พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) นิยาย บท 509

หลายครั้งแล้วที่คำสอนของบรรพบุรุษตนเองก็เป็นส่วนทำให้ตระกูลตกต่ำลง

เมื่อได้ยินเช่นนี้ก็ไม่มีใครถามอะไรมู่เฉียนซ่งเกี่ยวกับตระกูลของเขาอีก

หลิงตู้ฉิงมองไปยังมู่เฉียนซ่ง และถามขึ้น “ข้าจะถามเจ้าอีกรอบ เจ้าต้องการมาเป็นศิษย์ในนามของข้าไหม?”

เขายังคงมีความรู้สึกสนใจอย่างรุนแรงกับเด็กหนุ่มผู้นี้ เนื่องภาพที่เขาได้เห็นว่าเด็กหนุ่มผู้นี้ยอมส่งตัวเองเข้ามาฝึกฝนในพื้นที่ที่อันตรายเช่นนี้ มันทำให้เขาย้อนนึกถึงตัวเองในอดีตของชีวิตที่แล้วที่เขาเองก็ทำแบบนี้เช่นกัน

นี่จึงเป็นเหตุผลที่เขาสนใจอยากรับเด็กคนนี้มาเป็นศิษย์

มู่เฉียนซ่งส่ายหัว “ถึงแม้ข้าจะรู้ว่าท่านนั้นไม่ธรรมดา ไม่อย่างนั้นท่านคงไม่สามารถแสดงเพลงกระบี่ของข้าได้ง่าย ๆ แต่ข้าไม่ต้องการเป็นศิษย์ของใครทั้งนั้น ข้าต้องการที่จะเดินตามเส้นทางเต๋ากระบี่ของข้าเองแต่เพียงผู้เดียว!”

หลิงตู้ฉิงรู้สึกจนปัญญาเมื่อได้ยินเช่นนี้พลางคิดในใจ ‘ทำไมช่วงนี้เขาถึงได้ถูกปฏิเสธบ่อยนัก?’

ก่อนหน้านี้ไม่นานก็สีเป่ยเซียะคนหนึ่งแล้ว นี่เขายังมาถูกไอ้เจ้าเด็กหนุ่มคนนี้ปฏิเสธอีกงั้นเหรอ?

“ก็ได้ ในเมื่อเจ้าไม่ต้องการงั้นก็ช่างมันเถอะ” หลิงตู้ฉิงเอ่ยขึ้น “ว่าแต่เจ้าจะทำอะไรต่อไป? ถ้าเจ้าต้องการไปฝึกต่อเจ้าก็จงไปฝึกต่อเถอะ เดี๋ยวพวกข้าจะมุ่งหน้าไปที่สุสานกระบี่ต่อแล้ว”

มู่เฉียนซ่งส่ายหัว “ข้าคงพักการฝึกของวันนี้ไว้เพียงเท่านี้ จากนี้ไปข้าคงจะกลับไปที่บ้านของข้าก่อน”

“ถ้างั้นข้าจะไปส่งเจ้าเอง แต่ระหว่างทางเจ้าก็เล่าเกี่ยวกับสุสานกระบี่ให้ข้าฟังหน่อยก็แล้วกัน” หลิงตู้ฉิงพูดขึ้น

มู่เฉียนซ่งไม่ปฏิเสธพร้อมกับโค้งคำนับแสดงความขอบคุณ จากนั้นเขาก็พูดขึ้นว่า “ขอบคุณสำหรับน้ำใจของท่าน แต่ข้าต้องขออภัยจริง ๆ ที่ข้าเองก็ไม่ค่อยรู้เรื่องราวของสุสานกระบี่สักเท่าไหร่นัก เนื่องจากว่าตระกูลมู่ของเราไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสุสานกระบี่ ตระกูลมู่ของเรามุ่งเน้นแต่การคิดค้นเต๋ากระบี่ของตนเองเพียงเท่านั้น ดังนั้นมันจึงไม่มีความจำเป็นใด ๆ ที่พวกเราจะเข้าไปที่นั่นหรือสืบหาข่าวเกี่ยวกับมัน สำหรับพวกเราแล้วเต๋ากระบี่ของเทพกระบี่ที่อยู่ในสุสานกระบี่นั้นเป็นเพียงเป้าหมายที่พวกเราต้องก้าวผ่านไปให้ได้ก็เท่านั้น”

เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนี้ก็อดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วขึ้น

ตัวตนอย่างเทพกระบี่ที่เป็นตำนานของนักกระบี่ทั่วโลกกลับเป็นได้แค่เป้าหมายที่คนตระกูลนี้ต้องก้าวผ่านอย่างนั้นเหรอ?

นี่มันตระกูลบ้าบอแบบไหนกันถึงได้สืบทอดแนวคิดที่เพ้อฝันเช่นนี้กันมา?

“ในเมื่อเจ้าไม่รู้เรื่องสุสานกระบี่ ถ้างั้นเจ้าลองเล่าเกี่ยวกับสิบตระกูลใหญ่ที่อยู่ในอาณาเขตสุสานกระบี่มาให้ข้าฟังก็แล้วกัน โดยเฉพาะพวกตระกูลที่บอกว่าตนเองเป็นลูกหลานของเทพกระบี่ ข้าต้องการรู้ข้อมูลของพวกเขา” หลิงตู้ฉิงเอ่ยขึ้น

มู่เฉียนซ่งพยักหน้าและพูดว่า “เรื่องนี้ข้าพอรู้อยู่บ้าง แต่ว่าสิ่งที่ข้ารู้มานั้นมันเป็นแค่เพียงข่าวลือ ซึ่งข้าเองก็ไม่รู้ว่ามันจริงหรือไม่จริง”

หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “เอาเท่าที่เจ้าเคยได้ยินมาก็พอแล้ว เอาล่ะเล่ามาได้แล้วว่าเจ้ารู้อะไรมาบ้าง”

มู่เฉียนซ่งพยักหน้าอีกครั้งและเมื่อเขาทบทวนความทรงจำอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็เริ่มพูด “ในสิบตระกูลใหญ่ของอาณาเขตสุสารกระบี่ มีอยู่สามตระกูลที่ประกาศว่าพวกเขาเป็นลูกหลานของเทพกระบี่ สามตระกูลนี้คือ ตระกูลหลิน ตระกูลเย่ ตระกูลกู๋”

เปียนเฉียวเฉียว เมื่อได้ยินเช่นนี้นางขมวดคิ้วและเอ่ยขึ้นแทรก “ในสามตระกูลนี้มันต้องมีใครแอบอ้างขึ้นมาแน่นอน ไม่อย่างนั้นทำไมพวกเขาถึงใช้แซ่คนละแซ่กันหมดเลย?”

ทุกคนที่ได้ยินเช่นนี้ต่างก็พากันพยักหน้าเห็นด้วย เพราะคำพูดของเปียนเฉียวเฉียวนั้นมีเหตุผลเป็นอย่างมาก

มู่เฉียนซ่งยักไหล่ จากนั้นเขาก็พูดต่อ “ข้าเองก็ไม่รู้ว่าใครจริงหรือใครปลอม แต่ทั้งสามตระกูลนี้ต่างก็ประกาศออกมาอย่างจริงจังว่าพวกเขาคือลูกหลานของเทพกระบี่ที่แท้จริง ส่วนเหตุผลที่พวกเขานั้นใช้คนละแซ่กันก็เพราะว่าพวกเขาใช้แซ่ตามแม่ของพวกเขา ซึ่งมันเป็นการซ่อนตัวจากศัตรูของพ่อของพวกเขาในอดีต และเมื่อมาในตอนนี้ที่พวกเขามีความแข็งแกร่งพอพวกเขาจึงกล้าประกาศออกมาว่าตนเองคือลูกหลานที่สืบเชื้อสายมาจากเทพกระบี่อย่างแท้จริง”

เมื่อได้ยินการกล่าวอ้างเช่นนี้ มันก็กลายเป็นว่าเหตุผลของทั้งสามตระกูลเองก็ดูเหมาะสม หลิงตู้ฉิงในตอนนี้จึงรู้สึกตัดสินใจไม่ได้ว่าตระกูลไหนเป็นลูกหลานที่แท้จริงกันแน่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)