เมื่อ ‘ผีเสื้อ’ ที่ด้านหลังภูเขาหายไป กฎของสวรรค์และโลกทุกประเภทที่ด้านหลังของภูเขาก็พวยพุ่งขึ้นอย่างบ้าคลั่ง เนื่องจากผนึกที่เคยปิดกั้นมันไว้ถูกคลายออก ส่งผลให้เหล่าคนนอกหลายคนที่ยังคงยุ่งอยู่กับการค้นหาสมบัติในอาณาเขตที่เคยถูกผนึกไว้ถูกสังหารทันทีก่อนที่พวกเขาจะสามารถตอบโต้ได้
เมื่อเห็นภาพเช่นนี้ บางคนที่โชคดีรอดตายเนื่องจากไม่ได้อยู่ในเขตที่ถูกผนึกก็ได้แต่วิ่งหนีด้วยความตื่นตระหนก
ในทางกลับกัน เหล่าผู้คนของสำนักวิญญาณโลหิตที่อยู่พื้นที่ส่วนภูเขาด้านหน้าต่างตกตะลึงปนดีใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เจ้าสำนักวิญญาณโลหิต เว่ยกวน พูดดอย่างตื่นเต้นว่า “หอคัมภีร์ของเราถูกเปิดออกแล้ว! ต่อไปนี้บรรดาศิษย์ของพวกเราไม่ต้องฝึกเคล็ดวิชาตามความเข้าใจที่สืบทอดมาแบบไม่สมบูรณ์อีกต่อไป นับจากนี้เราสามารถให้เหล่าศิษย์เข้าไปอ่านเคล็ดวิชาที่ถูกต้องตามที่บรรพบุรุษของเราบันทึกไว้ได้โดยตรง!”
เนื่องจากวิชาที่พวกเขาฝึกร่วมไปถึงเหล่าศิษย์ที่ฝึกฝนกันตอนนี้มันเป็นการผสมผสานระหว่างความเข้าใจของคนรุ่นก่อน ๆ บวกกับคัมภีร์บางเล่มที่ยังคงหลงเหลือแบบไม่สมบูรณ์ มันจึงส่งผลให้บ่อยครั้งผู้ฝึกฝนเกิดความใจที่ผิดพลาดกับเคล็ดวิชา ซึ่งนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ร้ายแรง หากให้ยกตัวอย่างก็คือ หนิงฉิงที่ระดับการบ่มเพาะของนางลดลงเหลือระดับสวรรค์สามัญและร่างกายของนางก็กลายเป็นรูปลักษณ์เหมือนเด็ก
“พวกเราไปดูกันว่าผู้อาวุโสผู้นั้นเป็นใครกันถึงสามารถจัดการให้ผู้อาวุโสผีเสื้อ ปลดผนึกที่ด้านหลังภูเขาได้” เว่ยกวนพูดอย่างตื่นเต้น
ด้านหลังของภูเขาถูกผนึกโดยเจตจำนงของผีเสื้อเริงระบำ ซึ่งการคลายผนึกนั้นต้องให้ใครสักคนลบเจตจำนงหรือทำให้ผู้อาวุโสผีเสื้อยอมจำนน หรือดูดซับเจตจำนงเข้าไปเช่นเดียวกับที่เทพกระบี่เคยทำ
ดังนั้นไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ในสถานการณ์แบบไหน พวกเขาก็จำเป็นต้องไปคารวะผู้อาวุโสที่ปลดผนึกด้านหลังภูเขา เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณ
อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขามาถึงด้านหลังของภูเขาสิ่งที่พวกเขาเห็นก็คือซากศพเกลื่อนพื้น
ส่วนผู้อาวุโสปริศนาที่พวกเขาหวังว่าจะได้เจอกลับหายไปแล้วอย่างไร้ร่องรอย แม้แต่หนิงฉิง พวกเขาก็ไม่เห็นนางเช่นกัน
เว่ยกวนขมวดคิ้ว เกิดอะไรขึ้น? แล้วผู้อาวุโสท่านนั้นไปไหนแล้ว?
เว่ยกวนหันกลับไปหาคนของเขาและพูดว่า “เก็บของของคนตายไปก่อน จากนั้นค่อยจัดการกับศพของพวกเขาภายหลัง ส่วนคนไหนที่ยังติดอยู่ในผนึกนั้น จงบอกให้พวกเขามอบทุกสิ่งทุกอย่างที่มีมา ไม่เช่นนั้นพวกเราจะฆ่าพวกเขาทั้งหมด”
เนื่องจากตอนนี้สำนักของพวกเขาได้รับการฟื้นฟูไปจนถึงด้านหลังของภูเขา พวกเขาจึงสามารถแสดงความน่าเกรงขามได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องเกรงกลัวผู้ใด
เมื่อได้ยินคำสั่งของเว่ยกวน บรรดาผู้คนของสำนักวิญญาณโลหิตก็รีบแยกย้ายกันไปจัดการเหล่าศพที่นอนระเกะระกะ
ส่วนทางด้านของเว่ยกวน เขายังคงอยู่ในหอคัมภีร์เพื่อค้นหาวิชาโลหิตอมตะ และนำมาฝึกฝนในฐานะเจ้าสำนัก
อย่างไรก็ตาม หลังจากค้นหาไปได้สักพักเขากลับไม่พบร่องรอยของวิชาโลหิตอมตะในหอคัมภีร์ แต่เขากลับพบวิชาเงาโลหิตศักดิ์สิทธิ์ฉบับสมบูรณ์ที่เขากำลังฝึกฝนแทน
“แม้แต่หอคัมภีร์ก็ไม่มีวิชาโลหิตอมตะ ดูท่าทางสำนักวิญญาณโลหิตของข้าคงไม่มีทางกลับไปรุ่งโรจน์เหมือนเดิม!” เว่ยกวนถอนหายใจ
หากไม่มีวิชาโลหิตอมตะ การฟื้นตัวของสำนักวิญญาณโลหิตของเขาจะไม่สมบูรณ์ ซึ่งสิ่งนี้ทำให้เขาเสียใจมาก
“ภูเขาที่อยู่ด้านหลังได้รับการฟื้นฟูทั้งหมดแล้ว ตอนนี้มันก็คงเหลือแต่มหาเต๋าของสำนักที่ยังคงฟื้นคืนไม่สมบูรณ์” เว่ยกวนพูดด้วยความคาดหวัง
หนิงฉิงพาผู้อาวุโสท่านนั้นเข้าไปเข้าไปในเมืองใต้ดินรึเปล่า?
สถานที่ตั้งเมืองใต้ดินนั้นอยู่ลึกลงไปด้านล่างของสำนักวิญญาณโลหิตพอดี มันเป็นสถานที่ที่ในอดีตเหล่าบรรพบุรุษของสำนักวิญญาณโลหิตรุ่นก่อนได้แยกตัวออกไปอยู่อย่างสันโดษในช่วงบั้นปลายของชีวิต ดังนั้นมันจึงกลายเป็นสถานที่ที่เหล่าบรรพบุรุษทิ้งสมบัติของพวกเขาไว้มากมายเช่นกัน
แต่ความพิเศษของเมืองใต้ดินก็ไม่ได้มีเพียงแค่เท่านั้น เนื่องจากตามบันทึกของสำนักวิญญาณโลหิตได้บันทึกไว้ว่ามันคือสถานที่ที่สำคัญที่สุดในสำนัก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)