หมิงยู่รู้หน้าที่ทันทีหลังจากได้รับคำสั่ง นางหลอมรวมร่างของนางเข้ากับหลิงตู้ฉิงทันทีเพื่อเพิ่มระดับการบ่มเพาะให้เจ้านายของนาง
หลังจากนั้นหลิงตู้ฉิงก็ไปยืนอยู่ที่จุดที่เคยเป็นที่ตั้งของภูเขาเอ้อหลง และเริ่มส่องหาร่องรอยของเส้นทางมิติที่หลิงฟ่างหัวได้ถูกดูดเข้าไป
จากนั้นไม่นาน หลิงตู้ฉิงก็โบกมือสร้างรอยแยกมิติขึ้นตรงหน้าเขาทันที จากนั้นเขาก็ก้าวเข้าไปด้านใน
ทางด้านของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันที่ซุ่มดูอยู่ห่าง ๆ เมื่อเห็นภาพเช่นนี้เขาก็รู้สึกเย็นวาบไปถึงสันหลังจากนั้นเขาก็ค่อย ๆ แอบหนีไปอย่างเงียบ ๆ
เขารู้สึกว่าเขาโชคดีมากที่ยังไม่ได้ลงมือทำอะไรลงไป ไม่เช่นนั้นผลลัพธ์ที่เขาจะได้เผชิญมันคงไม่น่าดู
แต่ว่าใครมันจะไปคิดว่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราจะสามารถสร้างรอยแยกมิติและเดินทางผ่านมันได้สบาย ๆ แบบนั้น?
ทางด้านของหลิงตู้ฉิง เมื่อเขาก้าวเข้าไปในรอยแยกมิติที่เขาสร้างขึ้น เขาก็ไปโผล่ที่ห้วงอวกาศอันไกลโพ้น
หลิงตู้ฉิงเริ่มทำการตามแกะรอยกลิ่นอายพลังของหลิงฟ่างหัวทันที เนื่องจากตัวเขาเองก็ไม่สามารถที่จะอยู่ในห้วงอวกาศแบบนี้ได้นานมากนัก เนื่องจากระดับการบ่มเพาะที่หมิงยู่เกื้อหนุนมาให้เขานั้นมันยังไม่ถึงขอบเขตราชัน
ในเวลาเดียวกัน ทางด้านของหลิงฟ่างหัวที่มีหยูเจิ้นไห่คอยคุ้มกันอยู่นั้นก็เก็บตัวบ่มเพาะอย่างบ้าคลั่งอยู่บนภูเขาเอ้อหลงที่ลอยเคว้งคว้าง
หลังจากที่บ่มเพาะพัฒนาความเข้าในกฎแห่งมิติมาได้พักใหญ่ ๆ เคล็ดวิชาบังคับกระแสมิติของนางก็ถูกนางเองพัฒนาขึ้นจนไปถึงระดับสูงมากจนแม้แต่ตัวนางก็ไม่แน่ใจว่ามันไปถึงระดับไหนแล้ว นางแน่ใจแค่ว่าสามารถใช้มันบ่มเพาะไปได้ถึงระดับสวรรค์สามัญแน่นอนโดยไม่มีปัญหา
แต่น่าเสียดายที่นางยังไม่สามารถเดินทางกลับไปได้พร้อมกับเคล็ดวิชาที่นางเพิ่งพัฒนาขึ้นมาใหม่ เนื่องจากนางเองไม่รู้ว่าพิกัดตำแหน่งที่นางเคยจากมามันคือที่ไหน
โชคดีเพียงอย่างเดียวของนางในตอนนี้ก็คือนางยังมีภูเขาเอ้อหลงไว้เป็นที่อยู่อาศัย แถมในภูเขาเอ้อหลงยังมีทรัพยากรอยู่มากมายให้นางใช้เพื่อเพิ่มระดับการบ่มเพาะของนางเอง ไม่เช่นนั้นนางคงจะได้ลอยไปมาอยู่ในห้วงอวกาศโดยไร้ซึ่งที่หลบภัย
หลังจากบ่มเพาะไปอีกพักหนึ่ง หลิงฟ่างหัวก็พูดขึ้นด้วยสีหน้าจนใจ “เมื่อไหร่ข้าจะกลับไปได้กันนะ? เฒ่าหยู เจ้าพอจะนึกวิธีที่จะทำให้พวกเรากลับไปได้บ้างไหม?”
หยูเจิ้นไห่รีบตอบกลับทันที “คุณหนู ข้าไม่เข้าใจในกฎแห่งมิติเลยจริง ๆ ข้าเพียงแค่รู้ว่าพิกัดตำแหน่งของประตูเคลื่อนย้ายของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่ไหนก็เท่านั้น ข้าไม่แน่ใจว่ามันช่วยได้ไหม?”
เนื่องจากเขาคือผู้เชี่ยวชาญระดับสูงของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์และได้ใช้งานประตูเคลื่อนย้ายของสำนักอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นมันจึงเป็นธรรมดาที่เขาจะรู้ตำแหน่งพิกัดที่ตั้งของประตูเคลื่อนย้ายของสำนัก
หลิงฟ่างหัวเมื่อได้รับตำแหน่งพิกัดที่ตั้งประตูเคลื่อนย้ายของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์มาแล้ว และนางลองคำนวณดู นางก็ส่ายหัว “มันไกลเกินไป ข้าไม่สามารถจับเส้นทางไปถึงมันได้เลย”
หากนางสามารถสัมผัสได้ถึงตำแหน่งปลายทาง นางจะสามารถใช้ทักษะของสายเลือดหนอนมิติเดินทางไปหาได้ แต่เนื่องจากระดับการบ่มเพาะของนางในตอนนี้ยังคงต่ำอยู่ นางจึงไม่อาจสัมผัสได้ถึงตำแหน่งปลายทางที่อยู่ไกลมาก ๆ แบบนี้
“เฒ่าหยู ตอนนี้เรามาติดอยู่ในห้วงอวกาศอันเคว้งคว้างแบบนี้เจ้าคิดว่าจะมีใครมาช่วยพวกเรารึเปล่า?” หลิงฟ่างหัวถามขึ้นด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย “เจ้าคิดว่าพ่อของข้าจะมาช่วยข้าไหม?”
หยูเจิ้นไห่ตอบกลับทันที “หากนายท่านรู้เรื่องนี้ เขาจะต้องมาช่วยพวกเราแน่นอน ข้ามั่นใจว่านายท่านมีความสามารถพอที่จะมาช่วยพวกเราได้”
หลิงฟ่างหัวหัวเราะอย่างขมขื่น “ท่านพ่อของข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้าจะเดินทางมาที่ภูเขาเอ้อหลง ดังนั้นเขาจะรู้เรื่องของพวกเราได้ยังไง? ข้าคิดว่าพวกเราคงจะต้องรอกันอีกนานจนกว่าพ่อของข้าจะเอะใจว่าทำไมข้าถึงหายไปนานไม่ยอมกลับไปสักที จากนั้นเขาถึงจะเริ่มตามหาพวกเรา… เฮ้อ ท่านพ่อ ท่านอยู่ที่ไหนกัน? ช่วยมารับพวกเราเร็ว ๆ ทีเถอะ!”
“พ่ออยู่นี่!” จู่ ๆ เสียงของหลิงตู้ฉิงก็ดังขึ้น
เมื่อได้ยินเสียงพ่อของนางดังขึ้น หลิงฟ่างหัวก็หันไปหาหยูเจิ้นไห่ และถามขึ้นทันที “เฒ่าหยู ข้าคิดว่าข้าได้ยินเสียงของพ่อข้า!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)