“ฉันถูกใส่ร้ายว่าขโมยเงินในชั้นเรียนและทุกคนก็คิดว่าฉันเป็นขโมย ขนาดครูยังบอกให้อยากให้ฉันยอมรับ พ่อแม่ของฉันถึงกับบอกว่าพวกเขาเต็มใจที่จะจ่ายเงินคืน แต่ฉันไม่ได้ขโมยเงิน!”
ชิน เหลียนอีสูดลมหายใจเข้าก่อนจะกลั่นน้ำตาเอาไว้
“ฉันไม่รู้ว่าคุณจะเข้าใจถึงความไร้อำนาจนั่นหรือเปล่า มันเหมือนกับโลกทั้งโลกหันหลังให้กับคุณและคุณได้กลายเป็นคนไร้หนทางและโดดเดี่ยว ไม่ว่าฉันจะพยายามอธิบายและพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองมากแค่ไหนมันก็ไม่มีประโยชน์ แต่ในตอนนั้น… อี้หรานกลับเชื่อในตัวฉันและช่วยฉันตามหาว่าใครเป็นขโมยเงินไป”
ชิน เหลียนอีหัวเราะขึ้นอีกครั้ง “ฉันเลยยกให้อี้หรานเป็นเพื่อนสนิทของฉันตลอดไป!”
ไป๋ ทิงซินเม้มริมฝีปากบางของเขา ‘แค่... เรื่องเล็ก ๆ ก็ทำให้เหลียนอียอมเสี่ยงทุกอย่างเพื่อหลิง อี้หรานแล้วเหรอ?’
ไม่ใช่ว่าเขาไม่เข้าใจความรู้สึกของเธอ
เมื่อตอนที่เขายังเป็นลูกนอกสมรม เขาเองก็ต้องเผชิญหน้ากับการกระทำทุจริตมากมายตั้งแต่เขายังเด็ก
แม้ว่าเขาจะถูกใส่ร้ายและถูกเข้าใจผิดหลายครั้ง เขาก็อดทนจนผ่านมาได้ เขาคิดว่าแทนที่จะคอยแก้ต่างให้ตัวเอง มันคงจะดีกว่าถ้ารักษาความแข็งแกร่งไว้และโจมตีด้วยหมัดเดียวเมื่อตอนที่เขาแข็งแกร่งพอ
เช่นเดียวกับที่เขาเลือกช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการผันตัวไปเป็นผู้นำของตระกูลไป๋ ขณะที่ป้าและลูกชายสองคนของเธอต้องอาศัยอยู่ใต้อำนาจของเขาเท่านั้น
“เพราะอย่างนั้นคุณถึงเลือกที่จะเชื่อใจหลิง อี้หรานเมื่อตอนที่เธอติดคุกเหรอ?” ไป๋ ทิงซินถาม
“ใช่ ฉันเชื่อในอี้หราน ถ้าเธอบอกว่าเธอไม่ได้ทำ นั่นก็คือเธอไม่ได้ทำ! เพื่อนแท้ควรจะเป็นแบบนั้นไม่ใช่เหรอ?” ชิน เหลียนอีพูด
ไป๋ ทิงซินเงียบ ‘ยัยโง่ เธอรู้หรือไม่ว่ามีคนกี่คนในโลกนี้ที่ถูกเพื่อนรักหักหลัง?’
เพียงเพราะหลิง อี้หรานเคยช่วยเหลือเธอในอดีต เธอจึงเต็มใจเสียสละทุกอย่างเพื่อหลิง อี้หราน พอพูดถึงเรื่องนี้ เขากลับรู้สึกว่าเธอเหมือนคนโง่คนหนึ่ง
แต่ก็... เป็นเพราะ ‘ความบื้อ’ ของเธอที่ทำให้เขารู้สึกว่าอยากเข้าไปพัวพันกับเธอ โดยปกติแล้ว เขาจะคุ้นเคยกับด้านมืดของผู้คนเท่านั้น
เขารู้สึกผ่อนคลายและสามารถเพิกเฉยต่อการสมรู้ร่วมคิดและการแย่งชิงอำนาจได้เมื่อได้อยู่ใกล้กับเธอ
ไป๋ ทิงซินถอนหายใจ ยกมือขึ้นและลูบศีรษะของชิน เหลียนอี “อย่าใจร้อนเหมือนวันนี้อีก วันนี้คุณโชคดีที่อี้ จิ่นหลีปล่อยคุณเพราะเห็นแก่หลิง อี้หราน”
ชิน เหลียนอีลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพยักหน้า เธอรู้ว่าวันนี้เธอใจร้อนไปหน่อย
ถ้าถามว่าเธอเสียใจในสิ่งที่ทำลงไปไหม? คงไม่เชิง เธอไม่ได้กลัวว่าอี้ จิ่นหลีจะทำร้ายเธอ แต่เธอกลัวว่าเขาจะทำร้ายพ่อแม่ของเธอแทน
“ถ้าคุณโกรธ โมโหและอยากจะจัดการกับใครสักคน มาบอกผมนะ ผมยินดีที่จะเป็นมือขวาของคุณเพื่อช่วยคุณจัดการกับคนพวกนั้น แค่อย่าประมาทเหมือนเมื่อกี้อีก ตกลงไหม?” ไป๋ ทิงซินพูดอย่างจริงจัง
‘ความใจร้อนของผู้หญิงคนนี้ทำให้ฉันหวาดกลัว’
ชิน เหลียนอีตกใจ เธอมองดูคนที่อยู่ข้างหน้าเธอด้วยดวงตาที่กลมโต จำได้ว่าไป๋ ทิงซินปกป้องเธอหลังจากที่เธอตบหน้าอี้ จิ่นหลีและเขายังเต็มใจที่จะรับผลที่ตามมาจากความใจร้อนของเธอ
ก่อนหน้านี้เธอรู้สึกโกรธมากจนเกินกว่าจะคิดถึงเรื่องนี้
ตอนนี้เธอกลับมาย้อนคิดเกี่ยวกับมันอย่างละเอียดถี่ถ้วน เธอรู้สึกถึงอารมณ์บางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้
‘เขาไม่ได้อยากแก้แค้นฉันเหรอ? ทำไมเขาถึงปกป้องฉันล่ะ?’
“ถึง... ฉันจะต้องต่อสู้กับอี้ จิ่นหลี คุณก็ยินดีที่จะมือขวาของฉันใช่ไหม?” เธอโพล่งมันออกมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิศวาส แรงรัก เมีย นักโทษ ของ นายน้อย
ชอบมากค่ะ ถ้าจะอ่านจนจบเหลืออีกกี่ตอนคะ ต้องจ่ายเท่าไหร่คะ...