ทั้งตัวของเฟิ่งชิงหัวล้มอยู่ในอ้อมอกของจ้านเป่ยเซียว ดวงตาของจ้านเป่ยเซียวยิ่งสุกใส นำมือทั้งสองข้างของนางประสานไว้หลังเอวของเขา ระหว่างสองคนที่แนบชิดกันไม่มีรอยรั่วแม้แต่น้อย
มือทั้งสองข้างของเฟิ่งชิงหัวสัมผัสได้ถึงความผอมและแข็งแกร่งของแผ่นหลังชายผู้นี้และผ้านุ่มลื่นของเสื้อคลุม ปลายนิ้วขยับเล็กน้อย ปลายแหลมก็แวบผ่าน ตกลงบนหลังเอวชายหนุ่ม
อาการชาแผ่ซ่านขึ้นลง ไหล่ของจ้านเป่ยเซียวแข็งทื่อ เฟิ่งชิงหัวฉวยโอกาสจากตัวเขาดิ้นจนหลุด และก็ยังคว่ำถ้วยชาบนโต๊ะ ของเหลวสีน้ำตาลบนโต๊ะรินไหล จุดด่างคราบสกปรกบนพรมขาวสะอาด
จิตใต้สำนึกของเฟิ่งชิงหัวเงยหน้าจ้องมองจ้านเป่ยเซียว ในแววตานั้นแฝงไปด้วยความตื่นตัว
เพราะหญิงสาวแต่งตัวเป็นชาย มัดผมก็มัดเหมือนชาย เสื้อคลุมหลวม ๆ สีดำซ้อนเร่นรูปร่างอย่างมิดชิด ทว่าในสมองของจ้านเป่ยเซียวในเวลานี้กลับคิดว่าเมื่อครู่ตอนที่ทั้งสองแนบชิดกันความวิจิตรของนางช่างมีเสน่ห์น่าสนใจ
เมื่อเห็นผิวนางราวกับเลือด ขนตาสั่นไหวเล็กน้อย ตาดำจ้องตนเขม็ง แสดงออกดื้อรั้น จิตใจของจ้านเป่ยเซียวก็เต้นแรงอย่างควบคุมไว้ไม่อยู่
จ้านเป่ยเซียวเลิกคิ้วกล่าว : “มิใช่ว่าตลอดมามิกลัวฟ้าไม่เกรงดินรึ เหตุใดตอนนี้จึงทำท่าหวาดกลัวเช่นนี้ ?”
“ข้าแค่รู้สึกว่าเจ้าตอนนี้แปลก ๆ เจ้ามิใช่ว่าโดนใครสับเปลี่ยน ?”
“สับเปลี่ยน ?” จ้านเป่ยเซียวขวมดคิ้ว
เฟิ่งชิงหัวพยักหน้า : “ความเย็นชาหักห้ามใจรักล่ะ ปากร้ายของเจ้าล่ะ แต่คนก็กวนประสาทได้ขนาดนั้น”
“เหอะ” จ้านเป่ยเซียวหัวเราะเสียงเบา : “แท้จริงแล้ว เจ้าชอบข้อวิจารณ์นั้น”
เฟิ่งชิงหัวกรอกตาขาว : “ไม่ใช่ เพียงแค่ขอเจ้าอย่าได้แตะต้องข้าอีก รักษาความเย็นชาเจ้าไว้ขอบคุณ”
จ้านเป่ยเซียวไม่ออกความคิดเห็น เพียงแค่จ้องมองสายตาที่ค่อย ๆ ลึกซึ้งของนาง
เฟิ่งชิงหัวทนบรรยากาศเช่นนี้ไม่ไหว เอียงหัวมองรอบด้าน : “นี่เป็นที่ของเจ้า ?”
ร่างกายเฟิ่งชิงหัวลาดเอียง พิงอยู่ที่พนักเก้าอี้ พูดเบา ๆ : “ถือว่าใช่แหละ”
“เพราะฉะนั้นหอเงาโลหิตก็ถือว่าเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเจ้า ?”
“คำตอบมีผลกับการคิดของเจ้าไหม ?”
เฟิ่งชิงหัวคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าไม่ว่าจะหัวข้อการสนทนาใดของคนคนนี้จะกลับมาเรื่องนี้ได้ พูดโดยไม่คิดอะไร : “เจ้ามีธุระหรือไม่ ไม่มีข้าจะได้ลงไป”
“ไปที่ใด ?”
“ได้ยินว่าวันนี้ฉีเป่าเจมีประมูลที่นี่ จะไปดู” เฟิ่งชิงหัวกล่าวตามตรง
จ้านเป่ยเซียวได้ยินเช่นนี้ รถเข็นก็ไถล เดินออกไปข้างนอก
หลังจากเดินไปสองสามก้าวก็หยุด เอียงศีรษะมามองยังนาง : “งงอะไรอยู่เล่า ยังไม่ไปอีก”
เฟิ่งชิงหัวไม่ขยับ ไม่รู้ว่าจ้านเป่ยเซียวมีแผนอะไรอยู่กันแน่
จ้านเป่ยเซียวกล่าว : “ไม่มา วางแผนให้ข้าเชิญเจ้า ?”
เฟิ่งชิงหัวคิดถึงคำเชิญของเขาต้องไม่ใช่คำพูดที่ดีอย่างแน่นอน ปากก็บ่นพึมพำ เดินมาอยู่ข้างจ้านเป่ยเซียวอย่างอ้อยส้อย
ไม่ได้สนใจว่าจ้านเป่ยเซียวทำอะไร เพียงแค่เห็นพื้นที่พวกเขายืนอยู่ยุบลงไปเช่นนี้ เฟิ่งชิงหัวเกือบจะทรงตัวไม่ได้ จิตใต้สำนึกบอกให้ยื่นมือไปจับรถเข็น มือใหญ่ข้างหนึ่งก็กุมมือของนางไว้
รอบด้านมืดมิด พื้นยังคงเคลื่อนตัวลง เฟิ่งชิงหัวเพิ่งจะนึกขึ้นได้ นี่เหมือนกับหอคอยสูงของจวนอ๋องจ้านเป่ยเซียว นี่คือลิฟต์รูปแบบปัจจุบัน
รอจนตอนเกือบจะถึงชั้น 5 ข้างหน้าก็มีแสงสว่างมากขึ้น สองคนเดินออกไป ก็เห็นทางเดินที่ทอดยาว
ม้วนภาพวาดแขวนอยู่สองข้างทางเดิน ไม่มีแม่แต่ชิ้นเดียวที่ไม่ใช่ทรัพย์สมบัติ และดูไปแล้ว ไม่ใช่แขวนไว้ชั่วคราว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว
จะอัพเรื่องนี้ต่อไปมั้ยค่ะ😭...
เรื่องนี้หายไปนาน...