หลังจากที่หนิงฉิงกรีดร้อง นางก็ลงไปนั่งคุกเข่าแทบเท้าของหลิงตู้ฉิงทันทีโดยไม่แม้แต่จะกล้าเอ่ยอะไรออกมา
นางย้อนนึกถึงตำนานมากมายและเมื่อรวมกับเหตุการณ์ที่ผ่านมาทั้งหมดที่นางได้เห็น ในตอนนี้นางจึงเดาตัวตนที่แท้จริงของหลิงตู้ฉิงออกทันที
นอกจากการแสดงออกของหนิงฉิงแล้ว เย่หยูหลันก็ดูเหมือนจะเริ่มเข้าใจอะไรบ้างแล้วเช่นกัน นางมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสายตาหวาดกลัวพลางลดศีรษะลงอย่างรวดเร็ว พร้อมกับมีเหงื่อเย็นไหลออกมาบนหน้าผากของนาง โดยที่นางไม่กล้าพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว
นางกลัวว่าถ้าหากนางพูดอะไรขัดใจออกไป ชะตากรรมของนางอาจมีสภาพไม่ต่างจากสำนักวิญญาณโลหิต
นางไม่เคยคิดเลยว่าตัวตนที่เป็นตำนานในอดีตคนนั้นจะปรากฎตัวขึ้นในยุคนี้ ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งนี้น่าจะทำให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ในโลก
นอกจากนี้ตอนนี้บุคคลนี้ได้กลายเป็นเขยของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ นางไม่รู้ว่าควรจะยังรู้สึกกลัวหรือดีใจดี
ตลอดมานางรู้สึกว่า หลิงตู้ฉิงนั้นพิสดารเกินไป
ด้วยระดับการบ่มเพาะอันต่ำเตี้ยของเขา ถึงแม้เขาจะเผชิญปัญหาใด ๆ เขาก็มีวิธีการแก้ปัญหาทุกอย่างได้ตลอดแถมยังมักที่จะแสดงท่าทีเย้ยหยันทุกคนที่เขาเจอไม่ว่าจะเป็นตัวตนระดับใดก็ตาม
ดังนั้นถ้าเขาเป็นคน ๆ นั้นทุกอย่างก็สมเหตุสมผล
“ข้าควรจะสังเกตเห็น!” เย่หยูหลันพึมพำกับตัวเอง “เขาจะขุ่นเคืองรึเปล่าเมื่อตอนก่อนหน้าที่ข้าไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเขา? แต่เขาก็พึ่งช่วยข้าให้ผ่านทัณฑ์สวรรค์ไป เช่นนั้นเขาก็คงจะไม่ติดใจเอาความกับข้าล่ะมั้ง?”
จากนั้นเมื่อยิ่งนางครุ่นคิด ในที่สุดนางก็เข้าใจว่าทำไมการกระทำของตงฟางจุนจึงดูแปลก ๆ
เทพกระบี่กลับชาติมาเกิดอะไรกัน? เด็กนั่นมันก็คงเป็นแค่เด็กน้อยที่โชคดี เอ๊ะไม่สิ ไม่แน่เด็กนั่นอาจจะเป็นเทพกระบี่กลับชาติมาเกิดจริง ๆ ก็ได้หรือเปล่า?
ส่วนเรื่องที่หลิงตู้ฉิงสามารถปลดผนึกของผู้อาวุโสผีเสื้อได้นั้นมันเป็นสิ่งที่เขาทำได้อย่างแน่นอน
เนื่องจากตามตำนาน ทาสปีศาจผีเสื้อ และ ทาสกระบี่ ล้วนเป็นทาสรับใช้ของบุคคลผู้นี้!
ดังนั้นในเมื่อบุคคลผู้นี้ที่เป็นเจ้านายของทั้งสองคนที่ผนึกสำนักวิญญาณโลหิตเอาไว้ มาที่นี่ด้วยตัวเอง สำนักวิญญาณโลหิตที่ถูกผนึกมาเป็นเวลาหลายหมื่นปีจะไม่ถูกปลดปล่อยได้อย่างไร?
หลิงตู้ฉิงขมวดคิ้วและพูดเบา ๆ “จงลืมไปซะ ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่พวกเจ้าจะรู้!”
เนื่องจากสถานที่แห่งนี้ยังคงมีอำนาจของผนึกของเขาเองที่ทิ้งไว้ ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องง่ายมากที่เขาจะยืมพลังของผนึกมาลบความทรงจำของทุกคน
ด้วยคำพูดของเขาทุกคนที่อยู่บริเวณรอบ ๆ ก็ลืมสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้และลืมการกระทำของหลิงตู้ฉิงที่ด้านหลังของภูเขา พวกเขาจำได้เพียงเรื่อง ‘การกลับชาติมาเกิดของเทพกระบี่’ ‘การดูดซับกระบี่ทำลายล้างของตงฟางจุน’ และสุดท้ายก็คือเรื่องที่หลิงตู้ฉิงใช้ยันต์สั่งสวรรค์เพื่อคลายผนึกของผีเสื้อ ส่วนเขาคลายผนึกไปอย่างไรนั้นไม่มีใครรู้
ส่วนเรื่องของทะเลโลหิตที่ในตอนนี้ถูกเติมไปด้วยเลือดเรียบร้อยและมหาเต๋าโลหิตที่เริ่มฟื้นฟูแล้วนั้น หลิงตู้ฉิงได้เติมแต่งความทรงจำให้กับทุกคนว่ามันเกี่ยวข้องกับการที่หมิงยู่ได้รับวิชาโลหิตอมตะจากหอคัมภีร์
ซึ่งหลังจากนั้น เมื่อหมิงยู่ ฝึกฝนวิชาโลหิตอมตะสำเร็จ เรื่องมหัศจรรย์ก็ได้เกิดขึ้น ทั้งเรื่องทะเลโลหิตที่เคยแห้งเหือดจู่ ๆ ก็มีโลหิตพวยพุ่งออกจากก้นทะเลและเติมเต็มมันจนเป็นเหมือนเก่าก่อนและรวมไปถึงมหาเต๋าโลหิตที่ค้ำจุนสำนักก็เริ่มฟื้นฟูขึ้น ซึ่งรอยร้าวต่าง ๆ ก็เริ่มประสานกันตามลำดับ
นี่คือความทรงจำที่คลุมเครือที่ถูกทิ้งไว้ในห้วงความทรงจำของทุกคน
“เจ้าจงเข้าไปที่ทะเลโลหิต เพื่อฝึกฝนวิชาโลหิตอมตะของเจ้าซะ” หลิงตู้ฉิงสั่งหมิงยู่ “ถึงแม้ว่ามันจะดูน่ากลัวนิดหน่อย แต่มันก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก”
ในระหว่างที่เขาพูด หลิงตู้ฉิงก็เรียกยันต์สั่งสวรรค์ที่เขาโยนมันเข้าไปในทะเลโลหิตเพื่อดูดซับผนึกของเขาเองกลับมา
“เจ้าก็เหมือนกัน จงเข้าไปในทะเลโลหิตเพื่อใช้มันชำระล้างปัญหาในร่างกายของเจ้า และหลังจากนั้นเจ้าก็จงฝึกฝนวิชามหาโลหิตแปรเปลี่ยนฉบับสมบูรณ์ และจากนั้นปัญหาของเจ้าจะได้รับการแก้ไขอย่างสมบูรณ์” หลิงตู้ฉิงพูดกับหนิงฉิง
“ขอบคุณนายท่านสำหรับคำชี้แนะ!” หนิงฉิงหัวเราะ
หลังจากถูกลบความทรงจำ นางก็ไม่ได้กลัวหลิงตู้ฉิงอีกต่อไป แต่แน่นอนว่านางยังคงมีความเคารพในใจอย่างสุดจะพรรณนา
จากนั้นหนิงฉิงก็พูดกับหมิงยู่ว่า “เจ้าสำนัก พวกเรารีบเข้าไปในทะเลโลหิตเพื่อฝึกฝนเถอะ สำนักวิญญาณโลหิตของเรายังต้องการให้ท่านนำเราไปสู่ความรุ่งเรืองเหมือนในอดีต!”
ที่หนิงฉิงเอ่ยเช่นนี้ก็เพราะนางรู้อย่างชัดเจนว่า เว่ยกวน ไม่ได้ฝึกฝน วิชาโลหิตอมตะ แต่เป็น วิชาเงาโลหิตศักดิ์สิทธิ์!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)