สำนักวิญญาณโลหิตกลับมาแล้ว
เนื่องจากเทพกระบี่ได้ถอนเจตจำนงกระบี่ที่ผนึกสำนักวิญญาณโลหิตออก ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันของสำนักวิญญาณโลหิตจึงปรากฏตัวขึ้นและประกาศเรื่องนี้ให้ทุกคนรู้
ข่าวนี้แพร่กระจายไปทุกทิศทางโดยผู้คนที่ถูกไล่ออกมาจากสำนักวิญญาณโลหิต
ทุกคนที่ได้รับข่าวสารต่างรู้อย่างชัดเจนว่านับตั้งแต่วันนี้อาณาเขตวิญญาณโลหิตกำลังจะเปลี่ยนไป
ในขณะนี่ ผู้คนของสำนักวิญญาณโลหิตกำลังมองไปที่ห้องโถงใหญ่ของสำนักพลางถอนหายใจด้วยอารมณ์อันตื้นตัน
ในที่สุดพวกเขาก็ได้กลับมาแล้ว!
ทุกคนเดินไปเข้าด้านในห้องโถงใหญ่ของสำนักวิญญาณโลหิต และมองไปที่บัลลังก์เจ้าสำนักที่ว่างเปล่าโดยไม่รู้ว่าจะเอ่ยอะไรออกมาดี
“หนิงฉิงอยู่ที่ไหน?” เจ้าสำนักสำนักวิญญาณโลหิตถามขึ้น
“นางตามกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งไปที่ด้านหลังของภูเขา!” มีคนออกมารายงานทันที
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของเจ้าสำนักก็เปลี่ยนไปในทันทีพลางถามขึ้นกลับอีกครั้ง “นี่นางไปที่ด้านหลังของภูเขางั้นเหรอ?”
คนของสำนักวิญญาณโลหิตของเขากล้าไปที่ภูเขาด้านหลังได้ยังไง? เกิดอะไรขึ้น?
ในอดีตเมื่อเทียบกับห้องโถงใหญ่ของสำนักแล้ว คนของสำนักวิญญาณโลหิตมักจะไปที่ภูเขาด้านหลังบ่อยกว่ามากเพราะพื้นที่บริเวณนั้นคือที่ตั้งของ หอคัมภีร์ ตำหนักโอสถ ตำหนักยุทธภัณฑ์
อย่างไรก็ตามต่อมาเมื่อสำนักพวกเขาถูกทำลาย ภูเขาด้านหลังก็ถูกผนึกเช่นกันและตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีใครกล้าย่างกรายเข้าไปที่นั่นอีก
แต่แล้วตอนนี้หนิงฉิงกลับไปที่ด้านหลังของภูเขาทั้งที่นางรู้ว่ามันถูกปิดผนึกอยู่?
หรือว่ามันจะเป็นไปได้ไหมที่ผนึกของสำนักจะไม่ได้คลายลงแต่เพียงพื้นที่ภูเขาด้านหน้าสำนัก?
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ทุกคนจึงมองไปที่ด้านหลังของภูเขาอย่างตั้งใจและรอคอย
ในขณะนี้ หลิงตู้ฉิงและกลุ่มคนของเขาที่อยู่พื้นที่ด้านหลังภูเขาได้มาถึงตำหนักโอสถแล้วโดยไม่มีสิ่งใดมาขัดขวาง
ตำหนักโอสถ และ ตำหนักยุทธภัณฑ์ นั้นคือสถานที่ที่มีคนเข้ามาสำรวจมากที่สุดหลังจากที่สำนักวิญญาณโลหิตถูกทำลาย เนื่องจากสำนักวิญญาณโลหิตนั้นคือสำนักมหาอำนาจ ดังนั้นทั้งโอสถหรือยุทธภัณฑ์วิเศษต่าง ๆ ที่ถูกเก็บไว้ด้านในมันจะต้องเป็นสิ่งที่ล้ำค่ามากแน่นอน
โดยเฉพาะบรรดาโอสถที่ถูกเก็บไว้นานหลายหมื่นปีตั้งแต่ยุคที่เต๋าโอสถยังรุ่งเรือง ซึ่งบางทีสำหรับสำนักวิญญาณโลหิตในเวลานั้นมันคงจะเป็นเพียงเม็ดโอสถธรรมดา
อย่างไรก็ตามในอีกหลายหมื่นปีต่อมามูลค่าของโอสถเม็ดธรรมดาเหล่านี้อาจพูดได้ว่าหาที่เปรียบมิได้เนื่องจากการล่มสลายของสำนักนิรันดร์ ตัวอย่างเช่น โอสถรัศมีธาตุศักดิ์สิทธิ์ที่ในสมัยก่อนมันจัดได้ว่าเป็นโอสถที่ไม่ได้หายากอะไรมากมาย แต่ในยุคนี้นั้นมันถือว่าเป็นของล้ำค่าและหายากมาก ดังนั้นมันจึงมีโอกาสเป็นไปได้มากกว่าเก้าส่วนที่โอสถรัศมีธาตุศักดิ์สิทธิจะสามารถพบได้ในตำหนักโอสถ
ในทำนองเดียวกัน ตำหนักยุทธภัณฑ์ก็เป็นสถานที่ที่หลายคนใฝ่ฝัน
ในทางตรงกันข้ามมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ไปที่หอคัมภีร์ ที่เก็บเคล็ดวิชาต่าง ๆ ของสำนักวิญญาณโลหิต เนื่องจากถึงแม้ว่าพวกเขาจะโชคดีได้รับเคล็ดวิชาของสำนักวิญญาณโลหิต มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเข้าใจและฝึกฝนมันหรือบางทีหากฝึกไปแล้วมันอาจจะก่อให้เกิดปัญหากับร่างกายของพวกเขาเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นการไปตามหาโอสถหรืออาวุธจึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจกว่าเป็นไหน ๆ เพราะมันสามารถนำมาใช้ได้เลย
แต่น่าเสียดายที่ผนึกของตำหนักโอสถและตำหนักยุทธภัณฑ์นั้นทรงพลังเกินไป ดังนั้นคนธรรมดาจึงไม่มีใครที่สามารถเข้าไปด้านในได้ หรือถึงแม้ว่าพวกเขาอาจจะผ่านประตูหน้าเข้าไปได้ ที่ด้านในมันก็ยังมีผนึกต่าง ๆ อีกมากมาย ซึ่งถ้าหากพวกเขาโชคดีพวกเขาก็อาจจะหาเจอโอสถไม่กี่เม็ดที่อยู่ในห้องที่มีผนึกอ่อนแอลงมาหน่อย
“นายท่านที่นี่คือ ตำหนักโอสถ ของสำนักวิญญาณโลหิตของเรา!” หนิงฉิงแนะนำด้วยความคาดหวัง
แม้ว่ามันนานมากแล้วที่ไม่มีศิษย์คนไหนของสำนักวิญญาณโลหิตเข้ามาถึงตรงจุดนี้ได้ แต่หนิงฉิงก็ยังรู้จักสถานที่นี้เป็นอย่างดีเพราะมันคือสถานที่ที่สำคัญที่อยู่ในบันทึกของสำนักที่นางเคยอ่านบ่อย ๆ
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและพูดว่า “เราจะยังไม่เข้าไปในตำหนักโอสถ เราจะไปที่หอคัมภีร์กันก่อน!”
หนิงฉิงพยักหน้าอย่างเงียบ ๆ และไม่พูดอะไรอีก แม้ว่านางต้องการไปที่ตำหนักโอสถ แต่นางก็ไม่รีบร้อน
อันที่จริงในบริเวณด้านหลังภูเขานี้ไม่ได้มีเพียงแค่กลุ่มของหลิงตู้ฉิงกลุ่มเดียวเท่านั้นที่เดินเตร็ดเตร่อยู่ แต่มันยังมีกลุ่มอื่นที่ลอบเข้ามาสำรวจเมื่อตอนที่ผนึกที่ภูเขาด้านหน้าถูกคลายลง ดังนั้นเมื่อเวลาผ่านไปสักพัก กลุ่มของหลิงตู้ฉิงก็ถูกพบเห็นจากคนนอกหลายกลุ่ม ซึ่งพวกเขาต่างเห็นว่ากลุ่มของหลิงตู้ฉิงนั้นสามารถเดินไปมาในสถานที่แห่งนี้ได้อย่างสบาย ๆ โดยที่ไม่ถูกขัดขวางโดยอุปสรรคอะไรเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)