โทรออก | NAMWAN
“ฮัลโหลว มายเฟรนด์” ฉันแทบจะกรี๊ดออกมาจริง ๆ เมื่อ น้ำหวาน โทรมา นางเป็นเพื่อนสนิทอีกคนของฉันที่ สวยแซ่บปากจัดไม่สมชื่อนางเลย
(แกอยู่ไหนเพื่อนเลิฟ ฉันกลับมาแล้วนะ ไปกินเหล้ากัน)
การกินเหล้าไปผับเป็นเรื่องปกติของกลุ่มเราจริง ๆ ก็เหมือนแต่ก่อนเวลาออกไปเที่ยวกับเพื่อนเหมือนได้ปลดปล่อยพูดคุย บางทีฉันก็ได้ระบายเรื่องหนักใจในบ้านให้เพื่อนฟังด้วย แน่นอนพวกนางอยากไปถล่มบ้านฉันใจจะขาด
“ดี ๆ ตอนเย็นเจอกันนะ แตงโมล่ะวะ นางกลับมายัง”
แตงโมเป็นสาวลูกครึ่งเกาหลี ตาชั้นเดียว หมวยมาก นางเป็นสาว
แก่นลุย ๆ
(เนี่ย มาแล้ว สแตนด์บายรอแก คราวนี้ไปนั่งกินเหล้าคุยกันร้านหลัง
มอ.ก็พอนะแก ฉันแจตแลคว่ะ)
ก็ดีเหมือนกัน ฉันไม่มีแรงเต้นแน่นอนวันนี้ ระบมช่วงล่างไปหมด
“ดี ๆ ฉันมีอะไรเล่าแกเยอะแยะ เจอกันนะ”
พอวางสายฉันก็พลันนึกได้ ว่าต้องขออนุญาตคุณหน้าเมื่อยก่อนหรือไม่ แต่ก็นะ แป๊บเดียว อีกอย่างฉันไม่มีเบอร์เขานี่
“พี่นพ ๆ ส่งหนูเสร็จก็กลับเลยนะคะ พอดีมีธุระยาว”
“ผมรอได้ครับ ตามสบายเลยครับ” ฉันได้แต่นั่งนิ่งไม่ตอบ หน้าลิ่วคิ้วขมวด คิดแผนหลายแผนว่าจะสลัดพี่นพนี่ออกไปยังไง
ไม่นานก็มาถึงมหาลัยฉัน ดีที่คนน้อยไม่งั้นฉันคงได้เป็นขี้ปาก
ชาวบ้านแน่ ๆ
“ผมจอดรอ ตรงนี้นะครับ” พี่นพผู้น่าสงสาร ส่งยิ้มให้ฉันและเดินไปขึ้นรถทันที ฉันหันหลังขึ้นอาคารนำเอกสารให้อาจารย์เซ็นก็สี่โมงเย็นแล้ว เมื่อแอบดูก็ยังเห็นรถคันนั้นจอดอยู่เหมือนเดิม
ฉันแอบเดินอ้อมไปหลังอาคารบริหารธุรกิจ และลัดเลาะผ่านประตูห้า
จนมาถึงหลังมหาลัย ก็เห็นว่าในร้านประจำมีสองสาวหน้าหมวย กับสาวปากแดงแซงทางโค้งนั่งรออยู่
“เพื่อน ร้านยังไม่เปิดว่ะ ฉันไปอ้อนวอนมา ขอแค่ไวน์มาจิบ ๆ ก่อน” น้ำหวานทำหน้าซังกะตายบ่นอุบอิบ
“นี่ ๆ อยู่ที่เมกา อดอยากเหรอจ๊ะพวกหล่อน”
“เออดิ โฮสห้าม แล้วนี่แกแต่งตัวอะไรของแก จัดเต็มจัง” แตงโมมองฉันหัวจรดเท้า
“อยากแต่ง แรดบ้างอะไรบ้าง แกฉันมีปัญหาหนักอึ้งมาปรึกษา” น้ำหวานส่ายหัวให้กริยาท่าทางฉันที่ ทำหน้าอยากจะร้องไห้ออกมาเต็มที
“อะไรอีก เจอกันทีไร มีแต่ปัญหา”
เจ้าหล่อนกลอกตามองบน เท้าสะเอวล้อเลียนฉัน ฉันก็เล่าทุกอย่างที่เจอมาวันนี้ เล่าถึงตาหน้าเมื่อยเซ็นให้น้ำหวานและแตงโมฟัง
พอเล่าจบสองคนนั้นได้แต่ทำหน้าเหวอหันมองหน้ากัน ไม่พูดไม่จาสักคำ เกิดอะไรขึ้นกับสองคนนี้กันแน่ทำไมพวกนางไม่พูดอะไรเลย! ปกติแล้วพวกนางจะรีบปลอบ รีบช่วยฉันแก้ปัญหา เพื่อนฉันเปลี่ยนไป!
“พวกแก ทำไมพวกแกไม่พูดอะไรเลย” สองคนนั้นยังคงนั่งนิ่ง และกระดกไวน์หมดแก้วตาม ๆ กัน
“แกทำอะไรไม่ได้หรอก แกก็เป็นเหมือนเดิม สมัครเมล สมัครโปรอะไรแกก็กด ๆ ผ่าน ๆ ตลอด” น้ำหวานถอนหายใจ เหมือนรู้สึกอึดอัดอะไรบางอย่าง
“แกหมายความว่าไง ทำอะไรไม่ได้น้ำหวาน” น้ำหวานนั่งเงียบ แตงโมเลยเอื้อมมือมาจับมือฉันไว้
“ฟังนะณีเวีย เขาทำธุรกิจสีเทา ห้าง โรงแรม อะไรเนี่ยบังหน้าเท่านั้นล่ะ เขาไม่ได้ทำร้ายแกก็ดีแล้ว แต่แกระวังไว้ก็ดีเดี๋ยวจะโดนหางเลขไปด้วย”
ไม่ได้ล้อฉันเล่นใช่มั้ย แตงโมกุมมือฉันแน่นไปอีก สีหน้า สายตาแตงโมแสดงออกมานั้น คงไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแน่ ๆ ธุรกิจสีเทา คือธุรกิจผิดกฎหมาย แน่นอนถ้าฉันอยู่ใกล้เขา ฉันอาจจะเสี่ยงติดคุกติดตารางไปตาม ๆ กัน มือสองข้างฉันสั่นเทาไปหมดใจก็กลัวเขา อีกใจก็กลัวติดคุก หมดอนาคต
“แกหนีออกมาก็เสี่ยงกับชีวิตแกอีก เขาตามฆ่าได้นะ” น้ำหวานเน้นย้ำ
จนฉันร้อนรนนั่งไม่ติดเก้าอี้
“แกอย่าคิดมากไปเลย” น้ำหวานลุกขึ้นมาโอบฉันไว้ พอถูกกอดแบบนี้น้ำตาฉันก็ไหลออกมาซะดื้อ ๆ วันนี้ฉันถูกเรื่องมากมายถาโถมเข้าใส่ทั้งวัน
“แกไม่ให้ฉันคิดมากได้ยังไง วันนี้ฉันเพิ่งเสียซิงให้ผู้ชายที่เพิ่งเจอวันแรก แถมต้องอยู่กินเป็นเพื่อนเขา ไหนจะเพิ่งมารู้ว่าเขาทำเรื่องผิดกฎหมาย คุกตารางจ่อหัวฉันอยู่นะเว้ย! ฮือ ๆ”
“แก...” แตงโมลุกขึ้นมากอดฉันอีกคน
“ฉันไม่รู้จะทำยังไงแล้วแก” ฉันรินไวน์ใส่แก้ว กระดกพรวดเดียว วนเวียนอยู่อย่างนั้น เมามันซะจะได้ลืม ๆ
“แก เดี๋ยวก็เมาหรอก” น้ำหวานรีบเอามือมาปราม เมื่อฉันจะรินไวน์ใส่แก้วอีกรอบ
“แก...” แตงโมก็เริ่มขยับมาห้ามอีกคน
“อะไรนักหนาวะ ไหนพูดมาสิ เขาทำธุรกิจอะไร ค้ายาเหรอ ฉันจะได้
ทำตัวถูก!”
“โถ่แก...” น้ำหวานยังคงกอดฉัน อย่างน้อยก็ยังมีเพื่อนดี ๆ เท่านี้ก็พอแล้ว
“ฉันล้อเล่น!” เสียงแตงโมแทรกเข้ามาทำให้ฉันแทบหยุดหายใจ เพื่อนเลว ทำยังไงฉันก็ไม่ชินกับการแกล้งของสองคนนี้สักครั้ง
“เออ กูเกลียดพวกมึง อันนี้กูพูดจริง” ฉันรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก น้ำหวานเพื่อนเลวผลักหัวฉันเซ
“อยากเห็นแกอารมณ์ดีนี่หว่า” สมองน้อยนิดของน้ำหวานยังกล้าคิดนะแกล้งแบบนี้แล้วจะอารมณ์ฉันจะดี
“พอเลย เบื่อพวกแกจริง ๆ ตกลงจะช่วยได้ไหมเนี่ยเรื่องนี้” ฉันรีบเปิดประเด็นอีกรอบ ก่อนที่ตัวเองจะเมาหัวราน้ำคุยไม่รู้เรื่อง
“แกไม่ต้องคิดมาก ผู้หญิงอกหักครึ่งประเทศแล้วล่ะ รวมฉันคนนึง”
นี่แตงโมมันจะแกล้งฉันอีกใช่ไหมเนี่ย ฉันจ้องหน้าเพื่อนสาวพยายามจับผิดหล่อนให้ได้ ถ้ามีอีกรอบคงได้ตีกันสักฉาก
“แตงโมมันพูดจริง แกไปอยู่ซอกไหนมา ถ้าเป็นฉันนะพลีกายถวายชีวิตแล้ว” น้ำหวานรีบเสริมแตงโมทันที ด้วยท่าทางสะดิ้ง ไม่อยากจะเชื่อว่าสองคนนี้ก็รู้จักเขาด้วย
“เวอร์จริง ฉันแค่ไม่ชอบดูทีวี ฉันควรทำยังไงดีแก เขาไม่ใช่คนรุนแรง
ใช่ไหม”
“แกควรท้อง จะได้จับเขาให้อยู่หมัด ฮ่า ๆ” ฉันละอึ้งกับคำพูดยายน้ำหวานจริง ๆ ไม่คิดว่าการแนะนำอะไรแนว ๆ นี้จะมาจากปากของนางได้
“แกจะบ้าเหรอ พ่อของลูกในอนาคตฉันล่ะ ฉันต้องเรียนจบทำงาน สร้างครอบครัวหรือเปล่า แกนี่พูดอะไรไม่คิด”
คราวนี้เป็นแตงโมวิ่งมากดบ่า ก่อนจะจ้องมาในตาฉัน
“ก็นี่ไง เขาเนี่ย โคตรมหาหล่อ โคตรรวย นิสัยดีอีก แถมแกยังได้ใกล้เขา ซึ่งใคร ๆ ก็อยากไปยืนอยู่ที่แกยืนทั้งนั้นล่ะ” แตงโมเยินยอเขาอย่างกับเขาเป็นเทพบุตรมาจุติยังไงยังงั้น ฉันนี่อยากจะค้านหัวชนฝา จริง ๆ
“นี่! เลิกมโน พวกแกรู้ได้ยังไงว่าเขาเป็นคนดี เคยคบรึไง”
“ฉันอ่านหนังสือไง ไม่ได้เป็นคนขี้เกียจอ่านเหมือนแก อีกอย่างเขาชอบบริจาคเงินให้มูลนิธิ ที่แม่ฉันก่อตั้งประจำ” ไม่อยากจะเชื่อว่าผู้ชายบ้ากามที่ ประกาศหาผู้หญิงมาเป็นคู่นอนคนนั้นจะเป็นคนเดียวกันที่แตงโมพูดถึง
“เอาหละ จบเรื่องนี้ แกเป็นคนไม่น่าเป็นห่วง แต่แกเป็นคนน่าอิจฉา หมั่นไส้จริง ๆ ว่าแต่เป็นยังไงบ้าง แซ่บมั้ย” น้ำหวานยื่นหน้าเข้าใกล้ฉัน พลางทำสายตาเป็นประกายรอคำตอบของฉันแบบใจจดใจจ่อ
“ก็ เออ เลิกถามฉันอาย ดูเป็นผู้หญิงใจง่ายชะมัด”
ฉันรับผลักน้ำหวานไปไกล ๆ เพราะเริ่มรู้สึกร้อนผ่าวที่หน้า
“ง่ายตรงไหน เป็นฉัน ยอมตั้งแต่หน้าประตู ฮ่า ๆ”
น้ำหวานยังแกล้งเย้าแหย่ฉันไม่เลิก ฉันทั้งเขินทั้งอายอยากจะวิ่งหนีพวกมันสองคนไปไกล ๆ จริง พอร้านเปิด สุรามา เราสามคนก็คุยกันเรื่องสัพเพเหระ น้ำหวาน เล่าเรื่องที่ไป Work and Travel ที่เมกาให้ฉันฟัง
ว่าเธอต้องไปทำงานพาสไทม์ เหนื่อยสายตัวแทบขาด ฉันหัวเราะกับคำพูดติดตลกของเพื่อนทั้งสองที่ทั้งเล่าทั้งบ่นไปด้วย จนฉันเริ่มเองมึนจับใจความเรื่องที่เพื่อนพูดไม่ได้แล้ว
“กี่โมงแล้วแก ฉันง่วงแล้วว่ะ”
“อีกห้านาที สี่ทุ่มแก เออแกเมาแล้วล่ะ กลับกันเถอะฉันเอารถมาเองไม่อยากเมาไปกว่านี้ละ”
น้ำหวานลุกขึ้นเรียกพนักงานเก็บเงิน เมื่อฉันลุกตาม กลับรู้สึกเวียนหัว โลกมันเอียงไปหมด ฉันเซไปมาพยายามตั้งสติยืนให้ตรง แต่ชักจะไม่ไหวล้มตึงไปข้างซะดื้อ ๆ’ปึก’
“อุ้ย ขอโทษค่ะ ขอโทษ…” ฉันรีบยกมือไหว้อลม่าน ก้มหน้าคอตกมันเวียนหัวไปหมด โชคดีที่ไม่ลงไปนอนกองที่พื้น
“กะ แก ๆ สติ ๆ” แตงโมรีบมาเขย่าตัวฉัน อย่างบ้าคลั่ง
“หึ” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นข้างหูฉัน เรียกสติฉันคืนมาชั่วพริบตา เมื่อสบตาเจ้าของเสียง ใจฉันหล่นวูบไปกองที่พื้น อยากจะแกล้งสลบมันตรงนั้น...
“คะคุณ เซ็น”
สายตานิ่งมองฉันเรียบ ๆ เขาไม่พูดอะไรสักคำ ฉันรู้สึกได้แต่มือน้ำหวาน ที่ยุกยิกสะกิดหลังฉันไม่หยุด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลาด