บนขั้นบันไดที่ 7 ปราชญ์ที่เหลืออยู่ทั้งสามต่างก็หยิบสิ่งที่ตัวเองใช้บันทึกหลักการของตัวเองขึ้นมาอ่านทบทวนจนพวกเขาสามารถยืนได้อย่างมั่นคง
หลังจากแน่ใจว่าตนเองสามารถยืนได้อย่างมั่นคงจริง ๆ แล้วพวกเขาจึงเริ่มก้าวต่อไปยังขั้นที่ 8
หลังจากขึ้นไปถึงบันไดขั้นที่ 8 หยูหลิงหลงเผยรอยยิ้มอันขมขื่น จากนั้นเขาโค้งคำนับให้กับถังชี่หยุนและจางจิงหงก่อนที่ตัวเองจะนั่งลงไปที่บันไดขั้นที่ 8
ความรู้สึกของเขาในตอนนี้นั้นมีหลายความรู้สึกที่ผสมปนเปกันไป ไม่ว่าจะเป็นความภาคภูมิใจ ผิดหวัง ซาบซึ้งและเสียดาย
เขาเหลืออีกเพียงแค่ 2 ก้าวเท่านั้นก็จะสามารถขึ้นไปถึงแท่นบูชา ซึ่งเขาทราบดีว่าอีก 2 ก้าวที่เหลือนั้นเขาไม่สามารถไปต่อได้
อย่างไรก็ตาม การที่เขาสามารถก้าวขึ้นมาถึงขั้นที่ 8 ได้มันก็เป็นสิ่งที่บ่งบอกได้ว่าหลักการที่เขายึดมั่นนั้นไม่ใช่หลักการที่ไร้ค่าแม้แต่น้อย
ในเวลาเดียวกัน บรรดาศิษย์ของทั้งถังชี่หยุนและจางจิงหงต่างก็ตะโกนให้กำลังใจปราชญ์ของพวกเขาอยู่ในใจไม่กล้าเปล่งเสียงอะไรออกมา เพราะพวกเขาเกรงว่าถ้าพวกเขาเปล่งเสียงดังเกินไป มันอาจจะเป็นการรบกวนสมาธิปราชญ์ของพวกเขาจนทำให้เสียเรื่องได้
ทางด้านของถังชี่หยุนและจางจิงหง เมื่อพวกเขาสามารถยืนหยัดอยู่บนบันไดขั้นที่ 8 ได้แล้ว พวกเขาก็ท่องหลักการของตัวเองเร็ว ๆ ขึ้นอีก และค่อย ๆ ก้าวขึ้นไปยังบันไดขั้นที่ 9!
ด้วยหลักการอันยอดเยี่ยมที่คนทั้งคู่ต่างยึดถือ แม้ว่าบันไดขั้นที่ 9 จะมีแรงกดดันมหาศาลมากแค่ไหนพวกเขาทั้งคู่ก็ยังสามารถยืนหยัดได้อย่างมั่นคงโดยไม่ไหวติงใด ๆ เลย
สีหน้าของพวกเขาทั้งคู่ต่างมุ่งมั่นเป็นอย่างมาก และจมดิ่งอยู่ในห้วงความคิดของตนเองจนไม่สนใจสิ่งรอบข้างใด ๆ
ในทางกลับกัน สีหน้าของผู้คนที่อยู่ด้านล่างกลับเปลี่ยนเป็นกังวลจนคิ้วของพวกเขาแทบจะชนกัน
เหลืออีกเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น!
หมิงจู้และหมิงซิ่ว ลูกชายอีกคนของถังชี่หยุน ต่างลุ้นกันจนหน้าดำหน้าแดง และถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ตะโกนให้กำลังใจใด ๆ แต่ในใจของพวกเขาต่างร่ำร้องว่า ‘ท่านแม่สู้เขา! เหลืออีกแค่ก้าวเดียวความพยายามที่ท่านทุ่มเทมาทั้งชีวิตก็จะสำเร็จผล!’
แน่นอนว่าทางด้านของเหล่าศิษย์ของจางจิงหงก็ตะโกนร่ำร้องให้กำลังใจ หรือมีแม้กระทั่งบางคนสวดอ้อนวอนขอร้องต่อสวรรค์ให้ช่วยปราชญ์ของพวกเขาด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ถังชี่หยุนและจางจิงหงยืนค้างอยู่บนบันไดขั้นที่ 9 ถึง 3 วันโดยที่ไม่ขยับไปไหนเลย
เมื่อเห็นเช่นนี้ แม้แต่ปราชญ์คนอื่น ๆ ที่นั่งอยู่บนบันไดขั้นล่าง ๆ ก็อดไม่ได้ที่จะแหงนมองถังชี่หยุนและจางจิงหงด้วยสีหน้าประหลาดใจ เพราะพวกเขาไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น
หลังจากนั้นเมื่อผ่านไปอีก 1 วันเต็ม ถังชี่หยุนและจางจิงหงก็ตัดสินใจก้าวขึ้นไปบนแท่นบูชา ซึ่งก็คือก้าวสุดท้ายเพื่อพิสูจน์ว่าพวกเขาคนใดคนหนึ่งใครกันที่จะเป็นมหาปราชญ์ของยุคนี้
แต่จากนั้นเหล่าผู้ที่กำลังจับตามองอยู่ต่างก็รู้สึกโง่งมไปกับภาพที่พวกเขาเห็นต่อมา เพราะมันกลายเป็นว่าทั้งถังชี่หยุนและจางจิงหงต่างก็สามารถก้าวขึ้นไปหน้าแท่นบูชาได้พร้อม ๆ กัน!
นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
โดยปกติแล้วหากใครสามารถก้าวขึ้นไปอยู่ตรงหน้าแท่นบูชาได้ มันก็หมายความว่าคนผู้นั้นจะได้เป็นมหาปราชญ์
แต่ตอนนี้กลับมีคนสองคนที่สามารถขึ้นไปยืนได้พร้อม ๆ กัน หรือว่าครั้งนี้จะมีมหาปราชญ์ถือกำเนิดขึ้นสองคนพร้อม ๆ กัน?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)