ใบหน้าคมเข้มของเจ้าชายองค์รองแห่งแผ่นผืนทะเลทรายถมึงทึง กัดฟันกรอดๆ เมื่อถูกด่าเป็นครั้งที่สอง เรือนร่างใหญ่โตเดินเข้าไปใกล้ชายทั้งสองแล้วใช้เท้าถีบเต็มแรงโดยไม่ปรานีปราศัยจนร่างของเศษสวะรกสังคมทั้งสองกลิ้งไปกองกับพื้นห้อง
“รู้สึกว่าพวกมึงจะยัดเหยียดชาติตระกูลของสัตว์สี่เท้าที่แสนรู้ให้กูเหลือเกิน จำไว้ว่ากูชื่อเจ้าชายซารีฟร์ อัล ริฟาอีลส์ เจ้าชายองค์รองแห่งประเทศอัลนูรีน ท่องจำใส่หัวกะโหลกของพวกมึงไว้ จะตามไปแก้แค้นเมื่อไหร่ก็ได้กูจะต้อนรับปูเสื่อเลี้ยงดูอย่างดี”
ฝากถ้อยแถลงขู่กำชับเรียบร้อยแล้วเจ้าชายซารีฟร์ก็อุ้มนาราภัทรออกไปจากห้อง
ราชิตหัวเราะร่วนนั่งลงบนส้นเท้าตนเองจากนั้นก็ใช้ด้ามปืนตบหนักๆ ลงไปบนใบหน้าเศษสวะทั้งสองคนละครั้ง
“พวกมึงคงรู้จักเจ้าเหนือหัวของกูไปแล้ว คราวนี้กูขอแนะนำตัวเองบ้างเผื่อว่าจะคิดใคร่ครวญก่อนที่จะตามไปแก้แค้น ราชิต รุสดี อัฟซา คือชื่อของกู เป็นองครักษ์เอกของเจ้าชายซารีฟร์”
ราชิตเก็บปืนไว้ที่ซอกเอวเหมือนเดิมจากนั้นก็ดึงมีดพกคมกริบปลายมีดยาวเกือบสองคืบออกมาจากรองเท้าหนังซึ่งสั่งทำเป็นพิเศษทุกคู่เพื่อเก็บซ่อนอาวุธชิ้นนี้โดยเฉพาะออกมากรีดลงไปเบาๆ ตามรูปหน้าของพอลแล้วหยุดนิ่งตรงลูกกระเดือกพอดิบพอดี
“ปืนกูก็ยิ่งแม่นราวกับจับวาง แต่กูไม่นิยมฆ่าคนชั่วๆ ด้วยวิธีนี้สักเท่าไหร่เพราะจะทำให้พวกมันตายง่ายและสบายเกินไป กูชอบวิธีกรีดหน้าเป็นริ้วๆ แล้วถลกหนังหัวของพวกคนชั่วออกมาประจานเสียมากกว่า”
องครักษ์ราชิตหัวเราะร่วนแล้วยิ้มหยันเมื่อเห็นน้ำเหลืองๆ ไหลออกมาจากเป้ากางเกงของพอลและทอมสัน ขู่แค่นี้ยังไม่สะใจเท่าไหร่ก่อนจะลุกขึ้นราชิตได้ปักมีดดังฉึกเอาแบบเฉียดๆ กับกล่องดวงใจของพอลจากนั้นก็เดินออกจากห้องไปอีกคนโดยไม่ลืมล็อกห้องจากด้านนอกให้อย่างแน่นหนา
ออกมาจากคฤหาสน์ของทอมสันได้แล้วเจ้าชายซารีฟร์ก็สั่งให้ราชิตมุ่งตรงกลับที่ห้องชุดของตนเองเป็นการด่วน อาการสะลึมสะลืมมือไม้ป่ายเปะไม่ค่อยอยู่สุขของหญิงสาวในอ้อมแขนทำให้เจ้าชายหนุ่มรู้ว่านาราภัทรถูกวางยาแน่นอนแต่จะเป็นยาประเภทใดนั้นเขาไม่อาจบอกได้จำเป็นต้องให้หมอมาตรวจดูอาการของนาราภัทรอีกครั้ง
“ร้อน”
นาราภัทรพึมพำครางเสียงกระเส่าแนบชิดกับซอกคอหอมกลิ่นอาฟเตอร์เชฟอ่อนๆ ของเจ้าชายซารีฟร์ซึ่งกำลังประคองกอดเธออยู่
“น้ำหนาว...ได้ยินเสียงเราหรือเปล่า”
เจ้าชายซารีฟร์ตบลงไปเบาๆ พอให้รู้สึกตัวบนพวงแก้มแดงปลั่ง จับมือบางที่พยายามถอดทึ้งเสื้อผ้าที่ขาดวิ้นออกแล้วยึดไว้แน่นพร้อมกับปรามเสียงทุ้มลึก
“น้ำหนาวอยู่เฉยๆ”
“ร้อน...ร้อนเหลือเกิน ถอดเสื้อผ้าให้น้ำหนาวหน่อย”
นาราภัทรไม่ได้กระซิบร้องขอเฉยๆ หญิงสาวกระชากมือให้หลุดพ้นจากพันธนาการของมือใหญ่แข็งแกร่งแล้วดึงเสื้อผ้าที่ขาดวิ้นของตนเองให้หลุดจากเรือนกายขาวผ่องนุ่มละมุนแล้วขว้างทิ้งโดยไม่สนใจว่าเสื้อผ้าจะปลิวไปหล่นแหมะอยู่บนหัวขององครักษ์ราชิตทำเอาองครักษ์หนุ่มซึ่งทำหน้าที่สารถีถึงกับมึนงงจับเสื้อออกจากใบหน้าแทบไม่ทัน
“น้ำหนาว...หยุดเดี๋ยวนี้น่ะ”
เจ้าชายซารีฟร์กัดฟันกรอดเอ่ยห้ามเสียงแหบกระเส่าลมหายใจสะดุดขาดห้วงเมื่อปทุมอวบอิ่มงดงามดุจดังดอกบัวตูมปริ่มน้ำได้ปรากฎต่อสายตาคมกริบและเมื่อความอ่อนนุ่มหอมกรุ่นบดเบียดเข้ากับแผงอกแข็งแกร่งพร้อมกับริมฝีปากอิ่มที่พยายามกดจูบสะเปะสะปะตรงซอกคอและริมฝีปากร้อนรุ่มของตนก็เล่นเอากองไฟด้านล่างผงาดเด่นตระหง่านเลือดในกายทุกหยาดหยดแล่นพล่านร้อนฉ่าตามอารมณ์รักที่ถูกปลุกด้วยฝีมือของนาราภัทร
“น้ำหนาว...เราบอกให้หยุด”
เจ้าชายซารีฟร์กระซิบสั่งแหบพร่ากับใบหูเล็กๆ ยิ่งนาราภัทรบดเบียดเรือนกายเข้าหามากเพียงใดยิ่งทำให้กองไฟร้อนรุ่มเต้นตุบๆ จนเขาปวดหนึบทั่วเรือนกายหัวสมองหมุนคว้างคิดอะไรไม่ออก
“ช่วยน้ำหนาวด้วยได้โปรด...”
นาราภัทรหูอื้อตาลายเรียวปากสีหวานไล่จูบทั่วใบหน้าคมเข้มและริมฝีปากร้อนรุ่มไม่รู้ว่าเจ้าชายหนุ่มสั่งห้ามอะไรบ้าง รู้แค่ว่าตอนนี้ปวดร้าวไปทั่วเรือนร่างอยากให้เจ้าชายหนุ่มได้กอดได้สัมผัสปลดปล่อยอารมณ์แปลกๆ ที่กำลัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พายุรักแห่งเม็ดทราย