พายุรักแห่งเม็ดทราย นิยาย บท 29

“ขอบใจ”

เจ้าชายซารีฟร์เอ่ยห้วนๆ ควักแบงค์มา 10 ดอลลาร์แล้วยื่นให้กับนาราภัทรเป็นการตบรางวัล

นาราภัทรขบริมฝีปากจนเป็นเส้นตรงเอื้อมมือไปรับแบงค์ดอลลาร์ได้อย่างยากเย็นเมื่อกระชากแบงค์มาได้แล้วก็กำไว้แน่นราวกับต้องการให้ความเจ็บปวดไหลลงมาสู่ที่มือเล็กของตนเอง

“เจ้าชายขา...ชนแก้วหน่อยค่ะ”

ลอเรนประจบเสียงหวานย้อยกรีดนิ้วจับแก้วแชมเปญทรงดอกทิวลิปจากนั้นก็ยื่นไปชนกับแก้วของเจ้าชายแห่งทะเลทราย ขึ้นชื่อว่าเป็นนางแบบช่างยั่วจะให้ดื่มแชมเปญด้วยวิธีเรียบง่ายก็เสียยี่ห้อหมด ลอเรนดื่มแชมเปญอึกใหญ่จากนั้นก็รีบประกบปากเข้ากับริมฝีปากสีสดร้อนผ่าวของเจ้าชายผู้หล่อเหลา

ราวกับถูกตบหน้าด้วยการแสดงบทจูบที่เร่าร้อนซึ่งได้แสดงให้ดูสดๆ นาราภัทรกำแบงค์ดอลลาร์แน่นขบริมฝีปากจนห้อเลือดดวงตาคู่สวยดูว่างเปล่าขณะจ้องมองบทรักที่เจ้าชายซารีฟร์กับคู่ขาจงใจแสดงให้เธอดู เอาสิ! อยากโชว์ให้ดูนักเธอก็จะสนองตอบเพื่อไม่ให้เสียศรัทธา...

และคนที่ทนไม่ได้คือตัวของเจ้าชายแห่งแผ่นผืนทะเลทรายเอง เจ้าชายซารีฟร์ดันร่างของลอเรนออกห่างพยายามซ่อนแววตากริยาเบื่อหน่ายกับรสจูบที่จืดชืดไว้ภายใต้ใบหน้าที่เรียบเฉย

เจ้าชายหนุ่มกระดกแชมเปญรวดเดียวหมดแก้วจากนั้นก็ยื่นไปข้างหน้าเต็มแรงจนปากแก้วทรงสวยกระแทกโดนปลายนิ้วของนาราภัทรจากนั้นก็ออกคำสั่งห้วนๆ เหมือนเดิม

“รินแชมเปญมาอีกแก้ว”

“ค่ะ” นาราภัทรรับคำเสียงแข็ง

“รินให้คุณลอเรนด้วยแล้วก็มายืนใกล้ๆ เราจะสั่งอาหาร”

นาราภัทรพยายามนับหนึ่งถึงร้อยอดทนให้ถึงที่สุดถึงแม้ข้างในกายจะเต็มไปด้วยสายเลือดที่ไหลซึมไปทั่วทุกอณูแต่เธอก็จักไม่แสดงออกให้เจ้าชายซารีฟร์ได้เห็นเด็ดขาด หญิงสาวยื่นเมนูอาหารให้ผู้หญิงที่เพิ่งรู้ชื่อมาสดๆ ร้อนว่าลอเรน จากนั้นก็สาวเท้าช้าๆ กลับมายืนตรงตำแหน่งเดิมที่เรียกว่าห่างไกลจากเจ้าชายซารีฟร์หลายก้าว

“เมนูค่ะ จะรับอะไรดีค่ะ”

“ขยับมาใกล้ๆ ไม่อยากตะโกน”

เจ้าชายหนุ่มนักรักสั่งเสียงทุ้มไม่ยอมรับเมนูที่หญิงสาวยื่นมาให้ใบหน้าคมเข้มคลี่ยิ้มเยาะหยันแล้วเอ่ยถากถางเป็นภาษาไทย

“ทนเห็นเราจูบกับลอเรนไม่ไหวหรือ? เจ้าถึงได้ยืนหลบเสียไกล”

นาราภัทรสาวเท้าเข้าหาหยุดยื่นใกล้ๆ แค่ไม่ถึงคืบต้นขาของเธอก็สัมผัสแตะต้องกับต้นแขนแข็งแกร่ง หญิงสาวยื่นเมนูอาหารไปตรงหน้าแล้วเอ่ยถามเสียงเย็นอีกครั้ง

“จะรับอะไรดีค่ะ”

“เจ้าชายขา...ลอเรนสั่งอาหารไปแล้วนี่ค่ะ เจ้าชายจะสั่งเพิ่มหรือคะ”

ลอเรนเอ่ยถามพร้อมกับบดเบียดหน้าอกหน้าใจขาวผ่องไปกับแผงอกกว้างด้วยต้องการปลุกให้ราชสีห์ได้ตื่นจากการหลับใหล

เจ้าชายซารีฟร์ไม่ได้รู้สึกรู้สากับหน้าอกนิ่มๆ ที่บดเบียดลงมาผิดกับเรือนกายของนาราภัทรแค่กลิ่นกายหอมจรุงใจถูกสายลมโบกพัดมาปะทะจมูกต้นขาเรียวยาวที่สัมผัสบางเบากับลำแขนของเขาเพียงแค่นี้ก็ทำให้เลือดอุ่นๆ ในกายลุกฮือขึ้นทันที

“จะสั่งอาหารไหมคะ”

นาราภัทรถามย้ำเสียงห้วนเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมยื่นมือมารับเมนูนอกจากจ้องมองเธอแค่เพียงอย่างเดียว หญิงสาวเหลือบสายตามองผู้หญิงที่ชื่อลอเรนซึ่งกำลังเบียดหน้าอกกับแผงอกกว้างครู่หนึ่งก่อนจะเชิดหน้าขึ้นซ่อนความโกรธระคนหึ่งหวงไว้ภายใต้ใบหน้าที่สงบนิ่ง

“ทำไมไม่ใส่แหวนที่เราให้”

เจ้าชายซารีฟร์ยังคงเอ่ยถามเสียงห้วนเป็นภาษาไทยเพื่อกันลอเรนออกไปจากวงสนทนา มือใหญ่ยื่นมือออกไปจับมือบางนุ่มนิ่มไว้ปลายนิ้วสัมผัสลูบไล้ทั่วนิ้วเรียวยาวข้างซ้ายซึ่งปราศจากแหวนทับทิมประจำยศที่ตนเองได้สวมให้เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา

“ที่ไม่ใส่เพราะว่าไม่อยากได้”

นาราภัทรสะบัดเสียงตอบห้วนๆ รู้ดีว่าสิ่งที่ตนเองเอ่ยตอบไปนั้นเป็นเรื่องที่โกหกทั้งสิ้นแต่ถ้าจะให้บอกว่าเธอเก็บแหวนวงงามไว้ในกล่องอย่างทะนุถนอมและด้วยความรักก็ไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ตอนนี้ดีขึ้นมา

เจ้าชายซารีฟร์บีบมือเล็กในอุ้มมือของตนเองไว้แน่นอย่างลืมตัว อารมณ์โกรธขึงกำลังปะทุเดือดแล่นพล่านเมื่อเจอปฏิกิริยาต่อต้านขัดขืนเย็นชาของหญิงอันเป็นที่รัก

“แหวนวงนั้นเป็นแหวนประจำยศในการเป็นเจ้าชายองค์รองแห่งราชวงศ์อัลนูรีนของเราเชียวน่ะน้ำหนาว”

“งั้นหรือคะ...มีค่ามากเพียงนี้เจ้าชายซารีฟร์ก็ไม่ควรนำมามอบให้กับนางในฮาเร็ม เสียดายที่วันนี้ไม่ได้สวมมาด้วยไม่เช่นนั้นจะได้คืนให้เจ้าชายตอนนี้เลย”

น้ำเสียงถ้อยคำที่ย้อนกลับโดยไม่แยแสใบหน้างามลออที่เชิดขึ้นอย่างถือดี ดวงตาคู่สวยที่จ้องมองอย่างว่างเปล่าไร้ซึ่งคลื่นสิเสน่หาที่มีให้แก่กันยิ่งสร้างความขัดเคืองเติมฟืนไฟให้พายุแห่งความพิโรธได้ปะทุขึ้นมากกว่าเดิมหลายสิบเท่า มือใหญ่กระชากลำแขนเนียนนุ่มมือเต็มแรงจนร่างบางถลามาปะทะกับไหล่กว้างของตนเอง มืออีกข้างเอื้อมไปบีบปลายคางมนบังคับให้ใบหน้างามหวานก้มลงมาใกล้ๆ ก่อนจะกระซิบเย้ยหยันถากถางให้นาราภัทรน้ำตาตกในอีกครั้ง

“ไม่ต้องเอามาคืน ถือว่าเป็นของกำนัลเล็กๆ น้อยๆ สำหรับบริการที่เรียกว่าเด็ดสะระตี่ถึงพริกถึงขิง”

“คุณมันซาตานกลับชาติมาเกิด”

เจ้าชายซารีฟร์หัวเราะร่วนกับคำด่าที่ทำให้ระคายผิวแบบแสบๆ คันๆ

“เราชอบคำสบถของเจ้า ยิ่งเวลาเจ้าครวญครางเพราะความสุขยิ่งชอบเข้าไปใหญ่ ว่าแต่ว่า...คืนนี้นางบำเรอว่างหรือเปล่า เราอยากซื้อบริการสักชั่วโมงสองชั่วโมงถ้าหากบริการถูกใจเหมือนเดิมจะตบรางวัลด้วยของชิ้นใหญ่กว่านี้”

นาราภัทรนิ่งขึงตัวชาเจ็บยิ่งนักกับถ้อยคำเส้นแส้ที่เจ้าชายซารีฟร์ได้เฆี่ยนลงมากลางใจ ในตอนแรกตั้งใจจะเอ่ยคำปฏิเสธแต่เมื่อเห็นลอเรนสอดปลายนิ้วเข้าไปลูบไล้สัมผัสแผงอกกว้างโดยที่เจ้าชายซารีฟร์เองก็ให้ความร่วมมือเต็มที่หญิงสาวจึงได้เอ่ยออกมาให้เจ้าชายนักรักได้รู้ว่าเธอก็มีคู่เดทรออยู่เช่นเดียวกัน

“เสียใจด้วยค่ะเจ้าชายซารีฟร์ วันนี้นางบำเรอไม่ว่างเพราะมีคนจองคิวไว้เรียบร้อยแล้ว

“เจ้าจะไปกับใครไม่ได้ เจ้าเป็นของเราคนเดียว”

เจ้าชายซารีฟร์กัดฟันกรอดประกาศลั่นด้วยความหึงหวงกอปรกับความโกรธที่กำลังลุกโชนราวกับสายน้ำที่ไหลเชี่ยวกราก มือหนาบีบมือเล็กนุ่มนิ่มไว้แน่นจนกระดูกแทบแหลก

นาราภัทรยิ้มเยาะก้มลงเข้าไปใกล้ๆ ใบหน้าคมเข้มที่ยังตีหน้าบึ้งถมึงทึงจากนั้นก็ได้เอ่ยตอบเสียงเย็นยะเยือกไม่สะทกสะท้านกับไฟพิโรธที่กำลังลุกวาวอยู่ในดวงตาคมกริบ

“อย่าเหมาว่าผู้หญิงทุกคนต้องสยบอยู่แทบเท้าของเจ้าชายสิค่ะ และอย่าคิดว่าจะมีแค่รสรักของเจ้าชายเท่านั้นที่จะทำให้น้ำหนาวเคลิบเคลิ้มได้”

“นรก!...”

เจ้าชายซารีฟร์สบถลั่นผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างรวดเร็วซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันที่นาราภัทรได้กระชากมือออกจากมือใหญ่เต็มแรงจนสะบัดไปโดนขวดแชมเปญล้มลงหกรดหน้าตักของลอเรนพอดี

“กรี๊ดดดด!!!...” ลอเรนกรีดร้องลั่นผุดลุกขึ้นชี้นิ้วด่านาราภัทรด้วยความโกรธ “ไร้มารยาทมาก แกจงใจทำแชมเปญหกใส่ชุดฉันใช่ไหม รู้ไหมว่าชุดของฉันราคาเท่าไหร่”

“แล้วราคาเท่าไหร่”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พายุรักแห่งเม็ดทราย