ในขณะที่บินไปยังเมืองวิญญาณโลหิต ทุกคนที่อยู่ในรถม้าก็สังเกตเห็นว่าพลังวิญญาณที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็กำลังไหลเข้าไปยังร่างกายหลิงตู้ฉิง
ทุกคนมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยความประหลาดใจ
โดยปกติแล้ว หลิงตู้ฉิงจะดูดซับพลังวิญญาณอยู่ตลอดเวลา ซึ่งคนที่อยู่ใกล้กับเขาส่วนใหญ่จะไม่มีใครสัมผัสได้ถึงมันสักเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ทุกคนในรถม้ากลับสามารถสัมผัสมันได้อย่างชัดเจน
เหตุการณ์นี้มันทำให้ทุกคนรู้สึกงุนงง พวกเขาต่างสงสัยว่าหลิงตู้ฉิงฝึกอะไรกันแน่
แม้แต่เย่ชิงเฉิงก็รู้แค่ว่า หลิงตู้ฉิงบ่มเพาะโดยใช้อารมณ์ในการขับเคลื่อน แต่นางก็ยังไม่รู้ถึงรายละเอียดมันอยู่ดี
แต่แน่นอนว่าถึงแม้นางจะไม่รู้รายละเอียดของวิธีการบ่มเพาะที่หลิงตู้ฉิงใช้ แต่นางก็มีความสุขเมื่อได้เห็นพลังวิญญาณกำลังไหลเข้าสู่ร่างกายของหลิงตู้ฉิงอย่างรุนแรง
ถึงแม้ว่าเขาจะต้องการพลังวิญญาณจำนวนมากกว่าคนปกตินับหมื่นนับพันเท่า แต่เขาก็ควรจะทะลวงขอบเขตได้อยู่ดี หากเขายังคงสะสมพลังวิญญาณต่อไปอย่างต่อเนื่องแบบนี้ใช่ไหม?
ทางด้านของหลิงตู้ฉิง ในตอนนี้กำลังคิดถึงเรื่องอื่น
เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า ลั่วต๋าและเหวยชี่หมิงจะรู้สึกขอบคุณเขาถึงขนาดนั้น กับคำพูดสบาย ๆ เพียงไม่กี่คำที่เขาเอ่ยออกไป
ประโยคที่พวกเขาพูดออกไปมันสำคัญขนาดนั้นได้ยังไง?
สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือแค่เพียงประโยคเดียวที่เอ่ยออกไปมันกลับสามารถทำให้ความขัดแย้งระหว่างสองตระกูลได้รับการแก้ไขในทันที แถมยังช่วยให้ชีวิตของผู้คนจำนวนมากจากทั้งสองตระกูลไม่ต้องล้มตายจากการต่อสู้กันเอง เมื่อเป็นเช่นนี้ลั่วต๋าและเหวยชี่หมิงจะไม่รู้สึกขอบคุณได้อย่างไร?
ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่เขาคิดก็คือ หลังจากไปถึงเมืองวิญญาณโลหิต เขาจะต้องไปสะสางปัญหาของสำนักวิญญาณโลหิตที่เขาเคยสร้างไว้เมื่อหลายหมื่นปีก่อนหน้านี้
ในครั้งนั้น สำนักวิญญาณโลหิตเป็นเพียงผู้สมรู้ร่วมคิดเท่านั้น ซึ่งเวลาที่พวกเขาได้รับโทษทัณฑ์มันก็ผ่านมาหลายหมื่นปีแล้ว มันจึงถึงเวลาที่เขาต้องปลดผนึกสำนักนี้ให้เป็นอิสระ
มิฉะนั้นเขาจะมาที่อาณาเขตวิญญาณโลหิตทำไม?
หลังจากผ่านไปกว่าหนึ่งเดือน ในที่สุดหลงเฉินก็บินมาถึงเมืองวิญญาณโลหิต
สาเหตุที่เขาใช้เวลานานกว่าจะบินมาถึงก็เป็นเพราะ อาณาเขตวิญญาณโลหิตนั้นมีขนาดใหญ่เกินไป มันใหญ่กว่าขนาดของอาณาเขตนภาถึงสามเท่า ดังนั้นเขาจึงต้องใช้เวลามากในการบินมาถึงเมืองวิญญาณโลหิต
หลังจากมาถึงเมืองวิญญาณโลหิต ทุกคนก็ลงมาที่พื้น หลงเฉินกลายร่างเป็นมนุษย์และเสี่ยวเยว่เฟิงก็เก็บรถม้าเข้าไปในแหวนมิติของนาง
“บรรยากาศของเมืองนี้ช่างเหมาะสมกับชื่อของมันจริง ๆ ที่ถูกเรียกว่าเมืองวิญญาณโลหิต ทั่วทั้งเมืองมีแต่กลิ่นคาวของเลือดหนักหนาสาหัสอะไรเช่นนี้” เย่ชิงเฉิงย่นจมูกและพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว
เมื่อพูดถึงเมืองวิญญาณโลหิตแล้ว มันเป็นอีกเมืองที่มีความสวยงามเป็นอย่างมากแถมยังมีขนาดใหญ่กว่าเมืองหยูหลัน และถึงแม้ว่าทั่วทั้งเมืองจะไม่ได้มีเลือดนองอยู่ตามท้องถนนเหมือนดั่งชื่อเมือง แต่กลิ่นของเลือดก็ยังคงอบอวลไปทั่วทั้งเมืองตลอดเวลา
หลิงตู้ฉิงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “ครั้งหนึ่งใกล้ ๆ เมืองนี้นั้นมีสำนักวิญญาณโลหิตตั้งอยู่ ซึ่งใต้ดินลึกลงไปของที่ตั้งสำนักนั้นมีมหาวิถีเต๋าของสำนักวิญญาณโลหิต แฝงอยู่ ซึ่งมันคือที่มาของกลิ่นคาวเลือดที่ตลบอบอวลไปทั่วทั้งเมืองวิญญาณโลหิต นอกจากนี้เนื่องจากสถานที่แห่งนี้อยู่ใกล้กับสำนักวิญญาณโลหิต มันจึงมีผู้เชี่ยวชาญหลายคนที่บ่มเพาะวิถีแห่งโลหิตอยู่หลายแขนง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)