บทที่ 65 ร่างเซียนมายาขั้นต้น[รีไรท์]
บทที่ 65 ร่างเซียนมายาขั้นต้น[รีไรท์]
วันถัดมา หลังจากจบชั้นเรียนถังชี่หยุน พวกเด็ก ๆ ได้แยกย้ายกันออกไปฝึกตามตารางประจำวัน
หลิงตู้ฉิงเองก็ได้แยกไปสร้าง ‘ชิงช้า’ ไว้ในลานให้กับหลิงว่านถิงเพื่อให้นางได้ใช้มันฝึกฝน
“เจ้าตั้งชื่อให้กับว่าวตัวนี้ก่อน แล้วหยดเลือดลงไปเพื่อเชื่อมโยงเจ้ากับมัน” หลิงตู้ฉิงยื่นว่าวให้กับหลิงว่านถิง
หลิงว่านถิงรับว่าวมาด้วยความยินดี หลังจากที่นางหยดเลือดลงไปเรียบร้อย นางก็รีบเก็บมันลงไปในแหวนมิติทันที ส่วนชื่อที่นางตั้งให้มันนั้น นางตั้งไว้ว่า ‘ต้าเผิง’
เหตุผลที่นางใช้ชื่อนี้นั่นก็เพราะว่า นางเคยได้ยินครูถังเล่าเรื่องเกี่ยวกับสัตว์เทพที่มีรูปร่างเป็นนกและบินได้เร็วเป็นอย่างมาก สัตว์เทพตัวนั้นมีชื่อว่าต้าเผิง เมื่อนางลองนึกถึงเวลาที่ว่าวตัวนี้บินมันก็เร็วมากเช่นกันแถมยังมีรูปร่างคล้ายนกอีก นางจึงคิดว่าชื่อนี้เหมาะสมที่สุด
เมื่อเห็นหลิงว่านถิงเก็บว่าวลงไปเรียบร้อย หลิงตู้ฉิงจึงบอกให้หลิงว่านถิงไปนั่งที่ชิงช้าที่เขาเพิ่งสร้างเสร็จ
นางพยักหน้าหนึ่งครั้งจากนั้นก็เดินไปนั่งลงที่ชิงช้าอย่างว่าง่าย
เหตุผลสำคัญที่หลิงว่านถิงต้องใช้ชิงช้าในการฝึกฝนก็เพราะหลิงตู้ฉิงไม่สามารถควบคุมว่าวให้ลอยไปมาบนอากาศได้ตลอดเวลาหากเขาไม่ได้เพ่งสมาธิไปที่มัน เขาจึงสร้างชิงช้าให้หลิงว่านถิงใช้มันเพื่อแกว่งไปมาให้เกิดลมเสียดสีสัมผัสกับตัวนาง
แต่การใช้ชิงช้านั้นก็มีข้อเสีย เพราะแรงลมที่สัมผัสกับตัวนางนั้นแรงสู้กับแรงลมที่อยู่บนท้องฟ้าไม่ได้ ซึ่งส่งผลให้หลิงว่านถิงอาจจะต้องใช้เวลานานกว่าเดิมในการปลุกพรสวรรค์กายนภาครามของนางขึ้นมา
เมื่อหลิงว่านถิงนั่งลงชิงช้าก็เริ่มแกว่งไปมาด้วยตัวเองโดยที่นางไม่จำเป็นต้องขยับมันเลย แต่การแกว่งของชิงช้าค่อนข้างจะไม่สมดุล บางทีแรงที่แกว่งก็ไวไปบ้าง บางทีแรงที่แกว่งก็ช้าไปบ้าง
หลิงว่านถิงที่ไม่คุ้นชินกับจังหวะของชิงช้า นางจึงเริ่มรู้สึกมึนหัว แต่นางก็ฝืนทนนั่งมันต่อไป
หลังจากที่จัดการเรื่องของหลิงว่านถิงเสร็จ หลิงตู้ฉิงได้ตะโกนเรียกมี่ไลให้เดินเข้ามาหา
“เมื่อวานข้าบอกกับเจ้า ว่าข้าจะตอบแทนความพยายามของเจ้าด้วยรางวัลให้ เจ้าจำได้ไหม? ตอนนี้เจ้าก็ชำนาญในการใช้วิชาเรียกฝนใบไม้ผลิแล้ว ฉะนั้นวันนี้ข้าจะถ่ายทอดเคล็ดวิชาใหม่ให้เจ้า เคล็ดวิชานี้ชื่อ ‘สุริยะสาดแสง’ เคล็ดวิชานี้เจ้าฝึกไม่ยากหรอกเพราะสภาพอากาศที่เมืองฟินิกซ์ก็ร้อนอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว”
“ข้าขอบคุณนายท่านมาก” มี่ไลขอบคุณหลิงตู้ฉิงด้วยความซาบซึ้งแต่นางก็อดสงสัยไม่ได้จึงเอ่ยถาม “นายท่าน เคล็ดวิชานี้เป็นเคล็ดวิชาที่อยู่ในชุดเดียวกับวิชาเรียกฝนฤดูใบไม้ผลิหรือเปล่า? ท่านต้องการที่จะให้ข้าปลูกต้นอะไรอีกหรือ?”
คิ้วของหลิงตู้ฉิงขมวดเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำถามของมี่ไล “เจ้าไม่ต้องการปลูกต้นไม้ให้ข้าแล้วรึไง?”
เมื่อได้ยินแบบนั้นมี่ไลก็ส่งยิ้มหวานไปหาหลิงตู้ฉิง “นายท่าน ไม่ว่าท่านจะให้ข้าปลูกหรือเลี้ยงอะไร ขอแค่เพียงท่านเอ่ยมาข้ายินดีทำให้ท่านทุกอย่าง…”
“เราค่อยพูดถึงเรื่องนั้นกันทีหลัง” หลิงตู้ฉิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย จากนั้นเขาก็เริ่มถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้กับมี่ไลจนเขามั่นใจว่านางเข้าใจเคล็ดวิชาเรียบร้อย เขาจึงเดินจากไป
สำหรับจำนวนครั้งที่เขาสอนนาง เขาไม่ได้นับมันเลย!
เพราะตอนนี้เขาได้ยอมรับนางเป็นหนึ่งในคนของเขาแล้ว นี่จึงถือเป็นสิทธิ์พิเศษที่เขาเต็มใจมอบให้กับคนของเขา
เมื่อกล่าวถึงการบรรลุวิชา บรรดาลูก ๆ ของเขาในตอนนี้มีเพียงแค่ 2 คนที่ปลุกพรสวรรค์ของตัวเองได้แล้วคือหลิงยู่ชานและหลิงไช่หยุน ส่วนคนอื่นดูเหมือนยังไม่มีความคืบหน้าเลย
วันนี้เป็นวันที่แดดแรงดีมาก ไม่เพียงแต่จะเป็นวันที่เหมาะกับมี่ไลฝึกฝนเคล็ดวิชาใหม่ของนาง แต่มันยังเหมาะกับหลิงเทียนหยุนในการเข้าใจแก่นแท้ของเงาด้วยเช่นกัน
ที่ผ่านมาหลิงเทียนหยุนจะรู้สึกร่าเริงมากในวันที่แดดออกแรง เนื่องจากหากมีแดดเมื่อไหร่เขาก็จะสามารถหาเงาได้ง่ายขึ้นเท่านั้น
อันที่จริงเขาก็พอจับหลักได้คร่าว ๆ แล้วว่าการปรากฎของเงานั่นมีความเกี่ยวข้องกับแสง
แต่เขาก็ยังไม่แน่ใจว่าแท้จริงแล้วทั้งสองสิ่งนี้มันสัมพันธ์กันอย่างไร?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)