ในขณะนี้ หลิงตู้ฉิงได้มาถึงเรือนของหลิงฟ่างหัวเรียบร้อยแล้ว
และเมื่อหลิงฟ่างหัวได้ยินพ่อของนางตะโกนเรียก นางจึงรีบออกไปพาหลิงตู้ฉิงเข้ามาในเรือนทันที
“ท่านพ่อ พึ่งไปหาพี่สองมาใช่ไหม? อาการของนางดีขึ้นรึยัง?” หลิงฟ่างหัวยิงคำถามก่อนทันที
“นางดีขึ้นบ้างแล้ว” หลิงตู้ฉิงพยักหน้า
“ท่านพ่อ เราต้องคุยกันเรื่องของไอ้เลวนั่นก่อน ต่อให้ท่านไม่ยินยอมแต่ข้าจะฆ่าไอ้เลวนั่นให้ได้” หลิงฟ่างหัวพูดด้วยสีหน้าเคียดแค้น “พวกเราพี่น้องไม่เคยถูกใครดูหมิ่นแบบนี้มาก่อน ข้าสาบานว่าข้าจะทำให้มันต้องเสียใจที่ได้เกิดมาบนโลกใบนี้!”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัวและพูดว่า “พ่อได้รับปากกับว่านถิงไปแล้ว ว่าจะให้นางเป็นผู้ตัดสินชีวิตของคนผู้นั้นว่าจะอยู่หรือว่าจะตาย ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องครั้งนี้มันกระทบกับจิตใจของพี่สาวของเจ้ามากเกินไป ดังนั้นหากเจ้าเข้าไปแทรกแซงก่อนเวลาอันควร เรื่องนี้มันจะกลายเป็นทัณฑ์ทางโลกของนาง!”
หลิงฟ่างหัวกลอกตาและพูดว่า “ท่านพ่อ ข้าไม่สนใจทัณฑ์ทางโลกอะไรนั่น ข้าแค่อยากฆ่ามัน”
หลิงตู้ฉิงพูดอย่างหมดหนทาง “เราจะพูดถึงเรื่องนี้ในภายหลัง! สาวน้อย ครั้งนี้พ่อไปที่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับและได้อะไรดี ๆ กลับมาให้เจ้า นี่คือสายเลือดของหนอนมิติตราบใดที่เจ้าดูดซับและเข้าใจในความสามารถของมัน ต่อให้เจ้าจะติดอยู่ในอาณาเขตสวรรค์ของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ เจ้าก็ยังสามารถเจาะผ่านมิติหนีออกมาได้ หรือให้พูดอีกอย่างก็คือตราบใดที่เจ้าไม่ถูกฆ่าตายภายในทันที เจ้าก็จะสามารถหนีออกมาจากสถานการณ์คับขันทุกสถานการณ์ได้อย่างแน่นอน”
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็หยิบขวดเลือดออกมา จากนั้นเขาก็ดึงเลือดออกมาจากหนอนมิติที่อยู่ด้านในขวด
หลิงฟ่างหัวจ้อมมองมันด้วยสายตาตื่นเต้น “ขอบคุณท่านพ่อ ข้าล่ะถูกใจกับของที่ท่านเอามาให้ข้าจริง ๆ! นี่ถ้าก่อนหน้านี้ข้ามีมันนะ ข้าคงไม่ถูกพวกไอ้คนพวกนั้นต้อนจนเหนื่อยแน่นอน ฮี่ฮี่ฮี่ คราวนี้ล่ะ ข้าจะได้เคลื่อนที่ไปไหนมาไหนได้อิสระอย่างแท้จริงและถ้าหากข้าเจอไอ้คนพวกนั้นอีกเมื่อไหร่ล่ะก็ ฮึ่ม!”
“เดี๋ยวก่อนนะ ฟ่างหัว! เจ้าอย่าได้คิดอะไรประมาทแบบนั้น!” หลิงตู้ฉิงรีบเตือน “เพียงเพราะเจ้าสามารถเจาะผ่านอาณาเขตสวรรค์ได้ มันไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะสามารถจัดการกับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ได้ แค่แรงกดดันจากพลังจิตของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ก็เพียงพอแล้วที่จะฆ่าเจ้า นอกจากนี้หากเจ้าพบกับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันหรือสูงกว่า เจ้าจะไม่สามารถหลบหนีพวกเขาเหล่านั้นได้เลยเช่นกัน เพราะผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันสามารถใช้เจตจำนงของพวกเขาในการเปลี่ยนแปลงกฎได้”
“ข้าเข้าใจท่านพ่อ ข้าจะไม่ไปยั่วโมโหพวกเขา!” หลิงฟ่างหัวรีบพูด
“อืม เอาล่ะ อันดับแรกเจ้าจงดูดซับเลือดของหนอนมิติก่อนแล้ว จากนั้นก็จงทำความเข้าใจกับความลับในสายเลือดของมัน อ๋อ เอาประตูมิติของเจ้าออกมาด้วย พ่อจะช่วยปรับแต่งมันให้อีกสักเล็กน้อยด้วยวัสดุที่พ่อได้มาจากเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ ซึ่งมันน่าจะทำให้ประตูของเจ้าแข็งแกร่งขึ้นได้อีกระดับหนึ่ง” หลิงตู้ฉิงยิ้ม
เนื่องจากวิชาที่เขาถ่ายทอดให้หลิงฟ่างหัวนั้นด้อยกว่าของผู้อื่นมากที่สุด ดังนั้นเขาจึงมีเรื่องที่ต้องพิจารณามากมายเกี่ยวกับการพัฒนาความแข็งแกร่งให้กับหลิงฟ่างหัว
“ท่านพ่อ นี่สำหรับท่าน ท่านต้องทำให้มันแข็งแกร่งขึ้นอีกเยอะเลยนะ!” หลิงฟ่างหัวนำประตูมิติออกมามอบให้กับหลิงตู้ฉิงพร้อมกับหัวเราะ จากนั้นนางก็เริ่มดูดซับสายเลือดของหนอนมิติเข้าไปในร่างกายของนาง
หลิงตู้ฉิงเมื่อได้รับประตูมิติมาแล้ว เขาจึงเดินจากไปเพื่อไปที่เรือนของหลิงไช่หยุนต่อ
ในขณะนี้หลิงไช่หยุนกำลังสนทนาอย่างออกรสกับเสี่ยวเยว่เฟิงและเสี่ยวหลิงเฟิง
แต่เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงเดินเข้ามาถึง หลิงไช่หยุนก็ถามกับพ่อของนางทันที “ท่านพ่อ ตอนนี้ข้าอยู่ระดับ 13 ของขอบเขตประสานทะเลปราณแล้ว ข้ายังต้องบ่มขอบเขตประสานทะเลปราณต่อไปอีกไหม?”
หลังจากที่นางยกระดับการบ่มเพาะของนางจนถึงระดับ 13 นางก็ไม่แน่ใจว่านางควรจะทะลวงขึ้นไปยังขอบเขตรวมแสงดาราดีหรือเปล่า
“เจ้ารู้สึกว่าเจ้าสามารถฝึกฝนไปจนถึงระดับที่ 14 ได้รึเปล่า?” หลิงตู้ฉิงถามด้วยรอยยิ้ม
หลิงไช่หยุนมุ่ยหน้า “ข้ารู้สึกได้ถึงระดับ 14 เหมือนกัน แต่ข้าคิดว่าข้าคงต้องใช้ความพยายามมาก ๆ เลยถึงจะสามารถบรรลุไปถึงระดับนั้นได้”
หลิงตู้ฉิงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วยิ้ม “แต่เดิมเจ้าไม่จำเป็นต้องบ่มเพาะไปถึงระดับ 14 เพราะระดับที่ 14 สำหรับเจ้ามันอาจจะไม่ได้สำคัญเหมือนกับคนอื่น ๆ แต่พ่อก็หวังว่าเจ้าจะลองพยายามไปถึงระดับที่ 14 ดูเพราะไม่ว่าจะยังไงมันก็จะทำให้เจ้าแข็งแกร่งขึ้นได้ อ๋อ แล้วอีกอย่าง พ่อได้นำของดีกลับมาให้เจ้าด้วย ของชิ้นนี้มันจะช่วยประหยัดเวลาการบ่มเพาะของเจ้าได้มากเชียวล่ะ”
เมื่อซือโถวเหวินหยวนได้เข้ามาถึง เขาก็พูดขึ้นด้วยสีหน้าเคียดแค้น “นายท่านข้าได้ยินมาว่ามีคนรังแกนายหญิงของข้า? โปรดนายท่านบอกกับข้าทีว่าคนเหล่านั้นมันเป็นใครกัน? เมื่อข้ากลับไปสำนักเต๋าสวรรค์ ข้าจะได้รายงานเรื่องนี้ไปยังเหล่าบรรพบุรุษของข้าให้มาทำลายพวกเขาซะ!”
หลิงว่านถิงนับได้ว่าเป็นตัวตนที่ล้ำค่าที่สุดของสำนักเต๋าสวรรค์ของพวกเขา ตอนนี้นางถูกรังแกเขาย่อมโกรธแค้นเป็นอย่างมาก
หลิงตู้ฉิงเหลือบมองไปที่ซือโถวเหวินหยวน และพูดว่า “เจ้ามาได้ถูกเวลาจริง ๆ ข้าเองกำลังจะให้คนไปตามเจ้าเข้ามาพอดี ข้าต้องการให้เจ้ากลับไปที่สำนักเต๋าสวรรค์เพื่อให้เจ้าไปตามคนที่มีความสามารถพอของสำนักเจ้ามาที่นี่ เพื่อให้คนผู้นั้นคุ้มกันว่านถิงไปที่สำนักของพวกเจ้า”
“นายท่านอนุญาตให้เรามารับนายหญิงแล้วงั้นเหรอ?” ซือโถวเหวินหยวนประหลาดใจ เท่าที่เขาเคยคิดหลิงตู้ฉิงจะฝึกฝนหลิงว่านถิงให้ถึงในระดับหนึ่งก่อนที่จะส่งตัวนางไปที่สำนักของเขา เขาไม่คาดคิดว่าหลิงตู้ฉิงจะส่งนางในตอนนี้
หลิงตู้ฉิงพูดอย่างชัดเจนว่า “ตอนนี้ว่านถิงมีอารมณ์ที่ไม่มั่นคงและนางก็อยากจะออกไปท่องโลกภายนอก ดังนั้นข้าจึงคิดว่าการให้นางไปที่สำนักเต๋าสวรรค์ของเจ้านั้นเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด อย่างไรก็ตามหากคนที่สำนักเต๋าสวรรค์ของเจ้าส่งมานั้นไม่มีความสามารถเพียงพอจนทำให้ในระหว่างการเดินทางลูกของข้าต้องประสบปัญหาใด ๆ ก็ตาม พวกเจ้าจงเตรียมใจเอาไว้เลยว่าข้าจะไปคิดบัญชีกับพวกเจ้าแน่ ๆ พูดตามตรงนอกจากวิธีการบ่มเพาะที่ยอดเยี่ยมแล้วสำนักเต๋าสวรรค์ของเจ้ามันก็ไม่มีอะไรที่ดูน่าสนใจมากไปกว่านั้นเลย”
ซือโถวเหวินหยวนรู้สึกผิดและพูดว่า “นายท่าน สำนักเต๋าสวรรค์ของเรายังคงมีอะไรอีกตั้งหลายอย่างที่น่าสนใจ…”
“ไปจัดการเรื่องนี้ให้ดี แล้วข้าจะให้ผลประโยชน์บางอย่างแก่เจ้าเมื่อถึงเวลา!” หลิงตู้ฉิงพูดขึ้น
“ขอบคุณ นายท่าน!” ซือโถวเหวินหยวนรีบพูด
“ไปได้แล้ว!” หลิงตู้ฉิงโบกมือให้เขาออกไป
ซือโถวเหวินหยวนพยักหน้าและหันหลังจากไปทันที ขณะนี้ในใจของเขาไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการพาหลิงว่านถิงไปที่สำนักเต๋าสวรรค์ ส่วนปัญหาของหลิงว่านถิง หลังจากที่เขารายงานให้เหล่าผู้อาวุโสของสำนักเต๋าสวรรค์ทราบแล้วเขามั่นใจว่าสำนักของเขาจะต้องส่งคนมาจัดการเรื่องนี้อย่างเหมาะสมแน่นอน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)