หลงเฉินที่กลายร่างเป็นมนุษย์แล้วยืนอยู่ข้าง ๆ หลิงตู้ฉิงด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย
แต่ที่เขากังวลหลัก ๆ ก็คือ เขากังวลว่าหลิงตู้ฉิงจะสั่งให้เขาออกไปต่อสู้กับผู้คนจากอาณาจักรหลงซาน หากเป็นเช่นนั้นภายใต้อำนาจของสัญญาที่เขาได้ลงนามลงไป เขาจะไม่มีทางเลือกนอกจากต้องต่อสู้กับบรรดาคนที่เคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาเอง
ในขณะเดียวกัน เขาก็กังวลอีกเรื่องเช่นกันว่า หลิงตู้ฉิงและอาณาจักรจันทราจะไม่สามารถเอาชนะฝั่งตรงข้ามได้ ซึ่งด้วยสถานะของเขาตอนนี้ที่เป็นคนลากรถม้าให้หลิงตู้ฉิง เขาเองจะต้องเดือดร้อนไปด้วยแน่นอน
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขามองไปที่ท่าทีของหลิงตู้ฉิง เขาก็รู้สึกโล่งใจเล็กน้อย เนื่องจากหลิงตู้ฉิงเองก็ไม่มีท่าทีจะส่งเขาออกไปสู้แม้แต่น้อยถึงแม้ว่าเขาจะเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญขั้นสูงสุดที่มีประโยชน์แน่นอนเมื่อส่งลงสู่สนามรบด้วย
แต่น่าเสียดายที่ผู้เชี่ยวชาญทั้ง 30 คนของหลงเฉินที่ลงสัญญาว่าจะรับใช้หลิงยี่เทียนนั้นไม่ได้โชคดีแบบหลงเฉิน พวกเขาทั้งหมดต้องออกไปสู้ภายใต้คำสั่งของหลิงยี่เทียนตั้งแต่แรกเริ่ม
ทางด้านของหลงเฉินที่ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องทำอะไร เขาจึงมองไปที่สนามรบเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์ที่เกิดขึ้น และเมื่อเขามองไป เขาเองก็รู้สึกตกตะลึงในความแข็งแกร่งของอาณาจักรจันทรา
หากมองจากสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าอาณาจักรมังกรทะยานส่งคนมาช่วยอาณาจักรหลงซานแล้วล่ะก็ ป่านนี้อาณาจักรจันทราคงจบศึกนี้ได้ไปนานแล้ว
อย่างไรก็ตาม ด้วยการสนับสนุนของอาณาจักรมังกรทะยาน ถึงแม้ว่าอาณาจักรจันทรานั้นจะมีความแข็งแกร่งมากก็จริง แต่หลงเฉินก็ค่อนข้างมั่นใจว่าไม่ช้าก็เร็วทางฝั่งของอาณาจักรจันทราจะต้องเพลี่ยงพล้ำอย่างแน่นอน เนื่องจากทางฝั่งของอาณาจักรหลงซานยังเหลือผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญอีกกว่าร้อยคนที่ยังไม่ได้ลงมือ!
ในขณะที่เขากำลังพิจารณาว่าเขาควรจะบอกหลิงตู้ฉิงเกี่ยวกับเรื่องนี้และชักชวนให้รีบล่าถอยดีหรือไม่ เขาก็สังเกตเห็นว่าผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญของเหยียนฮ่าวหัวเริ่มเคลื่อนไหวเข้ามาปิดล้อมเขาและกลุ่มของหลิงตู้ฉิง ซึ่งมันทำให้รู้สึกกังวลเป็นอย่างมากและสาปแช่งเหยียนฮ่าวหัวในใจ “ข้ายังอยู่ที่นี่ เจ้าไม่เห็นข้าเหรอ!?”
เหตุผลที่เขาได้แต่สาปแช่งอยู่ในใจไม่พูดออกมาดัง ๆ ก็เป็นเพราะตอนนี้ตัวเขาได้กลายเป็นมังกรเทียมรถม้าให้หลิงตู้ฉิงแล้ว เขาไม่ใช่คนฝั่งเดียวกับอาณาจักรหลงซานอีกต่อไป
หลงเฉินรู้สึกเศร้าสลด ถ้าเขารู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้เขาคงจะดื้อดึงไม่ทำสัญญากับหลิงตู้ฉิงแน่นอน เพราะต่อให้เขาจะต้องตายด้วยน้ำมือของหลิงตู้ฉิง เขาก็จะตายไปอย่างมีเกียรติ แต่ถ้าเขาตายตอนนี้เขาจะตายอย่างคนทรยศ
เมื่อเผชิญหน้ากับสรรพวิชาต่าง ๆ นับร้อยที่บรรดาผู้เชี่ยวชาญของเหยียนฮ่าวหัวโจมตีเข้ามาหา หลงเฉินที่มองเห็นภาพเช่นนี้ก็รู้สึกว่าอย่างน้อย ๆ ฉากการตายของเขามันก็ค่อนข้างอลังการพอตัว
แต่แล้วเมื่อทักษะต่าง ๆ ที่กำลังพุ่งเข้ามา เมื่อมันมาถึงได้ครึ่งทางพวกมันกลับหยุดลงอย่างกะทันหัน เนื่องจากในเวลาเดียวกัน หลิงตู้ฉิงโบกหลิงจู้ในมือของเขาและส่งเส้นขนของมันหลายสิบเส้นลอยออกไปสร้างม่านป้องกันทักษะการโจมตีต่าง ๆ ที่พุ่งตรงเข้ามาให้หยุดนิ่งภายในพริบตา
เมื่อเกิดเหตุเช่นนี้ขึ้น หลิงจู้ก็สั่นเล็กน้อย เพราะมันค้นพบว่าตัวมันมีพลังแบบนี้เป็นครั้งแรก
หลิงตู้ฉิงไม่สนใจความรู้สึกของมันและหันกลับไปหาหลิงว่านถิง และพูดว่า “อีกไม่นานเจ้าก็จะไปที่สำนักเต๋าสวรรค์แล้ว ซึ่งพ่อคงจะไม่ได้เจอเจ้าอีกนานและคงไม่สามารถชี้แนะอะไรให้เจ้าได้ในช่วงเวลาที่เจ้าอยู่ที่นั่น ดังนั้นวันนี้พ่อจะสาธิตให้เจ้าเห็นสิ่งที่เรียกว่า วิชาเก้าอักขระมนตราของสำนักเต๋าสวรรค์ และสิ่งที่เรียกว่า วิชาสรรพสิ่งไร้จีรัง”
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็ดูดพลังวิญญาณออกมาจากรถม้าและกวักมือดึงร่างของหลิงว่านถิงให้ลอยมาที่ด้านข้างของเขา
จากนั้น หลิงตู้ฉิงส่งหลิงจู้ใส่มือของหลิงว่านถิง แล้วพูดกับนางว่า “เจ้าจงควบคุมหลิงจู้ไว้ก่อน จากนั้นจงดูการสาธิตของพ่อครั้งนี้อย่างตั้งใจ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลิงว่านถิงก็จับหลิงจู้ไว้แน่นและจับตามองการกระทำของพ่อนางด้วยความตั้งใจ
“อันดับแรกพ่อจะแสดงให้เจ้าดูถึงอำนาจของอักษร ‘ยับยั้ง!’ ” หลิงตู้ฉิงพูดด้วยรอยยิ้ม
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็บังคับเส้นขนทั้งหมดของหลิงจู้ที่เขาสะบัดพวกมันลอยออกไปก่อนหน้านี้ตอนแรก ดัดให้พวกมันกลายเป็นตัวอักษรนับสิบ ซึ่งอักษรเหล่านี้ที่เขาสร้างขึ้นทุกคนต่างสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งที่ไม่อาจถูกทำลายได้แผ่ออกมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)