พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว นิยาย บท 210

สรุปบท บทที่ 210 เปลี่ยนผิดเป็นชอบ: พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว

ตอน บทที่ 210 เปลี่ยนผิดเป็นชอบ จาก พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 210 เปลี่ยนผิดเป็นชอบ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายประวัติศาสตร์ พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว ที่เขียนโดย เสี่ยวโหม เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ประธานผู้พิพากษาพยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วย ก่อนจะหันไปมองจ้านเป่ยเซียว “ท่านอ๋องจะว่าอย่างไรกับเรื่องนี้ดี”

จ้านเป่ยเซียวจ้องไปที่หนานกงจี๋พลางแค่นยิ้ม “ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือว่า คนผู้นั้นข้ารู้จัก แล้วอย่างไรต่อ”

รู้จัก แล้วอย่างไรต่อ

หากกล่าวถึงคำว่าโอหัง ใต้หล้านี้คงไม่มีใครโอหังไปกว่าจ้านเป่ยเซียวอีกแล้ว

เมื่อหนานกงจี๋ได้ยินคำพูดเช่นนี้ของจ้านเป่ยเซียวสีหน้าของเขาก็เครียดขึ้น “ท่านอ๋อง ท่านรู้หรือไม่ว่าคำพูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร การลอบสังหารราชสำนัก โทษนี้ไม่น้อยเลย หากคนผู้นั้นเป็นคนที่ท่านส่งมาจริง ท่านก็จะต้องโทษไปด้วย!”

ระหว่างที่หนานกงจี๋กล่าว เขาก็แอบสังเกตจ้านเป่ยเซียวอยู่ตลอดเวลา เพราะอยากรู้ว่าเขาจะแสดงอาการอะไรออกมาบ้างหรือไม่ และอยากรู้ว่าเขาจะยอมรับว่าเป็นคนวางแผนลอบฆ่าหรือว่าจะรู้เรื่องอื่นใดอีกบ้าง

แต่สิ่งที่เขาสัมผัสได้จากตัวจ้านเป่ยเซียวก็คือ คนผู้นี้ไม่กลัวเขาแม้แต่น้อยตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้

หนานกงจี๋จ้องไปที่จ้านเป่ยเซียว “ท่านอ๋องยอมรับหรือว่าผู้หญิงคนนั้นคือคนที่ท่านส่งมาสังหารข้า”

“หนานกงเฉิงเซี่ยงเป็นได้นักเล่านิทานได้เลยนะ”

น้ำเสียงเช่นนี้

ทำเอาหนานกงจี๋โกรธจนแทบชักดิ้นชักงอ

ไม่เคยเจอคนผิดที่ไหนโอหังเช่นนี้มาก่อน

ไม่ว่าอย่างไร ตนก็เป็นถึงเฉิงเซี่ยงของแคว้น!

“ท่านอ๋องเจ็ด จะดีร้ายอย่างไร ท่านก็น่าจะเคารพพ่อตาอย่างข้าบ้าง!” หนานกงจี๋จ้องไปที่จ้านเป่ยเซียว “ความเคารพ ท่านไม่มีหรืออย่างไร”

“ท่านตัดความสัมพันธ์พ่อลูกกับพระชายาไปแล้วไม่ใช่หรือ ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ท่านเกี่ยวอะไรกับข้าอีก” จ้านเป่ยเซียวกล่าวช้าๆ

หนานกงจี๋จุกอกจนพูดไม่ออก

เขาถือดีอย่างไรถึงโอหังเช่นนี้ ถือว่าตัวเองเป็นโอรสของฮ่องเต้งั้นรึ?

แต่นอกจากเขาจะเป็นเฉิงเซี่ยงแล้วยังเป็นลุงขององค์รัชทายาทอีก เขาไม่มีความกลัวเลยสักนิดเลยหรือว่าถ้าองค์รัชทายาทได้ขึ้นครองราชย์เมื่อไหร่จะแก้แค้นเขา

หนานกงจี๋แผดเสียง “หรือว่าท่านอ๋องเห็นว่าข้าไม่ลงรอยกับลูกสาวของข้า แล้วคิดจะสังการข้างั้นหรือ”

จ้านเป่ยเซียวมองไปที่เขาอย่างเย็นชา “สังหารเจ้า? ข้าใช้เพียงนิ้วมือเดียวก็สำเร็จแล้ว”

หนานกงจี๋ตกใจสายตาคู่นั้นของเขาจนถอยหลังหนี จากนั้นจึงมองไปที่เฟิ่งชิงหัวที่นั่งเงียบมาโดยตลอดแล้วตวาดว่า “ในเมื่อไม่ใช่นักฆ่าที่ท่านส่งมา เช่นนั้นผู้หญิงคนนั้นคือใคร หรือว่าเป็นบ้านน้อยที่ท่านแอบเลี้ยงเอาไว้ แล้วท่านจะจัดการอย่างไรกับนาง”

“”ห๊ะ?” เฟิ่งชิงหัวที่กำลังนั่งมองจ้านเป่ยเซียวปะทะกับหนานกงจี๋ เมื่อถูกลากเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยก็ทำอะไรไม่ถูก

ในหัวของเขาเกิดความคลางแคลงใจบางอย่างขึ้นมา ผู้หญิงเมื่อคืนเขาเห็นใบหน้าของนางอยู่บ้าง แต่ไม่ใช่ใบหน้านี้ แต่ในเวลาเดียวกัน เฟิ่งชิงหัวก็เป็นคนที่รู้วิชาปลอมตัว หรือว่าเมื่อคืนวานจะเป็นนาง?”

เฟิ่งชิงหัวเอียงคอ “ข้าเหลวไหลตรงไหน หรือคำโกหกของท่านที่เหลวไหล รบกวนเฉิงเซี่ยงช่วยตอบที ข้าจะได้แก้ไขให้ถูกต้อง”

หนานกงจี๋อึดอัดใจมาก ทั้งๆ ที่ทุกคำพูดของนางเต็มไปด้วยปัญหา แต่ตอนนี้เขากลับไม่สามารถจัดการได้

ได้แต่กล่าวไปดื้อๆ ว่า “เจ้าบอกเองว่าเป็นเจ้า ท่านอ๋องเองก็ยอมรับว่ารู้จักผู้หญิงคนเมื่อวาน เจ้ายังคิดปฏิเสธอีกรึ!”

“ข้าปฏิเสธอะไรหรือ รบกวนท่านนำคำพูดของท่านอ๋องในตอนนั้นไปคิดทบทวนดูให้ดีว่าท่านเองหรือเปล่าที่ถามท่านอ๋องว่ารู้จักเจ้าของผ้าไหมขาวนั้นหรือไม่ ท่านอ๋องบอกว่ารู้จักก็เพราะว่าเจ้าของผ้าไหมขาวนั้นก็คือข้าเองไง ท่านอ๋องมอบให้ข้าแล้วก็ยอมเป็นของข้าแล้ว”

“เมื่อคืนผู้หญิงคนนั้นใช้ผ้าไหมขาวผืนนี้จริงๆ!”

“เฉิงเซี่ยง ข้าว่าท่านอายุมากแล้วเลยไม่อยากยอมแพ้ แต่ในโลกใบนี้ผ้าไหมขาวมีตั้งมากมาย แม้ว่าคนที่ใช้ผ้าไหมขาวเป็นอาวุธจะมีน้อย แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีกระมัง ทำไมท่านถึงรู้ว่าเป็นผืนเดียวกันล่ะ อีกอย่างแม้แต่ใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นท่านยังจำไม่ได้ ท่านจะจำผ้าไหมผืนนั้นได้อย่างไรกัน”

“เจ้ามันเปลี่ยนผิดเป็นชอบ!” หนานกงจี๋ตวาด

“เห็นชัดๆ ว่าท่านเฉิงเซี่ยงแต่งเติมมากเกินไป ผู้หญิงคนหนึ่งที่ถือผ้าไหมขาวมา ท่านก็คิดว่าเป็นมือสังหารจึงจับตัวมาแล้ว เอาล่ะ ข้าคิดว่านี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด พอได้แล้วล่ะ วันนี้ท่านทำให้ชื่อเสียงของท่านอ๋องเสียหายแล้ว เอาคนดีๆ เข้ามาในกรมคลัง หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปคนคงคิดว่าพวกเราทำอะไรที่ผิดต่อแผ่นดินเป็นแน่” เฟิ่งชิงหัวโบกมือด้วยท่าทางสบายๆ

ระหว่างที่กล่าว เฟิ่งชิงหัวก็หันหน้าไปมองจ้านเป่ยเซียวอย่างไม่สบอารมณ์นัก แล้วกล่าวตำหนิต่อหน้าฝูงชนว่า “วันหน้าช่วยพูดให้มากกว่านี้สักคำสองคำได้หรือไม่ ทำให้เกิดเรื่องเข้าใจผิดใหญ่โตขนาดนี้ โชคดีที่เมื่อคืนคนที่ลอบทำร้ายเฉิงเซี่ยงเป็นผู้หญิง หากเป็นผู้ชาย ท่านคงถูกตั้งข้อหาไปแล้วกระมัง”

“สมองของคนบางคนโง่เขลา เข้าใจยาก ท่านก็ช่วยใจกว้างกับเขาหน่อย อธิบายเพิ่มสักคำสองคำ วันนี้เสียหายขนาดนี้ ต้องโทษที่ท่านไม่รู้จักพูด”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว