แน่นอนว่าเด็กหญิงคนนี้ก็คือ หนิงฉิง คนที่เคยรับอาสามาที่นี่เพื่อตรวจสอบจุดประสงค์ของตงฟางจุน ส่วนระดับการบ่มเพาะของนางนั้นเนื่องจากเหตุผลบางประการนางจึงยังคงมีระดับการบ่มเพาะอยู่แค่ระดับสวรรค์สามัญ
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่านางจะระดับการบ่มเพาะที่ต่ำเตี้ยแต่ด้วยปัจจัยที่นางได้บ่มเพาะวิชาลับของสำนักวิญญาณโลหิต ความแข็งแกร่งของนางจึงไม่อาจวัดได้จากระดับการบ่มเพาะ
และเป็นเพราะนางใช้วิชาลับของสำนักวิญญาณโลหิต นางจึงสามารถแอบมาปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนได้โดยที่ไม่มีใครจับได้และเข้าใจว่านางโผล่ออกมาจากตึกที่ถูกฟื้นฟู
แต่น่าเสียดายที่แม้ว่าการกระทำของนางจะสามารถหลบพ้นสายตาของผู้คนส่วนใหญ่ได้ แต่มันก็ไม่สามารถหลอกหลิงตู้ฉิงได้ เนื่องจากในอดีตหลิงตู้ฉิงได้รู้เห็นวิธีการลับต่าง ๆ ของสำนักวิญญาณโลหิตมาแล้วทุกประเภท
ไม่เพียงแค่นั้น เขายังสามารถเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติกับร่างกายของหนิงฉิง ซึ่งเป็นปัญหาของนางมาโดยตลอดได้
ด้วยจุดอ่อนของหนิงฉิงเช่นนี้ เมื่อไหร่ที่หมิงยู่เข้าควบคุมสำนักวิญญาณโลหิต การขอความช่วยเหลือจากคนอย่างนางนั้นจึงง่ายกว่ามาก นั่นคือเหตุผลที่เขาเรียกให้หนิงฉิงมาพูดคุยเป็นการส่วนตัวกับเขา
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากหนิงฉิงกลับเอ่ยขึ้นมาว่านางเป็น ‘วิญญาณภูตพิทักษ์มิติลับ’ ตัวตนของนางจึงอยู่ในสถานะที่ซับซ้อนต่อทุกคนทันที
“นี่เจ้า! ก่อนหน้านี้พวกเจ้าก็หยิบสิ่งของที่ปรากฏขึ้นระหว่างทางไปมากมายแล้ว ตอนนี้เจ้ายังกล้าที่จะช่วงชิงนางไปจากพวกข้าอีกงั้นหรือ?” ตงฟางไป๋มองไปที่หลิงตู้ฉิงและพูดอย่างเย็นชา “ถ้าไม่ใช่เพราะหลานชายของข้า พวกเจ้าคงไม่สามารถเข้าสู่สำนักวิญญาณโลหิตได้ แม้ว่าพวกเจ้าจะมีความสัมพันธ์อันดีกับหลานชายของข้า แต่เจ้าควรรู้ข้อจำกัดของตัวเองด้วย อย่าคิดว่าเจ้าสามารถฉกบางสิ่งไปจากมือของเราได้ง่าย ๆ เพียงเพราะคนในกลุ่มของพวกเจ้าบางคนมีระดับการบ่มเพาะอยู่ที่ระดับสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงสุด พวกเจ้าควรจะรู้อยู่แก่ใจหากไม่เป็นเพราะความสามารถของหลานชายข้า วิญญาณภูตพิทักษ์ตนนี้คงไม่มีทางปรากฏขึ้นเด็ดขาด ดังนั้นนางจะต้องมากับพวกข้าสำนักวิญญาณกระบี่เท่านั้น หากพวกเจ้าคนใดไม่เห็นด้วย พวกเจ้าสามารถมาต่อรองกับอาวุธระดับจักรพรรดิในมือของข้าได้!”
หลิงตู้ฉิงไม่ได้พูดอะไร แต่ตงฟางจุนกลับกลัวจนแทบฉี่ราด จากรูปการณ์แม้ว่าทุกคนจะบอกว่าเขาคือเทพกระบี่ที่กลับชาติมาเกิด แต่เขารู้ตัวดีว่าเขานั้นไม่น่าจะใช่ ส่วนคนที่น่าจะเป็นมากที่สุดมันน่าจะเป็นคนที่ปู่ของเขาตอนนี้ทะเลาะด้วยมากกว่า! ซึ่งตอนนี้ปู่ของเขากลับยั่วยุคนที่น่ากลัวที่สุดในที่นี่ให้ไม่พอใจซะอย่างนั้น!
ตงฟางจุนรีบพูดอย่างรวดเร็ว “ท่านปู่ ท่านจะพูดแบบนั้นไม่ได้ ข้าแค่ดูดซับเจตจำนงของเทพกระบี่ได้เพราะโชคช่วยเพียงเท่านั้น ซึ่งสำหรับพวกเราแล้วนี่นับว่าเป็นผลลัพธ์ที่น่าพอใจพอแล้ว ส่วนเรื่องอื่น ๆ เราค่อยเจรจากันเอาก็ได้อย่าทะเลาะกันเลย!”
หลิงตู้ฉิงมองไปที่ตงฟางจุน และไม่สนใจการแสดงออกที่เป็นกังวลของเด็กหนุ่มผู้นี้ เขาหันหน้าไปทางตงฟางไป๋และพูดว่า “ถ้าข้าไม่เห็นด้วย เจ้าและอาวุธระดับจักรพรรดิของเจ้าจะมีอะไร?”
ตงฟางไป๋ยิ้มเยาะและตอบกลับ “ข้าก็จะแสดงให้เจ้าเห้นถึงความแข็งแกร่งของอาวุธระดับจักรพรรดิในมือของข้า!”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าเล็กน้อย “ข้ารู้สึกคุ้นเคยเล็กน้อยกับอาวุธระดับจักรพรรดิในมือของเจ้า ดูเหมือนว่ามันคือกระบี่ดาราวิบัติ ที่จักรพรรดิดาราวิบัติของสำนักเจ้าเคยใช้”
“ถูกต้อง! นี่คืออาวุธวิเศษแห่งชะตาชีวิตจักรพรรดิของปรมาจารย์ดาราวิบัติ เนื่องจากเจ้ารู้จักมัน เจ้าเองก็ควรจะเป็นผู้ที่ไม่ธรรมดาแต่ไม่ว่าจะยังไงถึงแม้เจ้าจะไม่ธรรมดาแค่ไหน วิญญาณภูตพิทักษ์ตนนี้ต้องเป็นของพวกข้า จงอย่าได้คิดแย่งนางไปจากพวกข้าเป็นอันขาด!” ตงฟางไป๋พูดอย่างเย็นชา
โดยปกติแล้วผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในระดับเพียงแค่ขอบเขตประสานทะเลปราณธรรมดาจะไม่มีทางรู้จักกระบี่ดาราวิบัติได้แน่นอน นอกจากว่าคนผู้นั้นจะเป็นผู้ที่กลับชาติมาเกิดเท่านั้นถึงจะเป็นไปได้
หลิงตู้ฉิงยิ้ม “ถึงแม้ว่ามันจะเป็นอาวุธวิเศษแห่งชะตาชีวิตของจักรพรรดิ แต่ในสายตาของข้ามันก็เป็นแค่อาวุธวิเศษระดับจักรพรรดิอันหนึ่งเท่านั้น ทำไมเจ้าถึงคิดว่ามันวิเศษวิโสอะไรนักหนา? นอกจากนี้เจ้าคิดว่าข้ามีอาวุธระดับจักรพรรดิอยู่คนเดียวงั้นเหรอ?”
เมื่อหลิงตู้ฉิงพูดจบ ค่ายกลกระบี่เหินเมฆาก็ปรากฏขึ้นออกมาจากร่างกายของเย่ชิงเฉิง รวมไปถึงอาวุธระดับจักรพรรดิที่ถูกใช้เป็นแกนกลางของค่ายกลกระบี่เหินเมฆาก็ปรากฎขึ้นให้เห็นด้วยเช่นกัน
เย่ชิงเฉิงพูดด้วยรอยยิ้ม “ถึงแม้ว่ากระบี่ดาราวิบัตินั้นจะไม่เลว แต่ ตะขอเงิน ของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของข้าก็ไม่เลวเช่นกัน!”
นางเปิดเผยตัวตนฐานะสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของนางทันทีเมื่อมันเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์มากมาย
เมื่อได้ยินชื่อสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ ตงฟางไป๋ก็ขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้ เนื่องจากทั้งชื่อเสียงของสำนักและอาวุธของอีกฝั่งไม่ได้อ่อนแอไปกว่าของเขาเลย
ยิ่งไปกว่านั้นอาวุธระดับจักรพรรดิทั้งสองนี้เป็นอาวุธวิเศษแห่งชะตาชีวิตระดับจักรพรรดิของตัวตนระดับจักรพรรดิในอดีตเหมือนกัน หากพวกเขาต่อสู้กันจริง ๆ มันก็คงยากที่จะรู้ว่าใครจะเป็นผู้ชนะ
ตงฟางจุนมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสายตากังวลปนสงสัย ผู้อาวุโสคนนี้เป็นใครกัน? ทำไมเขาถึงมีความเกี่ยวข้องกับผู้คนมากมายได้ขนาดนี้? ทั้งภูเขาฟีนิกซ์ เผ่าภูตนางฟ้าและตอนนี้ยังเกี่ยวข้องกับสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์อีกต่างหาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)