เฟิ่งชิงหัวคิดไม่ถึงว่า จะได้พบกับองค์หญิงซีหลันอยู่ที่นี่ ความคิดบางอย่างได้ผุดขึ้นมาภายในใจ
นางได้จัดเตรียมอาหารอย่างรวดเร็ว แบ่งอาหารออกมาชุดหนึ่ง เทผลบางอย่างลงไปในโจ๊กเล็กน้อย และให้เด็กนำไปส่ง ส่วนตนนั้นได้ยกอาหารอีกชุดไปยังห้องอบร้อน
เพิ่งจะเข้าไป เฟิ่งชิงหัวก็แทบจะจำไม่ได้
พบเพียงว่าภายในห้องที่เรียบง่ายที่แต่เดิมมีเพียงตู้ยืนตัวหนึ่งเบาะรองผืนหนึ่ง ตอนนี้บนพื้นได้ปูเอาไว้ด้วยผ้าห่มนุ่ม ๆ จ้านเป่ยเซียวนอนพักผ่อนอยู่บนเบาะนุ่มอันใหม่
บุรุษที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จใหม่ ๆ ได้สวมเสื้อผ้าอย่างเป็นระเบียบ ในมือถือหนังสือเล่มหนึ่งเปิดอ่าน ท่าทางเช่นนั้น เกือบทำให้เฟิ่งชิงหัวคิดว่าตนเองได้กลับถึงจวนอ๋องเฉินแล้ว
“ท่านแค่อยู่ที่นี่เป็นการชั่วคราว ไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้กระมัง?” เฟิ่งชิงหัวมองไปรอบ ๆ และกล่าวอย่างแทบจะพูดไม่ออก
ขณะที่กำลังพูดอยู่นั้น พวกหลิวหยิ่งได้ก็ได้ยกโต๊ะและเก้าอี้ไม้เนื้อแดงตัวหนึ่งเข้ามา เพียงเพื่อให้จ้านเป่ยเซียวทานอาหาร
เฟิ่งชิงหัววางจานอาหารลงไปบนโต๊ะ: “มาทานอาหาร”
หลังจากที่วางลงก็เตรียมที่จะจากไป
“หยุดนะ” จ้านเป่ยเซียวลุกขึ้น ค่อย ๆ เดินเข้ามา
เฟิ่งชิงหัวสองมือกอดอก: “ท่านทานอาหารก่อน อีกเดี๋ยวจะเอายามาให้ท่าน ข้ามีเรื่องที่จะต้องไปทำ”
“เรื่องอะไร?”
“เรื่องนี้ท่านไม่ต้องมายุ่งหรอก ท่านทานเสร็จดื่มเสร็จก็พาทรัพย์สมบัติของท่านกลับจวนอ๋องเฉินไปเถอะ แล้วข้าจะตามกลับไปทีหลัง”
“ไม่ได้”
“ทำไมไม่ได้ล่ะ?”
“เจ้ามีเรื่องอะไรต้องทำ ให้พวกหลิวหยิ่งไปทำก็ได้” จ้านเป่ยเซียวนั่งลง และเริ่มทานอาหาร
ข้าวต้มโจ๊กนั้นหอมนุ่มเป็นพิเศษ แป้งทอดก็กรอบเป็นพิเศษ ไม่เลวเลยจริง ๆ ทำให้อารมณ์ของจ้านเป่ยเซียวดีขึ้นมาไม่น้อย
“ไม่สะดวกที่จะใช้พวกเขา ท่านวางใจเถอะ ท่านแม่ของข้ายังอยู่ที่จวนอ๋องเฉิน ข้างคงไปไม่ทิ้งท่านและไปเพียงลำพังหรอก”
“ไม่มีแม้แต่เหตุผล ยังคิดจะไปอีก?” จ้านเป่ยเซียวกล่าวอย่างสบาย ๆ แต่ทว่ากลับให้ความกดดันอย่างไร้ขอบเขตกับเฟิ่งชิงหัว
ตามหลักแล้ว ตอนนี้ตนจะอัดจ้านเป่ยเซียวนั้นถือเป็นเรื่องง่ายมาก เพราะตอนนี้เขาเป็นแค่เพียงเสือกระดาษที่ไร้พิษภัยเท่านั้น แต่ว่าอีกฝ่ายมีพวกมากมาย ถ้าหากทำตนเสียเรื่องขึ้นมา มันไม่คุ้มเอาเสียเลยจริง ๆ
เฟิ่งชิงหัวครุ่นคิดอยู่สักพัก และยิ้มให้กับจ้านเป่ยเซียว: “ท่านอ๋อง ข้าจะไปทำเรื่องที่สำคัญมาก ๆ มาถึงมากที่สุดเรื่องหนึ่ง”
“อืม” จ้านเป่ยเซียวรับคำ และก้มหน้าดื่มโจ๊ก
ท่าทางเช่นนี้ ไม่ไว้หน้าเอาเสียเลยจริง ๆ ท่าทีราวกับว่าถ้าไม่อธิบายให้ละเอียดอย่าได้คิดที่จะไป
เฟิ่งชิงหัวครุ่นคิดอยู่สักพัก เดินเข้าไป นั่งลงที่ข้าง ๆ จ้านเป่ยเซียว และกล่าวด้วยใบหน้าเคร่งเครียด: “ท่านอ๋อง ข้าคิดว่า องค์หญิงซีหลันผู้นี้มีบางอย่างผิดปกติ”
“ท่านคิดดูนะ เป่ยเว่ยของพวกเขาทำศึกกับเทียนหลิงมานานหลายปี กว่าจะถูกท่านตีจนยอมแพ้ไปเมื่อคราวที่แล้ว แต่ก็เพียงแค่ยอมจำนนแค่ปากแต่ใจไม่ยอมอย่างแน่นอน มาที่นี่เพื่อสมรสสร้างความปรองดองต้องมีความลับบางอย่างแอบแฝงอยู่แน่ ข้าจะปลอมตัวเป็นองค์หญิงซีหลันไปสืบความจริงมาให้ท่าน ดีหรือไม่?” เฟิ่งชิงหัวมองดูเขาด้วยดวงตาเป็นประกาย
จ้านเป่ยเซียวจะเชื่อคำพูดนางง่าย ๆ แบบนี้ได้อย่างไร เด็กคนนี้ ตอนที่โกหกนั้นจริงจังกว่าตอนที่พูดความจริงเสียอีก เขาเชื่อนางสิถึงแปลก
ทว่ายังไม่ทันให้เขาได้เอ่ยอะไร มือที่เฟิ่งชิงหัวกอดแขนของเขาก็ได้เขย่าเบา ๆ : “ท่านอ๋อง ท่านให้ข้าไปเถอะนะ ข้ารับรองว่าเมื่อสืบได้ความแล้วจะรีบกลับมาทันที จะไม่ปล่อยให้ท่านอยู่เพียงลำลังนอนเกินไป”
จ้านเป่ยเซียวรู้สึกมาโดยตลอดว่าบุรุษลุ่มหลงสตรีนั้นช่างเป็นเรื่องที่ไร้สาระสิ้นดี ทว่าในเวลานี้ เขากลับคิดว่า เหมือนว่า ค่อนข้างจะน่าสนใจไม่น้อย
ในขณะที่ใจลอยอยู่นั้น เขาไม่รู้เลยว่าตนได้พูดอะไรออกไป ก็พบว่าเฟิ่งชิงหัวได้วิ่งออกไปอย่างแทบรอไม่ไหวอยู่แล้ว
รอจนเฟิ่งชิงหัวออกไป จ้านเป่ยเซียวก็ได้ร้องเรียก: “หลิวหยิ่ง”
หลิวหยิ่งรายงานอยู่ที่หนาประตู: “องค์หญิงซีหลันได้มาที่นี่ ที่นี่คือที่พักของหมอเทวดาผู้นั้น คิดว่าน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับคนผู้นั้น”
“ตามนางไป ดูว่านางคิดจะทำอะไร”
“ขอรับ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว
จะอัพเรื่องนี้ต่อไปมั้ยค่ะ😭...
เรื่องนี้หายไปนาน...