หลิงตู้ฉิงไม่ได้กังวลเรื่องความปลอดภัยของอาณาจักรจันทราเลยแม้แต่น้อย เนื่องจากเขามั่นใจว่าเขาได้ทิ้งวิธีการหลายอย่างที่สามารถปกป้องอาณาจักรจันทราไว้มากพอ
ในตอนนี้เขาและกลุ่มคนของเขาก็ได้เดินทางมาจนถึงอาณาเขตวิญญาณโลหิตเป็นที่เรียบร้อย
หากเป็นเมื่อก่อน หลิงตู้ฉิงคงสั่งให้หลงเฉินมุ่งหน้าไปที่จุดหมายปลายทางโดยตรง แต่ในรอบนี้เมื่อเขาพาเหล่าคนในครอบครัวของเขาที่บางคนยังไม่เคยออกจากทะเลชางหมางมาก่อนเลยในชีวิต ยกตัวอย่างเช่น จ้าวเหมิงลู่ และ หลิงไช่หยุน ดังนั้นเขาจึงตั้งใจที่จะให้การเดินทางรอบนี้เป็นรอบที่ให้ครอบครัวของเขาได้เปิดหูเปิดตามากที่สุด
รอบก่อนหน้านี้ที่หลิงตู้ฉิงเดินทางมาที่อาณาเขตวิญญาณโลหิตนั้น เขาใช้เวลาเพียงแค่ 3 ปี แต่รอบนี้เนื่องจากเขาแวะอาณาเขตต่าง ๆ ที่เป็นทางผ่านแทบจะทุกอาณาเขตเพื่อเปิดหูเปิดตาคนในครอบครัว เขาจึงใช้เวลาเกือบ 10 ปีกว่าจะเดินทางมาถึงอาณาเขตวิญญาณโลหิต
และในเมื่อพวกเขาได้มาถึงอาณาเขตวิญญาณโลหิตแล้ว มันจึงเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะต้องแวะเยี่ยมสำนักวิญญาณโลหิต
ในเวลานี้เมื่อหลิงตู้ฉิงมาถึงสำนักวิญญาณโลหิตอีกครั้ง เขาก็พบว่าในสภาพของสำนักวิญญาณโลหิตตอนนี้นั้นเปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างมาก มันไม่มีสภาพความทรุดโทรมหลงเหลืออยู่เลยแม้แต่น้อย
ด้วยการฟื้นคืนของมหาวิถีแห่งโลหิตของสำนัก มันส่งผลให้ผู้คนของสำนักวิญญาณโลหิตสามารถยืนหยัดด้วยขาตัวเองได้อย่างมั่นคง
โดยเฉพาะเว่ยกวน ในตอนนี้เขาได้บรรลุวิชาเงาโลหิตศักดิ์สิทธิ์ที่หลิงตู้ฉิงเคยถ่ายทอด ไว้ให้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งมันทำให้ร่างของเขาลอยอยู่เหนือพื้นดินอยู่ตลอดเวลาได้อย่างน่าแปลกประหลาด
“นายท่าน พวกเรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ท่านกลับมาเยือนพวกเราอีกครั้งหนึ่ง” เว่ยกวนพูดด้วยท่าทีสุภาพที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้กับหลิงตู้ฉิง
ที่เขาสุภาพขนาดนี้นั้นก็เป็นเพราะ 2 เหตุผล เหตุผลข้อแรกคือ หลิงตู้ฉิง คือเจ้านายของเจ้าสำนักของเขาและเหตุผลที่สองก็คือเขาเข้าใจว่า หลิงตู้ฉิงคือบรรพบุรุษของสำนักของเขาที่มาเกิดใหม่ แถมเขายังเคยได้รับการถ่ายทอดวิชาจากหลิงตู้ฉิงอีกต่างหาก
หมิงยู่ยิ้มและพูดขึ้นว่า “นายท่าน นายหญิง เชิญเข้าไปด้านในกันก่อนเถอะ”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าด้วยสีหน้าพึงพอใจ และพูดกับเว่ยกวนว่า “เจ้านี่ไม่เลวเลยจริง ๆ หลังจากเวลาผ่านไปหลายปี เจ้าพัฒนาระดับการบ่มเพาะของตัวเองได้เร็วมากจนในตอนนี้ขึ้นมาอยู่ที่ขอบเขตจักรพรรดิขั้นกลาง แต่ว่าถึงแม้ว่าเจ้าจะอยู่ในขอบเขตจักรพรรดิขั้นกลางมันก็ยังคงห่างไกลจากคำว่าเพียงพอกับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต หลังจากนี้เจ้าจะต้องเร่งฝึกฝนให้มากกว่าเดิม”
เว่ยกวนรีบตอบรับทันที “ในเวลานี้ข้าได้สั่งให้ศิษย์ทั้งหลายเก็บตัวบ่มเพาะกันแทบหมดทุกคนแล้วเพื่อให้พวกเขาพัฒนาระดับได้เร็วที่สุด ข้ามั่นใจว่าพวกเราจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังแน่นอน และที่สำคัญนอกจากข้าในตอนนี้มีผู้อาวุโสอีก 2 คนที่ทะลวงขอบเขตขึ้นมาอยู่ในขอบเขตจักรพรรดิแล้วเช่นกัน”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ดีมาก แต่เจ้าจงอย่าลืมสิ่งที่ข้าได้เตือนผ่านหมิงยู่ไป เรื่องความผิดพลาดในอดีตที่ข้าไม่ต้องการให้มันเกิดขึ้นซ้ำรอย พวกเจ้าต้องยึดถือบทเรียนที่เคยได้รับมาและดำเนินเส้นทางที่ถูกต้อง ไม่เช่นนั้นมันจะไม่มีโอกาสครั้งหน้าของพวกเจ้าอีกต่อไป เจ้าเข้าใจใช่ไหม?”
“ทราบแล้วนายท่าน ข้าได้ย้ำกับพวกเราทุกคนไว้แล้วมันจะไม่มีพวกเราคนไหนที่กล้าทำผิดพลาดซ้ำอีกแน่นอน” เว่ยกวนรีบตอบกลับทันที
จากนั้นหลิงตู้ฉิงก็พาเหล่าคนในครอบครัวของเขาพักผ่อนอยู่ในสำนักวิญญาณโลหิตเป็นการชั่วคราว
ในระหว่างที่หลิงตู้ฉิงกำลังพักผ่อนอยู่ที่สำนักวิญญาณโลหิตอย่างสบายใจอยู่นั้น หนึ่งในอสูรขอบเขตมหาจักรพรรดิของสันเขาหมื่นอสูรก็ได้เดินทางมาถึงสำนักวิญญาณกระบี่ เพื่อถามหาตงฟางจุนด้วยท่าทีแข็งกร้าว
“สำนักวิญญาณกระบี่ของพวกเจ้าจะต้องเข้าใจอยู่แล้วว่า พวกข้าเผ่าอสูรปีศาจนั้นเป็นศัตรูคู่อาฆาตของเทพกระบี่ ดังนั้นตราบใดที่เจ้ามอบตัวไอ้เด็กนั่นที่เป็นเทพกระบี่ที่กลับชาติมาเกิด มาให้กับข้า ข้าจะถือว่าสำนักของเจ้ากับพวกข้าไม่มีปัญหาต่อกัน แต่ถ้าพวกเจ้าดื้อดึงปฏิเสธ พวกเจ้าก็เตรียมตัวสู้จนตัวตายกับพวกข้าเผ่าอสูรปีศาจได้เลย พวกข้าเผ่าอสูรปีศาจจะไม่มีวันลืมเลือนหนี้แค้นที่เทพกระบี่เคยทำกับพวกข้าเอาไว้!” อสูรขอบเขตมหาจักรพรรดิ เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)