตะโกนไปยังด้านในป่ากระบี่ “ไอ้หนู! เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับจะปิดในอีกไม่ถึง 10 วัน เจ้าจะอยู่ในนั้นอีกนานแค่ไหน?”
เมื่อตงฟางจุนได้ยินเสียง เขาก็รีบออกจากป่ากระบี่และถามว่า “เหลืออีกไม่ถึง 10 วันเองงั้นเหรอ?”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัวและพูดว่า “ข้ามีเรื่องที่จะพูดกับเจ้า จงตามข้ามาก่อน!”
หลังจากนั้น หลิงตู้ฉิงก็พาทุกคนไปยังจุดที่อยู่สูงที่สุดของโลกขอบเขตประสานทะเลปราณทันที
“ทำลายมันอีกรอบ เราต้องไปรวมกลุ่มกับคนของที่อยู่ในโลกขอบเขตรวมแสงดารา” หลิงตู้ฉิงสั่งขึ้น
ตงฟางจุนพยักหน้ารับทราบทันที และจากนั้นเขาก็ตวัดกระบี่ขึ้นไปยังท้องฟ้าส่งผลให้กำแพงแบ่งโลกถูกฉีกออกเหมือนเช่นครั้งที่แล้ว ซึ่งหลังจากนั้นหลิงตู้ฉิงก็สั่งให้ทุกคนเข้าไปในโลกขอบเขตรวมแสงดาราทันที
“เอาล่ะเจ้าหนู ข้าจะถ่ายทอดเพลงกระบี่เผาผลาญให้ แล้วจากนั้นเจ้าก็จงออกไปซะ และถ้าโชคชะตาเป็นใจ เราจะได้พบกันใหม่ในอนาคต!” หลิงตู้ฉิงเอ่ยขึ้น
“ขอบคุณผู้อาวุโส!” หลังจากที่เขาได้รับการถ่ายทอดเพลงกระบี่เผาผลาญ ตงฟางจุนก็โค้งคำนับแสดงความขอบคุณต่อหลิงตู้ฉิง และจากนั้นเขาก็ทำลายอักขระในห้วงจิตสำนึกและออกจากเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับทันที
ทางด้านของหลิงตู้ฉิง เมื่อเขาเห็นว่าตงฟางจุนออกไปแล้ว เขาก็พูดกับคนอื่น ๆ “หลิงเฟิง เจ้าไปก่อน ลั่วเอ๋อ เหมือนกับที่เราเข้ามาเราจะออกไปด้วยกัน ไปกันเถอะ!”
เมื่อพูดจบ ร่างของทุกคนก็เล็กลงและหรี่ลง และหายไปจากเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)