“ท่านเจ้าสำนัก ท่านจะเก็บไอ้คนผู้นี้ไว้อีกทำไม ทำไมถึงไม่ฆ่ามันไปให้ตาย ๆ ซะ?” ผู้อาวุโสของสำนักผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น
ฉีหานเฟิงมองไปที่ผู้อาวุโสผู้นั้นและผู้ว่า “ถ้ามันตาย สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ก็มีข้ออ้างไม่จ่ายค่าเสียหายให้เราน่ะสิ! หากตระกูลเล้งสามารถครองสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ได้เมื่อไหร่ พวกเราก็ค่อยไปเรียกร้องค่าความเสียหายจากพวกเขาเอาเมื่อนั้น แต่ถ้าหากแผนครองสำนักของตระกูลเล้งล้มเหลว พวกเราก็ยังไอ้คนผู้นี้เป็นคนรับบาปแทนพวกเราได้ในตอนที่คนของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์มาคิดบัญชีกับเรา”
“แต่ หานหยู เจ้าทำให้ข้าผิดหวังมาก มันคงจะไม่เท่าไหร่หากมีแค่เฉพาะคนอื่นที่มีส่วนกับเรื่องนี้ แต่เจ้า! เจ้าเป็นถึงผู้คุมกฎของสำนักข้า เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิ และเจ้าเห็นเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นนี้มาโดยตลอดแต่เจ้ากลับไม่หยุดลูกของข้า และปล่อยให้เขาทำตามอำเภอใจจนสร้างหายนะให้กับสำนักของข้า! หากเจ้าหยุดลูกของข้าเอาไว้เรื่องราวทั้งหมดมันคงไม่ลงเอยแบบนี้!”
ฉีหานหยูได้เต่ก้มหน้าเงียบ
ใครจะไปคิดว่ากลุ่มคนที่ระดับการบ่มเพาะสูงสุดแค่ระดับนภาครามจะสามารถสร้างหายนะได้ขนาดนี้?
ฉีหานเฟิงจ้องไปที่ฉีหานหยูอยู่สักพักก่อนจะพูดต่อ “จากคำพูดของชายหนุ่มผู้นั้น เขารู้เป็นอย่างดีว่าตำแหน่งปลายทางของประตูเคลื่อนย้ายถูกเปลี่ยนไป แต่เขาก็ยังกล้าพาคนของเขาเข้าไปด้านในvซึ่งมันแสดงให้เห็นว่าเขาคงจะมีวิธีจัดการอะไรบางอย่างและพวกเขาคงจะปลอดภัยแน่นอน และข้ายังมั่นใจอีกว่าเมื่อไหร่ที่พวกเขาไปถึงสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ เมื่อนั้นสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์จะต้องเกิดความวุ่นวายอย่างแน่นอน ดังนั้นหานหยู เจ้าจงไปที่สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์และเฝ้าดูสถานการณ์อยู่ที่นั่น หากมีอะไรเกิดขึ้นเจ้าก็จงแสดงท่าทีตามที่เจ้าเห็นสมควรคล้อยตามฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่ได้เปรียบ ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยข้าคิดว่าเจ้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าต้องทำยังไงบ้างใช่ไหม?”
ฉีหานหยูพยักหน้า “รับทราบ ท่านเจ้าสำนัก!”
แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้ประตูเคลื่อนย้ายได้ถูกทำลายไปแล้ว ดังนั้นฉีหานหยูจึงจำเป็นต้องไปใช้ประตูเคลื่อนย้ายที่สำนักอื่นเพื่อไปยังสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ ไม่เช่นนั้นหากเขาต้องบินไปเองมันจะใช้เวลานานเป็นอย่างมาก
ในตอนนี้ที่ด้านของบริเวณหน้าประตูเคลื่อนย้ายของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ก็เงียบสงบเหมือนทุกวัน บรรดาศิษย์ที่เฝ้าประตูอยู่ต่างก็ยืนจับกลุ่มคุยกันอย่างสบาย ๆ
ไม่มีใครคิดว่าวันนี้จะมีเหตุการณ์อะไรพิเศษเกิดขึ้น
ในขณะที่ศิษย์ผู้หนึ่งกำลังกวาดพื้น จู่ ๆ พื้นดินบริเวณรอบ ๆ ประตูเคลื่อนย้ายก็สั่นสะเทือน ส่วนตรงประตูเคลื่อนย้ายขนาดยักษ์ที่มีลักษณะเป็นวงกลมตั้งฉากขึ้นกับพื้นก็เริ่มมีพลังงานมิติที่เข้มข้นปรากฏขึ้นตรงกลางประตู ซึ่งจากนั้นประตูเคลื่อนย้ายก็ถูกเปิดออกอย่างควบคุมไม่ได้!
เมื่อเห็นเช่นนี้ บรรดาศิษย์ที่อยู่บริเวณรอบ ๆ ก็ตื่นตัวทันที “ทุกคนระวัง! พลังงานมิติของประตูถูกแทรกแซงอย่างรุนแรง ในตอนนี้กำลังมีใครบางคนฝืนผ่านประตูเคลื่อนย้ายเข้ามา!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ บรรดาศิษย์ที่อยู่รอบ ๆ ก็เริ่มเป็นกังวล ถ้าหากเป็นการผ่านประตูเคลื่อนย้ายมาแบบปกติที่ทั้งประตูต้นทางและปลายถูกอนุญาตให้เชื่อมต่อผ่านไปมากันได้ พลังงานมิติที่บังเกิดกับประตูจะไม่รุนแรงขนาดนี้ ดังนั้นคำอธิบายเดียวของเหตุการณ์นี้ที่เกิดขึ้นก็คือมีใครบางคนรู้ตำแหน่งประตูเคลื่อนย้ายของสำนักพวกเขา และฝืนเดินทางข้ามมาโดยไม่ได้รับอนุญาต
การเดินทางข้ามมิติผ่านประตูเคลื่อนย้ายโดยการฝืนเชื่อมตำแหน่งแบบนี้ มันทำให้ยากแก่การตัดสินใจว่าผู้ที่กำลังมาเยือนเป็น ศัตรู หรือ มิตร?
จากนั้นเมื่อเวลาผ่านไปเพียงชั่วครู่ ท่ามกลางสายตาของบรรดาศิษย์มากมายที่เตรียมรอตั้งรับผู้มาเยือนปริศนา จู่ ๆ ร่างของหลิงตู้ฉิงก็ปรากฎขึ้นเป็นคนแรกออกจากประตูและจากนั้นก็ตามมาด้วยคนอื่น ๆ จนครบทุกคน
“นี่พวกเจ้าเป็นใค… เอ๋? ศิษย์น้อง?” ซ่งเฉียนมองไปยังเย่ชิงเฉิงด้วยสีหน้าตกตะลึง
“เป็นข้าเอง ศิษย์พี่ซ่ง!” เย่ชิงเฉิงตอบกลับด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)