“หรือไม่ท่านก็หันหลังให้ข้า เดี๋ยวข้าจะเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ท่านฟังก่อนแล้วค่อยไปอาบน้ำ”
“ตัวเจ้าสกปรกขนาดนี้เจ้าไม่รำคาญตัวเองบ้างหรือไง เจ้าเป็นผู้หญิงอยู่หรือไม่” จ้านเป่ยเซียวกล่าวอย่างรังเกียจ
เฟิ่งชิงหัวเบะปาก เหตุการณ์มันคับขันขนาดไหนแล้วยังมีเวลามาสนใจเรื่องคนอื่นอาบหรือไม่อาบน้ำ สะอาดหรือไม่สะอาดอยู่อีก นางหันหลังเตรียมจะเดินไปข้างนอก แต่เดินไปได้แค่สองก้าวก็หันหลังมาเอ่ยว่า “หรือว่าข้าจะอาบน้ำตรงนี้ดี ส่วนท่านอยู่ด้านนอกฉากกั้น ข้าอยากเล่าให้ท่านฟังจริงๆ”
เหตุการณ์วันนี้น่าตื่นเต้นจะแย่ ไม่มีคนรับฟังจะได้อย่างไร
คืนที่ผ่านมานี้เป็นคืนที่นางไม่ได้ใช้ยาพิษและไม่ได้ใช้วรยุทธ์ แต่อาศัยเพียงความกล้าหาญและสติปัญญาของตัวเองเท่านั้นถึงสามารถพ้นวิกฤตครั้งนี้ออกมาได้
จ้านเป่ยเซียวมองนางด้วยสายตาลึกล้ำ “นี่เจ้ากำลังเชื้อเชิญข้าอยู่หรือ”
เฟิ่งชิงหัวรู้สึกหนาวสันหลัง จากนั้นรีบมองตัวเองแล้วเอ่ยอย่างเกินจริงว่า “โอ้โห ทำไมตัวข้าถึงสกปรกขนาดนี้นะ โธ่เอ๊ย สกปรกมาก ไม่ได้ๆ ข้าต้องไปอาบน้ำก่อน สกปรกขนาดนี้ทนไม่ไหวหรอก”
ระหว่างที่กล่าวก็รีบเปิดประตูขึ้นอย่างรวดเร็วแล้ววิ่งกลับไปยังที่พักของตนเอง และสั่งให้คนเตรียมอ่างอาบน้ำไว้ให้ตน
เมื่อเข้าไปนั่งในอ่างอาบน้ำแล้วโดยมีน้ำอุ่นๆ โอบรอบกายของตนเองไว้ เฟิ่งชิงหัวก็ส่งเสียงครางออกมาอย่างผ่อนคลาย
หลังจากที่แช่น้ำจากน้ำอุ่นกลายเป็นน้ำเย็นแล้ว เฟิ่งชิงหัวก็ลุกออกมาอย่างทำใจไม่ได้ นางเปลี่ยนชุดแล้วค่อยๆ เช็ดผมก่อนจะเดินออกมาข้างนอก ขณะที่เตรียมจะนอนลงบนเตียง นางก็เหลือบไปเห็นจ้านเป่ยเซียวกำลังนั่งจิบชาอยู่อีกด้านหนึ่ง
“เจ้าอยู่ที่นี่ได้อย่างไร” เฟิ่งชิงหัวเอ่ยอย่างตกใจ ตอนนี้นางได้เปลี่ยนมาใช้ใบหน้าของหนานกงเยว่ลั่วแล้ว เนื่องจากคนในจวนอ๋องเจ็ดคนอื่นๆ ไม่มีใครรู้ว่านางคือพระชายาปลอม
สายตาของจ้านเป่ยเซียวมองผ่านใบหน้าของนางไปแล้วกล่าวช้าๆ ว่า “ไม่ค่อยได้เห็นใบหน้าของตัวเองเช่นนี้ วันๆ เอาแต่ใช้ใบหน้าของคนอื่น เจ้าไม่รู้สึกว่าเศร้าใจบ้างหรือ”
เฟิ่งชิงหัวสะบัดผ้าแห้งที่เอาไว้เช็ดผมแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเกียจคร้าน “ไม่เป็นไรสักหน่อย อย่างไรข้าก็มองไม่เห็นอยู่ดี”
“ตัวเองหน้าตาเป็นอย่างไรก็รู้อยู่แก่ใจไม่ใช่หรือ? คิดว่าอาศัยใบหน้าของคนอื่นแล้วจะไม่มีใครรู้งั้นหรือ ของที่ไม่ใช่ของของตนเองอย่างไรก็ไม่ใช่ เรื่องแค่นี้เจ้าไม่เข้าใจหรือ” จ้านเป่ยเซียวกล่าวพลางจิบน้ำชาและทำท่าทางราวกับผู้ทรงศีล
เฟิ่งชิงหัวได้ยินคำพูดของเขาก็อดไม่ได้ที่จะกัดฟันแน่น ยังดีที่เป็นเพียงเครื่องหนังเท่านั้น หากเป็นใบหน้าจริงๆ ของคน ถูกเขาต่อว่าขนาดนี้คงจะน่าสงสารแย่
และเพราะเหตุนี้เอง ทำให้อารมณ์ของนางที่เดินออกมาอย่างสบายใจหลังจากอาบน้ำเสร็จถูกทำลายไปแทบไม่เหลือ
“คำพูดพวกนี้ท่านเอาไว้พูดกับตัวเองเถิด! ท่านหน้าตาเป็นอย่างไรตัวท่านเองไม่รู้หรืออย่างไร คิดว่าใส่หน้ากากไปเรื่อยๆ แบบนี้แล้วคนอื่นจะไม่รู้หรือว่าท่านเสียโฉม หลอกลวงคนอื่นทั้งวันทั้งคืนแบบนี้สนุกมากหรือไว คิดว่าตัวเองยังเป็นชายรูปงามที่สุดที่เมืองเทียนหลิงอยู่อีกหรือ” เฟิ่งชิงหัวเอ่ยเสียงแข็ง
“เจ้าคิดว่าข้าสนใจชื่อเสียงจอมปลอมแบบนั้นหรืออย่างไร” จ้านเป่ยเซียวมองเฟิ่งชิงหัวอย่างดูแคลน
“ท่านไม่เห็นค่างั้นหรือ ท่านไม่เห็นค่าแล้วท่านต่อว่ารูปโฉมของข้าทำไม”
“ข้าไม่ได้ต่อว่าเจ้า เพียงแต่พูดไปตามความจริงเท่านั้น”
“อย่างนั้นท่านก็เผยใบหน้ามาให้ข้าดูตามความจริงสิ ท่านจะใส่หน้ากากอยู่ทำไม ให้ข้าได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของท่าน ให้ข้าได้เห็นว่าเสียโฉมไปมากถึงขั้นไหนแล้ว จะได้ดูว่าเสียโฉมแล้วยังดูดีกว่าข้าหรือไม่”
“แน่นอนว่าต้องดูดีกว่าเจ้าอยู่แล้ว”
“คำพูดลมปาก ไร้หลักฐาน ถอดหน้ากากออกเถิด”
“อยากดูรึ” จ้านเป่ยเซียวคล้ายรู้สึกสนุกขึ้นมา เขาวางถ้วยน้ำชาลงแล้วมองไปที่เฟิ่งชิงหัว
“ไม่ดู” เฟิ่งชิงหัวเบือนหน้าหนีแล้วกล่าวอย่างเย่อหยิ่งว่า “ข้าไม่ใช่คนฉวยโอกาสแบบนั้นและข้าก็ไม่ใช่คนไร้ยางอายที่เหยียบย่ำซ้ำเติมคนที่มีบาดแผลอยู่แล้วแล้วโรยเกลือซ้ำ”
“ความหมายของเจ้าคือ ข้าคือคนที่ฉวยโอกาสและไร้ยางอายเหยียบย่ำซ้ำเติมคนอื่นงั้นหรือ” แววตาอันตรายของจ้านเป่ยเซียวหรี่เล็กลงพร้อมจ้องไปที่เฟิ่งชิงหัว
“ข้าไม่ได้พูดแบบนั้น ท่านสรุปไปเอง” เฟิ่งชิงหัวแค่นเสียงตอบด้วยอารมณ์คุกกรุ่น และค่อยๆ ปีนขึ้นเตียงไปเตรียมจะพักผ่อน
เหนื่อยล้ามาตลอดทั้งคืน ขึ้นเขาลงเขาเช่นนี้ อย่าหาว่านางพูดเกินจริงเลย หากคนที่พื้นฐานไม่ดีแรงจะยืนก็คงไม่มีด้วยซ้ำ แถมคนผู้นี้ยังคอยทำร้ายจิตใจคนอื่นเช่นนี้อีก เป็นคนที่ไม่รู้จักทะนุถนอมจิตใจกันเลยสักนิด วันหน้าใครที่อยู่กับเขาจะต้องมีแต่ความร้อนใจแน่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว
จะอัพเรื่องนี้ต่อไปมั้ยค่ะ😭...
เรื่องนี้หายไปนาน...