หลูหมิง คืออสูรกวางขอบเขตมหาจักรพรรดิที่มีภารกิจมาที่อาณาเขตสุสานกระบี่เพื่อสังหารเหล่าทายาทของเทพกระบี่
ในอดีตเขาได้ยินมาตลอดว่าที่นี่มีทายาทของเทพกระบี่อาศัยอยู่ แต่มันก็เป็นเพียงข่าวลือ ซึ่งไม่สามารถยืนยันได้จริง ๆ
แต่เมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมา กลับมีผู้ยืนยันได้แล้วจริง ๆ ว่าทายาทของเทพกระบี่เป็นใคร
สถานที่แรกที่หลูหมิงแวะเมื่อเขามาถึงอาณาเขตสุสานกระบี่ก็คือ จุดที่ตั้งของสุสานเทพกระบี่
แต่เมื่อเขามาถึงและได้เห็นอักษรที่ถูกจารึกไว้บนหน้าผา เขาก็แสงสีหน้าเย้ยหยัน แต่แน่นอนว่าเขาไม่เข้าไปด้านในสุสาน เนื่องจากภารกิจของเขาที่มาที่นี่นั้นไม่ใช่การทำลายสุสาน แต่เป็นการสังหารเหล่าทายาทของเทพกระบี่ให้หมด
“มู่จางหมิง?” หลูหมิงแสดงสีหน้าเยาะเย้ย “ในเมื่อเจ้าตายไปแล้ว ข้าก็ไม่จำเป็นจะต้องใส่ใจคนตายอย่างเจ้า ในอีกไม่ช้าพวกของข้าจะสังหารร่างที่เกิดใหม่ของเจ้า ส่วนทายาทของเจ้า ข้าผู้นี้จะเป็นคนสังหารพวกมันทั้งหมดเอง!”
หลูหมิงมองไปที่อักษรที่ถูกจารึกเอาไว้อีกครั้งด้วยสีหน้าไม่อยากจะยินยอม อันที่จริงเขาเองก็อยากจะบุกเข้าไปด้านในสุสานและทำลายมันทิ้งเพื่อเหยียบย่ำข้อความที่ดูโอหังให้มันย่อยยับ แต่ในใจลึก ๆ ของเขาก็ไม่กล้า ดังนั้นเขาจึงทำได้แต่กัดฟันกรอด ๆ
แน่นอนว่าเขาเห็นป้ายหลุมศพของมหาจักรพรรดิอุปราคาที่ถูกสร้างขึ้นโดย มู่หยุนชาน เช่นกัน
“มหาจักรพรรดิที่ไหนมาถูกฝังอยู่แถวนี้ล่ะเนี่ย? น่าอดสูขนาดนี้ไม่ควรได้รับฉายาเป็นมหาจักรพรรดิเลยจริง ๆ” หลูหมิงอดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าล้อเลียน
หลูหมิงไม่รู้ว่ามหาจักรพรรดิอุปราคานั้นเป็นใคร ดังนั้นเขาจึงล้อเลียนโดยที่ไม่ได้คิดอะไรมาก
หลังจากนั้นเขาก็หันหลังและบินไปยังสำนักกระบี่เอกภพ
ตามข้อมูลที่เขาได้รับมา ทายาทของเทพกระบี่ทั้งหมดนั้นคือผู้คนของสำนักกระบี่เอกภพ
ในระหว่างที่หลูหมิงกำลังบินไปที่สำนักกระบี่เอกภพ เขาก็ปลดปล่อยกลิ่นอายของเขาโดยไม่ปกปิดมันอีกต่อไป
เขาไม่มีความกลัวต่อเหล่าผู้คนของสำนักกระบี่เอกภพแม้แต่น้อย เพราะจากข้อมูลที่เขาได้รับมา สำนักกระบี่เอกภพนั้นไม่ใช่สำนักที่มีมหาวิถีเต๋าของตนเอง ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีใครที่แข็งแกร่งกว่าเขาอยู่ในสำนัก
เมื่อเห็นว่าสำนักกระบี่เอกภพอยู่อีกไม่ไกล หลูหมิงจึงตะโกนขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เหล่าทายาทเทพกระบี่ วันนี้ข้าจะสังหารพวกเจ้าทั้งหมดให้ตายอย่างน่าอนาถเพื่อสังเวยให้กับดวงวิญญาณของพวกข้าที่ล้มตายลงไปโดยคมกระบี่ของบรรพบุรุษพวกเจ้า!”
หลูหมิงไม่รีบร้อนเลยแม้แต่น้อย เขาค่อย ๆ เดินช้า ๆ เข้าไปหาสำนักกระบี่เอกภพและค่อย ๆ กลายร่างของตัวเองให้กลายเป็นกวางขนาดมหึมาและปล่อยกลิ่นอายของตัวเองปกคลุมสำนักกระบี่เอกภพเอาไว้ทั้งหมด
ทางด้านของสำนักกระบี่เอกภพ เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของอสูรปีศาจอันรุนแรง พวกเขาก็ตื่นตัวในทันที
“เปิดใช้ค่ายกลป้องกันสำนักเดี๋ยวนี้!” มู่เทียนหยูตะโกนขึ้นทันที
มู่หยุนชาน ในตอนนี้ก็ออกมาดูสถานการณ์เช่นกันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ท่านพ่อ ท่านพอจะจัดการมันได้ไหม?” มู่ว่านชิวถามไปที่มู่หยุนชาน
มู่หยุนชานตอบกลับ “เจ้าไม่ต้องเป็นกังวล พวกเรายังมียันต์สั่งสวรรค์ที่ผนึกพลังของท่านลุงเอาไว้ 3 ครั้งที่เขาเคยให้ไว้กับพวกเรา ไม่ว่าผู้ที่บุกมาจะแข็งแกร่งสักแค่ไหน พวกเราก็ฆ่าพวกมันได้ 3 รอบ!”
มู่ว่านชิวและมู่เทียนหยูต่างเผยรอยยิ้มขมขื่น ถึงแม้ว่าพลังที่หลิงตู้ฉิงจะมอบไว้ให้พวกเขาป้องกันตัวมันจะทรงอำนาจมาก แต่มันก็เป็นสิ่งที่ใช้แล้วหมดไป ดังนั้นเมื่อไหร่ที่พวกเขาใช้มันหมด มันก็จะหมายความว่าสำนักของพวกเขาไม่เหลือตัวช่วยอีกต่อไปแล้ว
ในท้ายที่สุดปัญหาของพวกเขามันก็ยังคือการที่สำนักของพวกเขายังไม่มีรากฐานที่มั่นคงเพียงพอ
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีผู้เชี่ยวชาญระดับสูงอยู่หลายคนก็จริง แต่ถ้าเทียบความแข็งแกร่งกันตัวต่อตัวแล้ว เหล่าอสูรปีศาจมันแข็งแกร่งกว่ามนุษย์ธรรมดาอย่างพวกเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)