เมื่อไฟในเตาเพลิงศักดิ์สิทธิ์ถูกจุดขึ้นและทุกสิ่งทุกอย่างในตำหนักศักดิ์สิทธิ์หลีเทียนกลับมาเริ่มทำงานใหม่อีกครั้ง บรรดาผู้คนที่ยังไม่ทันได้เข้าไปด้านในตำหนักก็พบว่าในตอนนี้พวกเขาไม่สามารถเข้าไปด้านในตำหนักได้อีกแล้ว
พอเห็นภาพเช่นนี้ทุกคนต่างรู้สึกตกตะลึงและไม่ยินยอม พวกเขาอุตส่าห์ดั้นด้นมาถึงขนาดนี้แล้วพวกเขาจะยอมถอดใจได้ยังไง?
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ทุกคนจึงเริ่มโจมตีไปยังกำแพงพลังวิญญาณที่ถูกสร้างขึ้นจากค่ายกลป้องกันของตำหนักหลีเทียนอย่างเต็มกำลังทันที แต่น่าเสียดายที่แม้ว่าพวกเขาจะโจมตีไปสักเท่าไหร่กำแพงพลังวิญญาณมันก็ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนใด ๆ เลย
“หลบไปให้พ้นทาง! ข้าจะใช้อาวุธศักดิ์สิทธิ์ของข้าผ่าไอ้กำแพงพลังวิญญาณนี้ทิ้งซะ!”
เหล่าผู้คนได้ยินว่ากำลังจะมีใครสักคนนำอาวุธศักดิ์สิทธิ์มาทำลายกำแพงพลังวิญญาณ พวกเขาต่างก็รีบหลบทางให้ทันที ไม่เช่นนั้นพวกเขาอาจจะถูกลูกหลงและถูกทำลายไปพร้อมกับกำแพงพลังวิญญาณก็เป็นได้
เมื่อเหล่าผู้คนแหวกทางให้และมองไปยังต้นเสียง พวกเขาก็ได้เห็นว่าแท้จริงแล้วผู้ที่เอ่ยปากจะทำลายกำแพงพลังวิญญาณด้วยอาวุธศักดิ์สิทธิ์ก็คือ ครึ่งคนครึ่งช้างร่างยักษ์ที่สูงกว่า 300 เมตรตนหนึ่ง!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันคือช้างที่มาจากเผ่าอสูรปีศาจ ซึ่งแน่นอนว่าช้างตนนี้คืออสูรระดับสูงของเผ่าพันธุ์มัน
เมื่อเห็นอสูรช้างร่างยักษ์ที่เดินด้วย 2 ขาตัวใหญ่ขนาดนี้กำลังเดินเข้ามาใกล้ ๆ เหล่าผู้คนก็รีบถอยหนีออกไปมากกว่าเดิมทันที เพราะด้วยความใหญ่โตของร่างกายมัน หากบังเอิญโดนมันเหยียบเข้าชีวิตของพวกเขาก็คงไม่เหลือเหมือนกัน
เมื่ออสูรช้างเดินเข้ามาใกล้กับกำแพงพลังวิญญาณแล้ว มันก็หยิบเอาอาวุธศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นขวานอันยักษ์พอ ๆ กับร่างกายมันขึ้นมา และจากนั้นมันก็สับขวานลงไปที่กำแพงพลังวิญญาณทันทีโดยไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรต่อ
ด้วยอำนาจของขวานที่เป็นถึงอาวุธศักดิ์สิทธิ์ เมื่อคมขวานกระทบเข้ากับกำแพงพลังวิญญาณ กำแพงพลังวิญญาณก็พังทลายกลายเป็นรูโหว่ขนาดใหญ่ทันที
“ใครบังอาจโจมตีตำหนักของข้ากัน?” วิญญาณเตาเพลิงศักดิ์สิทธิ์ตะโกนขึ้น
ตำหนักศักดิ์สิทธิ์หลีเทียนเพิ่งจะถูกทำให้ฟื้นขึ้น แต่เมื่อเวลาผ่านไปเพียงครู่เดียวกำแพงพลังวิญญาณที่ป้องกันตำหนักกลับถูกไอ้บ้าที่ไหนก็ไม่รู้ทำลายจนเป็นรูโหว่ขนาดนี้มันจะไม่โกรธได้ยังไง?
เมื่ออสูรช้างเห็นเตาเพลิงศักดิ์สิทธิ์ลอยออกมาเผชิญหน้ากับมัน มันก็รีบพูดขึ้นด้วยสีหน้าตื่นเต้นทันที “ตามที่คาดไว้จริง ๆ ว่าที่ตำหนักศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้จะต้องมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์เก็บไว้อยู่ ฮ่าฮ่าฮ่า เอาล่ะต่อไปนี้เจ้าเป็นของข้า!”
เตาเพลิงศักดิ์สิทธิ์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเดือดดาล “เป็นเจ้าเองสินะที่สร้างความเสียหายให้กับตำหนักของข้า? เข้ามา! ข้าจะเผาเจ้าให้ไม่เหลือแม้แต่กระดูก!”
เมื่อพูดจบเตาเพลิงศักดิ์สิทธิ์ก็ขยายขนาดเตาเป็นกว้างกว่า 300 เมตรและปล่อยเพลิงของมันเองออกมาล้อมรอบเตาไว้ทั้งหมด
ทางด้านของอสูรช้างก็ไม่อาจประมาทเพราะมันสัมผัสได้ว่าความแข็งแกร่งของเตาเพลิงศักดิ์สิทธิ์นี้ไม่ธรรมดาเลย มันจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเริ่มทำการสังเวยเลือดในร่างของมันครึ่งหนึ่งไปยังขวานศักดิ์สิทธิ์ในมือ และจากนั้นมันก็โยนขวานขึ้นไปบนฟ้า
หลังจากได้รับการสังเวยเลือดมาแล้ว ขวานศักดิ์สิทธิ์ก็เปล่งแสงสีแดงออกมาทันทีและจู่ ๆ ก็ร่างเงามายาที่ดูคล้ายมนุษย์ร่างหนึ่งก่อตัวขึ้นจับขวานเล่มยักษ์นี้เอาไว้และพุ่งเข้าไปหาเตาเพลิงศักดิ์สิทธิ์
เตาเพลิงศักดิ์สิทธิ์ตะคอกเสียงด้วยความโกรธ “มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์อ่อนแอเช่นนี้กับกล้ากำแหงต่อหน้าข้างั้นเรอะ!”
ทันทีที่พูดจบ เตาเพลิงศักดิ์สิทธิ์เอียงตัวมันไปมาเพื่อผสมเปลวเพลิงหนานหมิงเข้ากับประกายเพลิงศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงอาทิตย์ทั้งหก เพื่อเตรียมที่จะเทมันออกไปหาขวานศักดิ์สิทธิ์และอสูรช้าง
เพลิงที่เตาเพลิงศักดิ์สิทธิ์เตรียมจะเทออกไปนั้นมันคือเพลงระดับศักดิ์สิทธิ์! ถึงแม้ว่าขวานศักดิ์สิทธิ์จะไม่เป็นอะไรแต่อสูรช้างที่อยู่ด้านหลังมันนั้นไม่มีวันทนเพลิงระดับนี้ได้ และต้องถูกเผาไหม้จนกลายเป็นเถ้าถ่านแน่นอน
แต่แล้วก่อนที่มันจะได้เทเพลิงออกจากปากเตา หลิงตู้ฉิงก็ส่งโทรจิตไปหาเตาเพลิงศักดิ์สิทธิ์ “อย่าเผาช้างนั่นจนตาย เจ้าแค่จับตัวมันกับขวานศักดิ์สิทธิ์นั่นมาให้ข้าก็พอ”
เมื่อได้ยินคำสั่งเช่นนี้ เตาเพลิงศักดิ์สิทธิ์ก็รู้สึกหดหู่ใจ การที่มันจะฆ่าอสูรช้างนั้นมันก็ต้องใช้ความพยายามมากอยู่แล้ว แต่แล้วตอนนี้หลิงตู้ฉิงกลับบอกให้มันเปลี่ยนวิธีเป็นจับกุมตัวเอาไว้ ซึ่งมันยากยิ่งกว่า
ถึงต่อให้จับมาได้แล้วจริง ขวานศักดิ์สิทธิ์นั่นก็เอามาใช้ต่อไม่ได้อยู่ดี ดังนั้นจะเปลืองแรงจับมันไว้ทำไม?
แต่แล้วชั่วพริบตาต่อมาเตาเพลิงศักดิ์สิทธิ์ก็เห็นว่า จู่ ๆ ขวานศักดิ์สิทธิ์ก็หยุดการโจมตีของมันลงกลางคันและก็ดึงพลังของมันกลับลงไปในด้ามขวานจนหมด ราวกับว่าหลิงตู้ฉิงเป็นผู้ที่ทำให้ขวานศักดิ์สิทธิ์เป็นเช่นนี้
เตาเพลิงศักดิ์สิทธิ์อึ้งอยู่สักพัก จากนั้นเมื่อมันได้สติ มันก็จัดการทำให้เพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในปากเตาของมันสงบลงและพุ่งไปดูดเอาทั้งขวานศักดิ์สิทธิ์และอสูรช้างเข้ามาอยู่ในเตา จากนั้นมันก็บินลอยกลับเข้าไปในห้องโถงใหญ่ตำหนักหลีเทียนเหมือนเดิม
หลังจากกลับมาถึงห้องโถงใหญ่ เตาเพลิงศักดิ์สิทธิ์ก็เททั้งอสูรช้างและขวานศักดิ์สิทธิ์ลงไปที่ด้านข้างห้องโถง จากนั้นมันจัดแจงใช้อำนาจค่ายกลป้องกันของตำหนักปิดผนึกระดับการบ่มเพาะของช้างอสูรเอาไว้และจัดตำแหน่งให้ตัวของช้างอสูรลอยอยู่เหนือคมขวานศักดิ์สิทธิ์เผื่อไว้ว่าถ้าอสูรช้างกระดุกกระดิกตัวรุนแรงเมื่อไหร่ อำนาจที่ทำให้อสูรช้างลอยตัวอยู่จะคลายออกทันทีและจะทำให้ตัวมันหล่นมาทับคมขวาน ซึ่งถ้าไม่ตายก็บาดเจ็บสาหัส
“นายท่าน วิธีการที่ท่านใช้เมื่อครู่มันคืออะไรกัน?” เตาเพลิงศักดิ์สิทธิ์อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นด้วยความสงสัยผ่านทางโทรจิต
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)