เต๋าเทียนเซียะใช้ชีวิตของเขาเองวัดดวงกับกลุ่มของหลิงตู้ฉิง ราวกับว่าเขาเป็นเหมือนนักพนันที่คลุ้มคลั่งจากการเสียพนันก้อนโต และพยายามทุ่มหมดหน้าตักเพื่อให้ได้เงินคืน
เหตุผลที่เขาเป็นเช่นนี้ก็เพราะทรัพย์สินทั้งหมดของสำนักได้ถูกใช้ไปหมดแล้ว แต่กลุ่มของหลิงตู้ฉิงก็ยังไม่ตายสักทีแถมเวลาของการแลกเปลี่ยนก็กำลังหมดลงเรื่อย ๆ ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เมื่อไหร่ที่พวกหลิงตู้ฉิงหลุดจากเขตแดนของตาชั่งได้พวกเขาจะต้องเป็นฝ่ายที่ตายเองทั้งหมด
ดังนั้นเมื่อไม่มีสมบัติใด ๆ เหลือแล้วในตอนนี้มันจึงเหลือแค่ชีวิตของเขาที่สามารถนำมาใช้ได้เพียงอย่างเดียว ซึ่งบรรดาคนของสำนักเงินตราคนอื่นก็เริ่มแสดงสีหน้าคลุ้มคลั่งด้วยเช่นกัน
ตอนนี้พวกเขาต่างใช้ทรัพย์สมบัติของตัวเองทั้งหมดเพื่อซื้อชีวิตชีวิตกลุ่มของหลิงตู้ฉิงไปหมดแล้ว แต่พวกเขาก็ยังซื้อไม่ได้ ซึ่งถ้ามันจบแบบนี้พวกเขาก็ต้องโดนฝั่งหลิงตู้ฉิงไล่ฆ่าจนหมดอยู่ดี ดังนั้นการที่พวกเขาใช้ชีวิตของตัวเองแลกแบบนี้มันก็ไม่ต่างอะไรกับผลลัพธ์ที่พวกเขาต้องเผชิญอยู่แล้ว
อย่างน้อย ๆ ด้วยจำนวนของพวกเขาที่มีมากกว่าหลังจากจบเรื่องนี้ ทางฝั่งพวกเขาน่าจะยังมีชีวิตเหลือรอดกันอยู่บ้าง ซึ่งตราบใดที่พวกเขาไม่ตายกันหมดสำนักเงินตราก็ยังสามารถฟื้นฟูขึ้นใหม่ได้
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิของสำนักเงินตราผู้หนึ่ง ตัดสินใจกระโดดขึ้นไปยืนเคียงเต๋าเทียนเซียะบนถาดชั่ง และตะโกนขึ้นว่า “ข้าขอใช้ชีวิตของข้าแลกกับพวกเขาเช่นกัน!”
จากนั้นบรรดาศิษย์ทั้งหลายของสำนักเงินตราก็เริ่มกระโดดขึ้นไปบนถาดชั่งเพื่อใช้ชีวิตของพวกเขาในการแลกชีวิตกับกลุ่มของหลิงตู้ฉิง
แน่นอนว่าการใช้ชีวิตแลกชีวิตเช่นนี้มันได้ผลในทันที ถาดตาชั่งฝั่งของสำนักเงินตราค่อย ๆ โน้มลงมาเรื่อย ๆ อีกครั้งตามจำนวนคนที่ขึ้นไปเสริมเรื่อย ๆ
“นายท่าน ตอนนี้ท่านต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว!” กวนหลิงอู่พูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ตอนนี้สำนักเงินตราส่งคนขึ้นไปบนถาดชั่ง 3,000 คนแล้ว และถาดชั่งทั้งสองด้านก็ใกล้จะอยู่ระดับเดียวกันเต็มที แถมตอนนี้ทางฝั่งสำนักเงินตรายังเหลือคนอีกมากกว่า 5,000 คนที่ยังไม่ได้เข้าร่วม ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปพวกเราไม่รอดแน่นายท่าน!”
เย่เจียงไห่พูดขึ้นเช่นกันด้วยสีหน้าตื่นตระหนก “น้องเขย หากเจ้ามีวิธีแก้ไขเจ้าต้องรีบใช้มันในตอนนี้! ไม่งั้นพวกเราจบเห่กันหมดแน่นอน!”
หลิงตู้ฉิงขมวดคิ้วมองไปที่เหล่าผู้คนของสำนักเงินตราที่กำลังค่อย ๆ กระโดดขึ้นไปบนถาดชั่งอันที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
เหตุผลที่เขายังไม่ลงมือจนถึงตอนนี้นั้นเป็นเพราะเขามีโอกาสลงมืออีกแค่ครั้งเดียว ซึ่งถ้าหากเขาลงมือไปแล้วแต่สำนักเงินตรากลับดันมีไพ่ตายเหลืออยู่อีก รอบหน้าทางฝั่งเขาเองจะต้องสูญเสียอย่างหนัก
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเห็นว่าสำนักเงินตราส่งคนขึ้นไปบนถาดชั่งอีกฝั่งเรื่อย ๆ เขาก็รู้สึกจนใจเช่นกัน
เมื่อครุ่นคิดได้พักใหญ่ ในที่สุดหลิงตู้ฉิงก็เอ่ยขึ้นกับคนของเขาทุกคนว่า “ข้าลงมือได้อีกเพียงครั้งเดียว ดังนั้นต่อจากนี้มันจะขึ้นอยู่กับพวกเจ้าแล้ว!”
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงยกง้าวเทวะพินาศชูขึ้นเหนือหัว จากนั้นเขาโคจรพลังทั้งหมดที่มีอยู่ในร่างโลหิตอมตะของหมิงยู่และตะโกนว่า “ทำลายเขตแดน!”
รัศมีแสงสีขาวเจิดจ้าพลั่งพรูออกมาจากปลายง้าวเทวะพินาศทันทีราวกับว่ามันเป็นดวงอาทิตย์ดวงหนึ่ง และส่องกระจายปกคลุมไปทั่วเขตแดนของตาชั่งอย่างรวดเร็ว
แน่นอนว่านี่เป็นอีกทักษะหนึ่งของง้าวเทวะพินาศ มันคือทักษะที่ 3 ‘ทำลายเขตแดน’ ซึ่งมีไว้ทำลายเขตแดนของอาวุธเต๋าโดยเฉพาะ!
เมื่อแสงสีขาวของง้าวเทวะพินาศปกคลุมไปทั่วทั้งเขตแดนของตาชั่ง กลุ่มคนของหลิงตู้ฉิงทุกคนก็รู้สึกได้ว่าตอนนี้ร่างกายของพวกเขาขยับได้แล้ว
“ข้าขยับได้แล้ว!”
“เยี่ยมยอด! ในที่สุดข้าก็รอดตาย!”
หลิงตู้ฉิงตวาดขึ้นด้วยสีหน้ายากลำบากทันที “ไอ้เจ้าพวกโง่! ทำไมยังไม่หนีออกไปจากเขตแดนบ้า ๆ นี่อีก!?”
เนื่องจากระดับการบ่มเพาะที่เขาใช้ทักษะทำลายเขตแดนมันเป็นแค่ขอบเขตราชัน ดังนั้นมันจึงไม่มีอำนาจพอที่จะทำลายเขตแดนของตาชั่งได้จริง ๆ มันทำได้แค่ยับยั้งเอาไว้ชั่วคราวเท่านั้น ซึ่งถ้าตัวของเขาเองรีบหนีไปก่อนในตอนนี้อำนาจของทักษะทำลายเขตแดนจะหายไปในทันที และแน่นอนว่าเมื่อไหร่ที่เขาไม่ยืนอยู่ด้วยเหล่าคนที่เขาพามาจะถูกซื้อชีวิตได้ภายในพริบตา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)