พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว นิยาย บท 192

จ้านชิงอิงถูกเฟิ่งชิงหัวดักทางไว้ทั้งสามครั้ง ก็เลยหายใจเข้าไปลึกๆ แล้วก็ปล่อยชุดสุดท้ายออกมา: “งั้นก็ยังมีวังหยุนจี๋ล่ะ? เจ้าวังของวังหยุนจี๋รูปโฉมงดงาม วรยุทธ์ยิ่งยอดเยี่ยมสุดยอด แม้แต่นางก็ตกหลุมรักต่อพี่เจ็ดของข้าเมื่อพบเจอเลย เจ้ายังคิดว่าเจ้ายังมีส่วนที่จะชนะได้อยู่งั้นหรือ?”

เฟิ่งชิงหัวได้ฟังถึงสีหน้าท่าทางนี้ก็ช่างเปลี่ยนไปอย่างลึกซึ้งลุ่มลึก แม้แต่ฝีเท้าก็ยังหยุดนิ่งงันไปชั่วขณะ

จ้านชิงอิงเห็นสภาพเช่นนั้นก็กล่าวออกมาอย่างภูมิใจว่า: “เป็นอย่างไรบ้าง สู้ไม่ได้ล่ะสิ?”

“ข้าบอกเมื่อไรกันว่าข้าจะสู้ด้วย? ข้าบอกไว้แต่เนิ่นๆ แล้วว่าข้าไม่มีความสนใจที่จะดึงดูดความสนใจจากใคร เป็นเจ้าเองที่ต้องการพูดเอง” เฟิ่งชิงหัวกลอกตามองบน ที่ในใจคิดกลับกลายเป็นว่า วังหยุนจี๋นะ จริงๆ เลย บังเอิญจริงเลย

จ้านชิงอิงกลับรู้สึกว่านางกำลังแพ้แต่ว่าไม่ยอมรับเท่านั้นเอง เป็ดตายปากแข็ง อารมณ์ก็เลยดีขึ้นมามาก ก็เลยฮัมเพลงมาตลอดทางที่เดินมา

รอจนถึงนอกวัง จ้านชิงอิงก็เพิ่งพบว่าจ้านเป่ยเซียวเป็นคนที่ตามหลังพวกเขามาโดยตลอด กล่าวตำหนิว่า: “พี่เจ็ด ทำไมท่านออกมาแล้วล่ะ ข้ายังไม่ได้เริ่มเรียกหาท่านเลยนะ”

“ปัญญาอ่อน” จ้านเป่ยเซียวตกรางวัลให้เขาไปสองพยางค์

เฟิ่งชิงหัวไม่ได้สนใจเขา คราวนี้ก็เลยออกจากวังหลวงไป นางก็มีความมั่นใจที่จะกลับไปด้วยตัวเองได้เพียงพอแล้ว ก็เห็นนางเอามือประสานกันขึ้นมาคำนับ แล้วกล่าวมาทางจ้านชิงอิงว่า: “ขอบคุณมาก”

พูดจบเฟิ่งชิงหัวหันหน้าแล้วก็เดินจากไปเลย

จากนั้นในแนวทแยงกลับมีมือยื่นออกมามือหนึ่ง จับแขนของนางเอาไว้แน่น

เฟิ่งชิงหัวถลึงตามองไปยังฝ่ายชายที่อยู่ตรงหน้า ก็เห็นดวงตาของฝ่ายชายลึกล้ำ แฝงไว้ด้วยสีเคร่งขรึมดุดัน แรงบนมือรุนแรงมาก รอบกายเต็มไปด้วยโหดเหี้ยม

จ้านชิงอิงสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนว่าพี่เจ็ดโมโห กำลังเตรียมที่จะเดินเข้ามา แต่กลับเห็นสายตาของพี่เจ็ดของเขาจ้องไปยังคนที่อยู่ตรงหน้า แล้วก็กวาดสายตาพุ่งมาที่เขาแล้วกล่าวออกมาเสียงเยือกเย็นว่า: “ไปให้พ้น”

จ้านชิงอิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก็เลยกล่าวออกมาอีกว่า: “พี่เจ็ด แม้ว่า แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าทำไมนางจึงล่วงเกินท่านไปได้ ท่านก็เป็นผู้ใหญ่ใจกล้างให้อภัยนางเถอะ หากท่านเห็นนางแล้วไม่พอใจ ปลดนางเลยก็ได้ แต่อย่า แต่อย่าใช้กำลังรุนแรงแก้ไขปัญหาเลยนะ”

เขาก็กล่าวไว้ว่าพี่เจ็ดของเขานั้นไม่ฟังคนบงการง่ายๆ มาโดยตลอด ความรู้สึกที่นั่นต่อหน้าเสด็จย่าเมื่อครู่ที่จงใจแสร้งมีสัมพันธภาพที่ดีกับผู้หญิงคนนี้ แต่ในความเป็นจริงแล้วก็อยากจะซัดนางเสียงหนึ่งฉาดให้ตายไปเลยอย่างทนไม่ไหวแล้วล่ะสิ

จ้านชิงอิงกลับไม่ได้บอกว่าเกิดความเห็นอกเห็นใจสงสารอะไรขึ้นมาต่อผู้หญิงคนนี้จริงๆ เพียงแค่รู้สึกว่า เมื่อก่อนพวกเขาสองคนเดินออกมาจากท้ายวังหลังโดยลำพัง จากนั้นพี่เจ็ดก็จะไล่ตามออกมาซัดคน ถึงตอนนั้นข่าวลือด้านในวังหลวงที่ว่าท่านลุงเล็กคบชู้กับพี่สะใภ้ถูกพี่น้องแท้ๆ และพระสวามีแท้ๆ ของตนจับได้คาหนังคาเขาจริงๆ ขึ้นมาได้ งั้นหากเขาจะกระโดดลงไปในแม่น้ำฮวงโหก็ไม่อาจล้างมลทินนี้ได้จริงๆ

นั่นเป็นเหมือนเสาแห่งความอัปยศอดสูที่ตราตรึงไว้ชั่วชีวิตเลยนะ

“หากไม่ไปให้พ้นๆ อีก แม้แต่เข้าก็จะโดนด้วยกัน”

ดังนั้นจ้านชิงอิงมองไปที่เฟิ่งชิงหัวด้วยความสำนึกครู่หนึ่ง แล้วก็วิ่งไปอย่างรวดเร็ว หน้าก็ไม่หันกลับมาเลย

เฟิ่งชิงหัวจ้องไปยังเงาที่หายลับไปไกลมากขึ้นเรื่อยๆ มุมปากยกขึ้นครู่หนึ่ง

ยอมจำนนต่ออำนาจเช่นนี้ คนเขายังไม่ทันได้ลงมือตัวเองก็หงอยไปก่อนแล้ว คนประเภทนี้แค่เห็นก็เป็นฮ่องเต้ไม่ได้ เว้นเสียแต่ว่าพี่น้องที่อยู่ตรงหน้าตายไปอย่างไม่ได้สั่งเสีย

จ้านเป่ยเซียวจ้องมาที่เฟิ่งชิงหัว ดวงตาราวกับน้ำแข็งก็ไม่ปาน มีลำแสงที่เย็นยิ่งยวดปกคลุมอยู่ เฟิ่งชิงหัวก็ถูกเขาจ้องจนใจสั่นจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว

นางยื่นมือคิดจะปัดการจับของฝ่ายชายออก แต่นางยิ่งปัดออก ฝ่ายชายกลับยิ่งจับแน่นยิ่งขึ้น คิ้วก็ยิ่งขมวดเข้าหากันมากขึ้นด้วย

“จ้านเป่ยเซียว เจ้าปล่อยข้าเสียที!” ในขณะเดียวกับที่เฟิ่งชิงหัวพูดอยู่นั้นก็ยกเท้ากระทืบไปบนหลังเท้าของฝ่ายชายทีหนึ่งทันที ไม่ได้เหลือความไยดีไว้เลยแม้แต่นิด

การเคลื่อนไหวนี้เป็นไปตามพฤติกรรมของสัญชาตญาณ ยังไงก็ลืมไปว่าในตอนนี้จ้านเป่ยเซียวแม้ว่าขาทั้งสองข้างจะสามารถเดินไปแล้ว แต่เส้นเอ็นที่อยู่บนนั้นกลับอ่อนแอมาก

แรงบนมือค่อยๆ เบาลงทันที เฟิ่งชิงหัวรีบจะวิ่งหนี แต่ยังไม่ได้วิ่งไปสองก้าว ร่างของนางทั้งร่างก็ถูกฝ่ายชสยโอบกอดเอาไว้จากด้านหลัง แผ่นหลังแนบชิดด้วยหน้าอกของฝ่ายชายไว้ เอวก็ถูกรัดเอวไว้แน่ มือทั้งสองข้างก็โอบรัดอยู่ข้างลำตัวอีก

“หนีอะไร?” เสียงของจ้านเป่ยเซียวต่ำลง แฝงไว้ด้วยอารมณ์โมโห

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว