พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว นิยาย บท 29

ในตอนที่เฟิ่งชิงหัวกำลังสอบสวนคดี ต้าหลี่ซื่อชิงเจียงเหวินโจ๋วและรองเจ้ากรมข้าราชการพลเรือนลู่ผิงชวนถึงได้เพิ่งมาถึงอย่างล่าช้า มองเห็นพระชายาเจ็ดที่นั่งอยู่ในห้องโถงใหญ่ ทั้งสองคนมองหน้ากันไปมาครู่หนึ่ง ถึงได้เข้ามาคำนับ

เฟิ่งชิงหัวโยนป้ายที่อยู่บนโต๊ะไปตรงหน้าของคนทั้งสอง กล่าวออกมาโดยตรงว่า: “นำตัวสองคนนี้ลงไปโบยยี่สิบทีก่อน!”

บรรดาเจ้าพนักงานศาลพวกนั้นล้วนเคยได้รับความลำบากจากนางแล้วทั้งนั้น ไม่ได้พูดอะไร ก็มัดทั้งสองคนเอาไว้บนม้านั่งเตรียมพร้อมที่จะโบย

รองเจ้ากรมข้าราชการพลเรือนเห็นดังนั้นก็กล่าวขึ้นมาในทันที: “พระชายาจะทำอะไร เราเป็นถึง......”

เฟิ่งชิงหัวแคะไปที่หู กล่าวขึ้นมาอย่างไม่สบอารมณ์: “สองคนนี้เอะอะเสียงดังเกินไปแล้ว อุดปากเอาไว้แล้วค่อยโบย กรีดร้องเสียงอนาถเกินไปจะทำลายบรรยากาศ”

ดังนั้น ขุนนางราชสำนักสองคนก็ถูกผ้าขี้ริ้วสองก้อนอุดปากเอาไว้แล้วโบยไปยี่สิบที

ยี่สิบทีนี้โบยลงไป ใบหน้าของทั้งสองคนเต็มไปด้วยเหงื่อ อากาศที่หายใจเข้ามากกว่าที่หายใจออกแล้ว ตาเหลือกและพูดไม่ออกแล้ว

เดิมทีก็เป็นขุนนางฝ่ายบุ๋น ปกติก็ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายอยู่แล้ว เวลานี้แม้แต่จะยืนก็ยืนไม่ไหว ได้แต่นอนคว่ำหน้าหอบหายใจอยู่ข้างบน

เฟิ่งชิงหัวกล่าวขึ้นมาโดยตรง: “กลายสภาพเป็นเช่นนี้ไปแล้ว ยกไปด้านข้างเถอะ อีกสักครู่ข้าค่อยสอบสวน”

“พระชายา สองคนนี้เป็นถึง......” ถังเจี๋ยกำลังจะเอ่ยปากพูดอะไร สายตาที่เฉียบคมของหญิงสาวก็มองไป ถังเจี๋ยรีบก้มหน้าลงเงียบๆทันที ทำหน้าที่เป็นจู่ปู้เริ่มเขียนคำให้การของผู้ต้องสงสัยต่อไป

ในตอนที่ผู้ต้องหาให้การในช่วงสุดท้ายของการสอบสวนเสร็จสิ้นลง ก็ได้ยินเสียงที่แหลมคมดังมาจากหน้าประตู: “องค์ราชทายาทเสด็จ!”

ทุกคนได้ยินคำพูดก็คุกเข่าลงไปอย่างพร้อมเพรียงกัน มีเพียงเฟิ่งชิงหัวคนเดียวที่ยังนั่งเล่นไม้ปลุกสติอยู่ในห้องโถงใหญ่อย่างมั่นคงทำเป็นเหมือนไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น

ก็เห็นคนสวมชุดสุภาพสีเหลืองคนหนึ่ง เดินเข้ามาใกล้ภายใต้การรายล้อมของคนมากมาย ลักษณะราศีของราชวงศ์ชัดเจน คือองค์ราชทายาทจ้านถิงเฟิงอย่างไม่ต้องสงสัย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว