ในขณะที่ความตายค่อย ๆ กลืนกินตัวเขา มหาจักรพรรดิอุปราคาก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงกรรมที่เกาะติดเขาอยู่โดยที่เขาไม่เคยรู้สึกถึงมันมาก่อนบวกกับที่เขาเห็นกลิ่นอายของพลังที่ถูกผนึกไว้ในยันต์สั่งสวรรค์ เขาก็รู้ได้ทันทีว่าใครเป็นคนจัดฉากเขา ซึ่งเมื่อเขารู้ตัวผู้จัดฉากมันก็ทำให้เขารู้สึกจนใจ
ตัวตนที่จัดฉากเขานั้นยิ่งใหญ่กว่าเขามาก หากเขาตามไปแก้แค้นมันก็อาจจะไม่ได้ผลแถมยังอาจจะทำให้ลูกหลานของเขาต้องเดือดร้อนในอนาคตอีกต่างหาก
และถึงแม้ว่าเขาอยากที่จะระบายความโกรธในใจกับมู่หยุนชานแต่ก็ไม่ได้ เพราะในเวลานี้มู่หยุนชานมียันต์สั่งสวรรค์ที่ผนึกพลังของคนผู้นั้นอยู่ ซึ่งเขารู้ตัวดีว่าต่อให้เขาลงมือโจมตี อย่างมากที่สุดที่เขาทำได้ก็คือทำให้อำนาจที่ถูกผนึกในยันต์สั่งสวรรค์พร่องลงไปบ้าง ซึ่งมันไม่มีประโยชน์อะไรเลยแม้แต่น้อย
มหาจักรพรรดิอุปราคาส่ายหัวอย่างจนใจและตัดสินใจไม่ลงมือกับมู่หยุนชาน เขาหันหลังกลับและเพียงชั่วครู่เดียวเขาก็ได้มาปรากฎกายที่เบื้องหน้าสุสานกระบี่
“มู่จางหมิง? เด็กนั่นเป็นลูกของเจ้างั้นเหรอ? มิน่าล่ะของของคนผู้นั้นถึงได้ไปปรากฎอยู่ในมือของเด็กนั่น เฮ้อ ในเมื่อคนผู้นั้นปรากฏกายขึ้น ต่อไปในอนาคตมันคงจะเป็นยุคที่มีแต่ความวุ่นวายไม่รู้จบเกิดขึ้น แต่ก็ช่างเถอะ มันคงไม่เกี่ยวอะไรกับข้าอีกแล้ว ในเวลาที่เหลืออยู่ของข้าตอนนี้ ข้าขอใช้มันเพื่อประลองกับเจ้าอีกสักครั้งก็แล้วกัน!” มหาจักรพรรดิอุปราคามองไปยังสุสานกระบี่และเอ่ยขึ้นกับตัวเอง
เมื่อพูดจบ มหาจักรพรรดิอุปราคาก็พุ่งตัวเข้าไปในสุสานกระบี่ทันที
ผ่านไปเพียงชั่วครู่เดียว สุสานกระบี่ก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรงพร้อมกับที่เจตจำนงกระบี่ที่อยู่ด้านในก็พวยพุ่งออกมาจากสุสานกระบี่และพุ่งขึ้นสูงเสียดฟ้า ส่งผลให้บรรดาผู้เชี่ยวชาญที่อยู่รอบ ๆ ต่างอยู่ในอาการตกตะลึง
ด้วยภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นนี้มันจึงมีผู้คนจำนวนมากรีบบินมาที่สุสานกระบี่
มู่หยุนชานที่เห็นภาพนี้เช่นกัน เขาก็รีบบินตรงมายังสุสานกระบี่ทันที
แต่ในเวลาเดียวกับที่มู่หยุนชานมาถึงสุสานกระบี่ ร่างของมหาจักรพรรดิอุปราคาก็ถูกส่งลอยออกมาจากสุสานกระบี่
เมื่อมหาจักรพรรดิอุปราคาเห็นมู่หยุนชาน เขาพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น “ข้ารู้สึกผิดหวังจริง ๆ ที่ในตอนนี้ข้าสามารถรับมือกับกระบี่ของพ่อเจ้าได้เพียงเจ็ดกระบี่เท่านั้น หากเป็นในตอนที่ข้าอยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อม ข้าคิดว่าอย่างน้อย ๆ ข้าก็คงสามารถฝ่าไปเห็นกระบี่ที่เก้าของพ่อเจ้าได้แน่นอน!”
มู่หยุนชานรับฟังโดยไม่ได้ตอบอะไร เนื่องจากเขาสังเกตเห็นว่าตอนนี้มหาจักรพรรดิอุปราคาได้ตายไปแล้ว
บรรดาผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างมองไปยังมู่หยุนชานเป็นสายตาเดียวกันด้วยสีหน้าตกตะลึง เนื่องจากพวกเขาต่างได้ยินสิ่งที่มหาจักรพรรดิอุปราคาเอ่ยขึ้นเต็มสองรูหู
คนผู้นี้คือลูกชายของเทพกระบี่งั้นเหรอ? ว่าแต่ซากศพที่ไม่สมประกอบนั่นใครกัน? ทำไมเขาถึงสามารถฝ่าไปได้ถึงกระบี่ที่เจ็ดได้?
ทางด้านของมู่หยุนชานก็ยังคงเงียบไม่เอ่ยอะไร
เขามองไปยังศพของมหาจักรพรรดิอุปราคา และจากนั้นเขาก็ขุดหลุมที่ด้านล่างของหน้าผาและผนึกศพของมหาจักรพรรดิอุปราคาไว้ในหลุม พร้อมกับนำหินขนาดใหญ่มาปิดทับและสลักอักษรไว้ว่า ‘หลุมศพของมหาจักรพรรดิอุปราคา มู่หยุนชาน ขอคารวะ!’
จากนั้นเขาก็จากไป
ทางด้านของหลิงตู้ฉิง ในเวลานี้ไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ที่เกิดขึ้นในตระกูลกู๋
อันที่จริงเขาไม่ได้ใส่ใจอะไรกับชะตากรรมของตระกูลกู๋นัก เพราะเขารู้อยู่แล้วว่าตระกูลกู๋จะต้องเผชิญกับหายนะครั้งใหญ่อย่างแน่นอน หลังจากที่พวกเขาปล่อยข่าวเรื่องตำหนักศักดิ์สิทธิ์ออกไป
“สามี ตอนนี้พวกเราใกล้จะถึงสำนักวารีศักดิ์สิทธิ์แล้ว ซึ่งพวกเราสามารถใช้ประตูเคลื่อนย้ายของที่นั่นในการไปถึงอาณาเขตอักขระศักดิ์สิทธิ์ได้” เย่ชิงเฉิงเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มพลางมองไปที่หลิงตู้ฉิง
หลิงตู้ฉิงยิ้ม “ไม่ต้องกังวล เมื่อไหร่ที่เราไปถึงสำนักของเจ้าและเมื่อข้าได้เห็นหมอกนั่นกับตาตัวเอง ข้าคิดว่าข้าคงแก้ปัญหามันให้สำนักของเจ้าได้”
ในโลกนี้มีปัญหาเพียงไม่กี่อย่างเท่านั้นที่เขาไม่สามารถแก้ได้
สำหรับปัญหาใหญ่ในตอนนี้ของเขามีเพียงอย่างเดียวคือระดับการบ่มเพาะ
หากเขามีระดับการบ่มเพาะที่เพียงพอไม่ว่าจะเป็นปัญหาอะไรเขาก็แก้ได้หมด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)