พายุรักแห่งเม็ดทราย นิยาย บท 35

“ไม่เป็นไหรหรอกซื้อที่นี่ก็ได้มีของครบทุกอย่าง” เจ้าชายซารีฟร์โอบแขนไปรอบเอวคอดกิ่วพานาราภัทรเข้าไปในซูเปอร์มาเก็ตที่ทันสมัย

“ซื้ออะไรดีล่ะน้ำหนาว” เจ้าชายหนุ่มขอความคิดเห็นขณะมองอาหารสดอาหารแช่แข็งที่มีมายมายละลานตา

“เจ้าชายอยากกินน้ำพริกปลาทูผักสดไม่ใช่หรือคะ” นาราภัทรเอ่ยถามยิ้มๆ มองคนตัวใหญ่ที่เข็นรถเข็นเดินตามโดยไม่มีเคอะเขิน

“ใช่ เป็นเมนูแรกที่เรามักจะสั่งเวลาเข้าร้านอาหารไทย”

นาราภัทรทำหน้ามุ่ยเล็กน้อยกับเมนูอาหารที่ค่อนข้างทำยากสำหรับการอยู่ในต่างแดนต่างถิ่นเช่นนี้

“ไม่รู้ว่ามีครกกับสากขายหรือเปล่า ถ้าไม่มีก็คงทำน้ำพริกปลาทูไม่ได้”

“ใช้เครื่องปั่นไม่ได้หรือน้ำหนาว”

เจ้าชายซารีฟร์ออกความคิดเห็นพอเดินผ่านชั้นเครื่องเทศกับอาหารกระป๋องก็หยิบใส่รถเข็นโดยไม่ต้องอ่านฉลาก

“ได้เอาค่ะ ถ้าปั่นน้ำพริกจะละเอียดเกินไปไม่อร่อยเหมือนตำกับมือ”

นาราภัทรเอ่ยค้านจากนั้นก็ตีเผี้ยะลงไปบนต้นแขนของเจ้าชายนักรักก่อนจะหยิบทุกอย่างที่ถูกโยนลงไปในรถเข็นออกมาอ่านฉลากอ่านวันเดือนปีที่หมดอายุ

“นี่เจ้าชายคะ จะซื้ออาหารกระป๋องก็ต้องอ่านรายละเอียดบนฉลากก่อนสิคะ จับใส่โดยไม่อ่านอะไรเลยพอดีได้เจออาหารบูดหมดอายุ”

“โธ่...น้ำหนาวร้านเขาออกจะใหญ่โตทันสมัยแบบนี้เขาไม่ย้อมแมวขายหรอก”

เจ้าชายหนุ่มร้องโอดครวญแกล้งตีหน้าเศร้าลูบบริเวณที่ถูกตีราวกับว่าเจ็บเสียเต็มประดา

“ว่าไม่ได้ค่ะ เราเป็นผู้ซื้อต้องรอบคอบหน่อยค่ะ”

นาราภัทรกวาดสายตาอ่านฉลากอาหารอีกครั้งก่อนจะวางลงในรถเข็นเมื่อเห็นว่าอาหารกระป๋องได้ผ่านการรับรองมาตรฐานครบทุกประการ

เจ้าชายซารีฟร์คลี่ยิ้มอบอุ่นรู้สึกเป็นสุขใจขณะเดินตามหญิงสาวเดินเลือกซื้อวัตถุดิบสำหรับการประกอบอาหารมื้อพิเศษสุดในค่ำคืนนี้

“ทำน้ำพริกปลาทู ไก่ทอดเกลือแล้วก็ไข่เจียวหมูสับดีไหมคะ”

นาราภัทรถามความคิดเห็นมือบางก็หยิบโน่นหยิบนี้ใส่รถเข็นพอนึกถึงเมนูที่เอ่ยออกมาเมื่อสักครู่ก็รีบหันมาเอ่ยขอโทษเจ้าชายแห่งทะเลทรายด้วยความตกใจระคนรู้สึกผิด

“ขอโทษค่ะ น้ำหนาวลืมไปว่าเจ้าชายทานหมูไม่ได้”

เจ้าชายซารีฟร์เปิดยิ้มกว้างยกมือไปลูบใบหน้างามหวานที่เผยแววเสียใจให้เห็นก่อนจะเอ่ยปลอบ

“อย่ากังวลเลย เราทานหมูได้ เรานับถือพุทธเหมือนท่านแม่ ท่านพี่ฮารีฟร์กับน้องชารีฟร์นับถือศาสนาเดียวกับท่านพ่อ เวลาเราอยู่คนเดียวก็สั่งอาหารที่มีหมูประกอบมากินบ้าง แต่ไม่บ่อยเท่าไหร่”

“ค่อยยังชั่วหน่อยนึกว่าเจ้าชายไม่ทานหมูเสียอีก” หญิงสาวยิ้มหวานเอียงแก้มซบฝ่ามือใหญ่เป่าลมออกจากปากด้วยความโล่งอก

“แต่ถ้าเจ้าทำเมนูที่ไม่มีหมูก็ดีเหมือนกันน่ะ เจ้าราชิตกับอาดิลจะได้ทานได้ด้วย”

“ได้ค่ะ ถ้างั้นเปลี่ยนเป็นไข่เจียวกุ้งสับก็ได้ เพิ่มผัดผักรวมมิตรอีกสักจานดีไหมคะเจ้าชาย”

“ไม่เลว ยิ่งพูดยิ่งหิว เรารีบๆ ซื้อของกันเถอะ”

เจ้าชายซารีฟร์เร่งเร้าน้ำลายส่อขึ้นมาทันทีเมื่อนึกถึงหน้าตาสีสันของอาหารจานเด็ดที่จะขึ้นโต๊ะเย็นวันนี้และวันต่อไปในอีกทุกๆ วัน

“เจ้าชายเข็นรถให้น้ำหนาวนะคะ”

นาราภัทรออกคำสั่งจากนั้นก็เดินเลือกซื้ออาหารเป็นเวลาค่อนข้างนานเหตุที่ชักช้าเป็นเพราะเจ้าชายซารีฟร์คอยซักคอยถามถึงประโยชน์สรรพคุณของส่วนประกอบอาหารรวมทั้งเครื่องเทศที่เธอได้หยิบใส่ลงในรถเข็น ลูกค้าที่เดินจับจ่ายซื้อข้าวของอาหารสดในร้านต่างก็มองแล้วอมยิ้มให้กับหนุ่มสาวที่พวกเขาต่างคิดว่าเป็นคู่สามีภรรยาข้าวใหม่ปลามันที่กำลังช่วยกันจ่ายตลาดด้วยท่าทางรักใคร่กระหนุงกระหนิง

ผ่านไปเกือบสามชั่วโมงสำหรับการเลือกซื้อวัตถุดิบในการประกอบอาหารรวมทั้งการเดินทางกลับมาที่ห้องชุดหรูย่านธุระกิจใจกลางเมืองบอสตัน

นาราภัทรยืนอึ้งเล็กน้อยเมื่อเดินเข้ามาในห้องครัวทันสมัยที่ครบครันไปด้วยอุปกรณ์ทำครัวเกือบทุกชนิดทุกประเภท หญิงสาวหันกลับมามองเจ้าชายซารีฟร์ที่หอบของพะรุงพะรังเดินตามมาจากนั้นก็ได้เอ่ยถามให้หายสงสัย

“เจ้าชายทำอาหารทานทุกวันหรือคะทำไมมีอุปกรณ์ทำครัวเกือบทุกอย่าง”

“ไม่เคยทำ นานๆ ทีที่เจ้าราชิตจะว่างเข้าครัวทำอาหารให้ทานสักครั้ง”

เจ้าชายซารีฟร์เอ่ยตอบพร้อมกับรื้อทุกอย่างออกจากถุงกระดาษเอามาวางบนโต๊ะขนาดกลางที่ตั้งเด่นอยู่ภายในห้องครัว

“ไม่เคยทำอาหารแต่ทำไมถึงซื้ออุปกรณ์ทำครัวไว้เสียทุกอย่างเลยคะ”

“ซื้อประดับครัวไงจะได้ดูดีหน่อย”

นาราภัทรส่ายหน้าขำกับคำตอบแบบกวนๆ ของเจ้าชายหนุ่มจากนั้นก็ช่วยหยิบอาหารสด อาหารแห้งรวมทั้งผักสดออกจากถุงสีน้ำตาลแล้วรีบลงมือประกอบอาหารโดยไม่รอช้า

“จะไปไหนคะเจ้าชายซารีฟร์” หญิงสาวร้องถามยึดต้นแขนคนตัวใหญ่ไว้แน่นพร้อมกับฉุดดึงไม่ให้อีกฝ่ายเดินหนี

“เราจะไปหาอะไรดื่มสักหน่อย” เจ้าชายหนุ่มเอ่ยตอบเสียงอ่อนยอมหยุดนิ่งตามแรงฉุดดึงของนาราภัทร

นาราภัทรยิ้มเจ้าเล่ห์ต่อสู้กับความหวานฉ่ำที่แสนเร่าร้อน มือเล็กมีชีวิตเริ่มร่ายมนต์เพลิงสวาทไปตามแผงอกบึกบึนพันนิ้วกับไรขนอ่อนๆ แล้วดึงเบาๆ ให้เจ้าชายซารีฟร์หลุดเสียงครางอีกครั้งจากนั้นก็ร่ายมนต์ลงไปจนถึงหน้าท้องที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามปราศจากไขมันส่วนเกิน มือบางนุ่มนิ่มผลุบหายเข้าไปในขอบกางเกงแล้วกอบกุมความร้อนผ่าวที่เต้นตุบๆ ไว้ในอุ้มมือประคองโอบกอดขยับลูบไล้หนักหน่วงด้วยกริยาทะนุถนอมราวกับว่ากองไฟร้อนๆ เป็นสิ่งที่เปราะบางแตกหักได้ง่าย

“บอกสิคะว่า...เจ้าชาย...ต้องการใคร”

การแก้แค้นแสนหวานเริ่มขึ้นแล้วนาราภัทรแอ่นกายบดเบียดกุหลาบบานฉ่ำชุ่มชื้นเข้าแนบชิดกับท่อนไฟที่ตนเองกอบกุมอยู่แต่ไม่ยอมให้กลืนกินจนกว่าจะได้รับคำตอบเหมือนดังที่เจ้าชายซารีฟร์มักออกคำสั่งกับเธอเสมอ

“เจ้า...เราต้องการเจ้า...น้ำหนาว...นาราภัทร”

เจ้าชายซารีฟร์คำรามลั่นไม่จำเป็นต้องรอให้นาราภัทรเอ่ยถามซ้ำเป็นครั้งที่สอง ท่อนไฟที่เต้นตุบๆ ปวดร้าวแทบระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ ต้องการปลดอย่างไม่รอช้า ตอนนี้หัวสมองอันชาญฉลาดหมุนเคว้งถูกจับเหวี่ยงด้วยพิษเสน่หาที่นาราภัทรเป็นผู้ก่อ เรือนกายกำยำพลิกตัวกลับจับร่างบางระหงหอมกรุ่นให้นั่งลงบนโต๊ะจากนั้นก็ตลบชายกระโปรงขึ้นรูดปราการด้านสุดท้ายที่เป็นลูกไม้ตัวจิ๋วออกจากสะโพกผายมนจับปลายขาเรียวทั้งสองให้กอดกระหวัดรอบเอวหนาจากนั้นก็โจนจ้วงเพียงครั้งเดียวก็จมดิ่งลับหายไปในกุหลาบบานเปียกชื้นด้วยน้ำเกสรหวาน

นาราภัทรรู้จังหวะจดจำท่วงทำนองเพลิงรักการสอดประสานได้เป็นอย่างดี เธอขยับกายเคลื่อนไหวตามแรงโรมรันผลักดันดุเดือด มือบางจิกเล็บลงบนต้นแขนแข็งแกร่งทั้งสองข้างแอ่นดอกบัวปริ่มน้ำให้แนบชิดสนิทแน่นกับแผงอกกว้างหยัดเรือนกายเบื้องล่างให้สนิทชิดเชื้อเป็นเนื้อเดียวกันกับร่างกำยำบึกบึน เจ้าชายซารีฟร์ช้อนสะโพกลมมนให้ลอยขึ้นจากโต๊ะเพื่อให้รับแรงโจนจ้วงดุดันอย่างถนัดถนี่มากยิ่งขึ้นและเมื่อเซ็กส์ดิบเถื่อนเร่าร้อนระคนหวานฉ่ำได้ระเบิดแตกซ่านทั่วเรือนกายหนุ่มสาวทั้งสองต่างก็ปลดปล่อยเสียงกรีดร้องดังระงมด้วยความสุขสมอิ่มเอิบที่ดังกึกก้องไปทั่วอาณาบริเวณ

เจ้าชายซารีฟร์ถอนกายออกอย่างเชื่องช้าราวกันแสนเสียดายความอ่อนนุ่มที่เรือนกายแข็งแกร่งได้จมดิ่งเข้าไปดื่มด่ำกับความหวานล้ำอิ่มเอิบใจเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา รอยยิ้มละมุนละไมปรากฏขึ้นทั่วใบหน้าคมเข้มขณะที่มือใหญ่ดึงชายกระโปรงลงตามเดิมพร้อมกับลูบเบาๆ จัดทรงให้เรียบร้อย

นาราภัทรซบหน้ากับซอกคอที่เปียกชื้นไปด้วยเม็ดเหงื่อที่เกิดจากการโรมรันเพลงรัก มือเล็กทั้งสองเอื้อมไปช่วยแต่งตัวให้เจ้าชายหนุ่มบ้างจังหวะที่กำลังจะดึงกางเกงชั้นในขึ้นปลายนิ้วเรียวยาวได้ปัดไปโดนความแข็งแกร่งร้อนผ่าวที่นอนสงบนิ่งอย่างไม่ตั้งใจซึ่งทันทีที่ปลายนิ้วของเธอปัดไปโดนท่อนไฟร้อนผะผ่าวก็ลุกชันพร้อมพรักขึ้นมาทันทีเช่นเดียวกัน

“น้ำหนาว ไปที่ห้องนอนกันน่ะ”

เจ้าชายซารีฟร์กระซิบชวนเสียงแหบพร่า ดวงไฟแห่งความปรารถนาเร่าร้อนลุกโชนเผยออกมาให้เห็นจากดวงตาคม มือใหญ่โอบกอดอุ้มร่างบางระหงไว้ในอ้อมแขน

“เดี๋ยวค่ะเจ้าชาย ของที่ซื้อมายังอยู่เต็มโต๊ะเลย”

นาราภัทรร้องท้วงเบาๆ อย่างเอียงอายพลางพยักพเยิดไปยังวัตถุดิบในการทำอาหารมือค่ำที่ยังคงวางเรียงรายอยู่บนโต๊ะ

“เอาไว้ให้เจ้าราชิตกับอาดิลเป็นคนทำอาหารมื้อค่ำแล้วกัน หรือถ้าไม่มีใครทำก็เก็บเข้าตู้เย็นไว้ก่อน”

ขณะเอ่ยบอกริมฝีปากร้อนรุ่มก็พรมจูบไปทั่วดวงหน้าหวานพวงแก้มแดงปลั่งก่อนจะวกกลับมาจูบซับความหวานฉ่ำที่เรียวปากสีกุหลาบ

“เจ้าชายเก็บหลักฐานก่อนคะ” นาราภัทรเอ่ยบอกเสียงสั่นเทาชี้นิ้วไปยังพื้นห้อง

เจ้าชายซารีฟร์หัวเราะร่วนถูกใจขณะหันไปมองตามปลายนิ้วเรียวยาวที่ชี้ให้เห็นหลักฐานเป็นผ้าลูกไม้บางเบาสีสวย เขาวางร่างบางให้นั่งลงบนโต๊ะอีกครั้งก่อนจะก้มลงไปเก็บหลักฐานมาถือไว้ในมืออย่างทะนุถนอมพร้อมกับเอ่ยแซวยิ้มๆ

“เรียบร้อย เจ้าชายซารีฟร์กำจัดหลักฐานหมดแล้วไปกันหรือยัง”

นาราภัทรพยักหน้ารับอย่างเอียงอายโผเข้าหาอ้อมแขนอบอุ่นแทบทันทีที่เจ้าชายซารีฟร์อ้าแขนออกกว้าง เธอไม่ขอคิดถึงเรื่องใดๆ ทั้งสิ้น เรือนกายหัวใจดวงเล็กกำลังตกอยู่ในภวังค์วังวนแห่งรสสิเสน่หา กาลเวลานี้ขอเพียงให้มีเจ้าชายแห่งแผ่นผืนทะเลทรายสีทองอยู่ในอ้อมแขนก็เพียงพอแล้ว...

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พายุรักแห่งเม็ดทราย