พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว นิยาย บท 125

ก้นบึ้งหัวใจขององค์รัชทายาทกระตุกขึ้นมาครู่หนึ่ง แล้วมองมายังจ้านเป่ยเซียว: “คนผู้นี้เจ้าจะแตะต้องไม่ได้”

จ้านเป่ยเซียวมองไปที่เขาอย่างเหยียดหยาม: “ทำไม เจ้าคงจะไม่เชื่อในคำพูดบ้าบอของเขาหรอกนะ?”

“จะเป็นไปได้ยังไง! ข้าเพียงแค่รู้สึกว่าฐานะของเขามีความลึกลับอยู่บ้าง ก็เลยจำเป็นจะต้องจับตัวเอาไปสอบสวนให้ละเอียดก็เท่านั้น”

“งั้นตอนนี้ข้าจะจับตัวคนเข้า แล้วนี่เจ้าหมายความว่ายังไงอีก?”

จ้านถิงเฟิงขบกราม: “สรุปแล้วคนคนนี้เจ้าจะเอาตัวไปไม่ได้ สำหรับทางด้านเสด็จพ่อนั้น ข้าจะจัดการเอง!”

เสียงหายใจดังขึ้น สักพักหนึ่งก็พัดกระหน่ำมาอย่างบ้าคลั่ง ม้วนพัดเข้าไปด้านในโดยตรง พอลมพัดมา ก็ทำให้ทุกคนยกแขนเสื้อขึ้นมาบดบังหน้าตาตามสัญชาตญาณ

“นายท่าน คนนั้นหนีไปแล้ว!” บ่าวคนหนึ่งรีบเอ่ยปากขึ้นมาทันที

คราวนี้ทุกคนจึงพากันรีบเงยศีรษะขึ้นมา และได้เห็นว่าผู้ล่วงรู้ท่านนั้นเหอะออกไปอย่างไร้ร่องรอยตามที่คาดไว้

เฟิ่งชิงหัวเดิมนั้นยืนอยู่ต้นลม ก็เลยรีบพุ่งทะยานออกไปเลย สายตานับหลายสิบคู่กวาดมองไปที่หน้าประตูพอดี

ในสายตาของคนพวกนั้นเปี่ยมไปด้วยความสงสัย ราวกับว่าไม่ได้รู้สึกว่าเกิดเรื่องผิดปกติอะไรขึ้นเลย เห็นได้ชัดว่าไม่ได้สังเกตว่าคนที่อยู่ด้านในมีคนหนึ่งถูกนำตัวออกไป

“มีไส้ศึก” เฟิ่งชิงหัวกล่าวออกมาด้วยเสียงเคร่งขรึม

จ้านเป่ยเซียวก็เคลื่อนรถออกมาด้วยตัวเอง จ้องกวาดสายตามองไปยังคนพวกนั้นครู่หนึ่ง: “หนีไปได้แล้ว”

“นายท่าน จะให้ไล่ตามไหม?” หลิวหยิ่งรีบเอ่ยปากถาม สีหน้าท่าทางบนใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความหนักใจอย่างยิ่ง

จ้านเป่ยเซียวส่ายหัว: “ไม่ทันแล้วล่ะ”

“คนพวกนี้เป็นคนเดียวกันกับที่ปล้นคุกในวันนั้น” เฟิ่งชิงหัวกล่าวด้วยเสียงเย็นชาออกมา ในขณะที่พูดอยู่แบมือออก บนมือข้างหนึ่งยังถือผ้าไว้ บนผ้าเช็ดหน้านั้นเป็นรอยเลอะสีเลือดอยู่รอยหนึ่ง

คนกลุ่มนี้ต้องการจะทำอะไรกันแน่!

เพียงแต่ว่าตอนนี้คนได้หนีไปแล้ว จะว่าไปอีกพวกนี้ก็ไม่มีความหมายใดๆแล้ว ได้เพียงแค่ต้องควบคุมตัวสวีกว่างเอาไว้ก่อน คนอื่นที่เหลือจะไปหรือจะอยู่ในตอนนี้ไม่ได้มีประโยชน์ใดๆ เลย

ในรถม้าที่ตีนเขา คันนั้นที่ดูหรูหรามีระดับที่สุดแน่นอนว่าเป็นของจ้านเป่ยเซียว

เดิมทีเฟิ่งชิงหัวก็คิดไว้ว่าจะแสร้งแนบเนียนต่อไป ในฐานะที่เป็นผู้ชาย อีกทั้งยังเป็นคนของศาลาว่าการพระนคร แน่นอนว่าควรจะขี่ม้าแล้วเดินอยู่ด้านหน้า

ใครจะไปคิดว่ายังไม่ทันได้รอให้นางขึ้นม้า ก็ถูกคนใช้แขนเสื้อม้วนเข้ามาแล้วพลิกเข้าไปในรถม้าทันที

จ้านเป่ยเซียวค่อยๆ ดื่มชา กลิ่นหอมหวนสดชื่น รถม้าเคลื่อนที่ไป ชาร้อนกลับไม่สาดออกมาแม้แต่นิดเลย

เฟิ่งชิงหัวพลิกหันตัวมาให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย ดึงเอาผ้าคลุมบางๆ ที่อยู่ข้างรถม้ามาคลุมร่างของตนเอาไว้ สั่นไหวเอนเอียงไปมาตามรถม้าที่เคลื่อนที่ไปราวกับตะกร้าที่สั่นไปมา ค่อยๆ หลุดเข้าไปในโลกแห่งความฝันอย่างคาดไม่ถึง

เฟิ่งชิงหัวกลับไม่ทราบเรื่องเลยว่านางไม่ได้ลงมาจากบนรถม้า เมื่อฉากนี้ตกอยู่ในสายตาของจ้านถิงเฟิงที่อยู่ด้านหลัง ก็เลยกลายเป็นว่าเขาได้สมรู้ร่วมคิดกับจ้านเป่ยเซียวมานานแล้ว ครั้งนี้เดิมทีก็พุ่งเป้ามาที่เขาอยู่แล้ว

เดิมนั้นคิดว่าขาทั้งสองข้างของคนผู้นี้ใช้การไม่ได้แล้ว ก็ไม่ได้คิดที่จะแย่งชิงกับเขา แต่กลับคิดไม่ถึงว่ายังมีคนที่ไม่สมัครใจอยู่

ในขณะที่จ้านถิงเฟิงคิดอยู่ว่าหลังจากลงเขาไปก็เข้ามาขอรับโทษทัณฑ์ภายในวังหลวงด้วยตนเองเลย นี่ทำให้จ้านเป่ยเซียวที่แต่เดิมก็ไม่ได้คิดว่าจะทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่หลังจากที่ทราบแล้วก็กล่าวออกมาด้วยเสียงเหยียดหยามที่เย็นชา: “รนหาที่ตาย”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว