“รู้ว่าเจ็บก็ถูกแล้ว ดูว่าต่อไปเจ้าจะยังใจร้อนเช่นนี้อีกไหม” จ้านเป่ยเซียวกล่าวออกมาอย่างไม่สบอารมณ์นัก
เฟิ่งชิงหัวรอจนจ้านเป่ยเซียวพูดจบแล้ว ก็เลยกล่าวว่า: “อันนั้น ตอนนี้ทางด้านหนานกงจี๋นั้นเป็นอย่างไรบ้างแล้ว? เมื่อคืนคนพวกนั้นใช้ป้ายคำสั่งของหนานกงจี๋ออกนอกพระนครไป ยังมีดอกดารารัตน์กระถางนั้น ได้ยินว่าก็เป็นหนานกงจี๋ที่ส่งคนไปนำเอามาด้วย”
จ้านเป่ยเซียวมองมาที่นางอย่างไม่สบอารมณ์: “ข้าจะไปทราบได้ยังไง ข้าก็เพิ่งจะฟื้นขึ้นมา”
ในขณะที่พูดอยู่หลิวหยิ่งก็ร้องเรียกขึ้นมา
“นายท่าน พระชายา”
“ทางหนานกงจี๋ด้านนั้นสถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง?” จ้านเป่ยเซียวกล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม
“เรียนท่านอ๋อง จวนเฉิงเซี่ยงทางด้านนั้น หนานกงจี๋หนีไปแล้ว ตอนนี้ยังไม่ทราบหลักแหล่งแน่ชัด”
“หนีไป? คนอื่นๆ ในจวนเฉิงเซี่ยงล่ะ?” เฟิ่งชิงหัวกล่าวออกมาอย่างประหลาดใจ
“คนอื่นยังอยู่ในจวนเฉิงเซี่ยง ตอนนี้มีเพียงเขาที่ไม่เห็นตัวเท่านั้น อีกอย่างคนพวกนั้นทางด้านเรือนนอกพระนครนั้นก็ถูกคนมารับไปด้วย คนของพวกเราได้ปะมือกับคนพวกนั้น การต่อสู้ของคนพวกนั้นดูแปลกประหลาด จู่ๆ ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาเลย พวกเราไล่ตามไม่ทัน” หลิวหยิ่งกล่าวออกมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“เป็นคนกลุ่มเดียวกันกับเมื่อคืนใช่ไหม” เฟิ่งชิงหัวกล่าว: “เมื่อคืนข้าได้ยินคนพวกนั้นพูดว่าพวกเขาได้ทำข้อตกลงอะไรบางอย่างกับหนานกงจี๋ไว้ เอาหนานกงลู่ซิ่วนั้นมาแลกเปลี่ยน เรื่องของข้อตกลงน่าจะทำให้คนพวกนั้นเผ่นแนบไปอย่างกะทันหันเลย”
จ้านเป่ยเซียวขมวดคิ้วแน่นขึ้น: “เมื่อคืนวรยุทธ์ของคนพวกนั้นค่อนข้างแปลกประหลาด ไม่เหมือนสำนักฝึกวิทยายุทธ์ที่ใดเลย อีกอย่างพวกเขาต้องการหนานกงลู่ซิ่วไปทำอะไร?”
“เพราะว่าพิษบนตัวของหนานกงลู่ซิ่วหรือเปล่า คนพวกนั้นจึงรู้สึกว่าหนานกงลู่ซิ่วถูกพิษแล้วแต่กลับยังไม่ตายเสียที ก็เลยแปลกใจมาก ดังนั้นจึงแบกเอาความอยากรู้อยากเห็นมาน่ะ แต่ว่าพิษพวกนั้นเดิมทีก็เป็นคนของหนานกงจี๋ทางนี้ที่วางยาเอง ถ้าเป็นเช่นนี้แล้ว คนพวกนั้นกับคนที่อยู่เบื้องหลังของหนานกงจี๋ร่วมมือกันก็คงไม่ใช่แค่หนึ่งหรือสองครั้ง” เฟิ่งชิงหัวกล่าวด้วยเสียงเข้ม
พิษนี้ที่แท้แล้วมีตรงไหนที่แปลกกันแน่ ที่สามารถให้พวกเขาต้องเสี่ยงอันตรายขนาดนี้ได้?
ตอนที่ช่วยหยูจีกลับมาบนร่างก็ขาดเลือดไป เป็นไปได้มากที่จะเป็นหนานกงจี๋ที่เป็นคนทำเช่นกัน เห็นได้ชัดส่าหนานกงจี๋ก็ไม่ได้บอกความลับของหยูจีให้คนพวกนั้นทราบด้วย
เรื่องนี้ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกงงงวยยากจะคาดเดาได้จริงๆ
หนานกงจี๋จู่ๆ ก็หายไปแบบนี้ แม้แต่ลูกและเมียของตนก็ไม่สนใจ ช่างเลือดเย็นเสียจริงๆ
“นายท่าน ฝ่าบาทในตอนนี้กำลังเป็นกังวลความปลอดภัยของท่านอยู่ จะต้องส่งจดหมายฉบับหนึ่งให้เขาก่อนไหม? อีกอย่างเขายังอยากจะพบพระชายาด้วย” ในขณะที่หลิวหยิ่งพูดอยู่ก็มองไปยังเฟิ่งชิงหัว
เฟิ่งชิงหัวกลับไม่เข้าใจในจุดนี้นัก ก็เลยกล่าวอย่างสงสัยออกมาว่า: “พบข้างั้นเหรอ? ทำไม?”
หลิวหยิ่งได้เพียงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานตั้งแต่ต้นจนจบให้เฟิ่งชิงหัวฟังหนึ่งรอบ
เฟิ่งชิงหัวฟังแล้วก็มีรอยยิ้มจางๆ ขึ้นที่มุมปาก มองมาที่จ้านเป่ยเซียวอย่างไร้ซึ่งคำพูดไปเล็กน้อย: “ตอนนี้จะให้ข้าอธิบายกับเสด็จพ่อของเจ้ายังไงล่ะ?”
วิ่งเข้าไปในวังหลวงด้วยแผนต้นหลี่ตายแทนต้นท้อ จากนั้นก็ถูกคนจับเอาตัวไป เรื่องนี้ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับ “พ่อแท้ๆ” ของตนอีก ทำให้นางไม่ว่าจะแต่งเรื่องยังไงก็หาเนื้อเรื่องไม่ได้เลย
อีกอย่างตอนนี้ฮ่องเต้เซวียนถ่งไม่นานก็คงจะสืบไปจนถึงต้นตอของหนานกงจี๋ นางซึ่งเป็นลูกสาวคนรองของหนานกงจี๋ ตอนนี้ก็ต้องตกเป็นผู้ที่มีส่วนร่วมรับโทษด้วยเช่นกันไปแล้ว
จ้านเป่ยเซียวมองมาที่นางครู่หนึ่ง: “ตอนนี้รู้จักกลัวแล้วหรือ? ก่อนหน้านี้ตั้งนานทำไมถึงไม่รู้จักคิดให้รอบคอบเสียก่อน?”
เฟิ่งชิงหัวเม้มปาก: “ใครจะไปคิดว่าหนานกงจี๋จะรีบร้อนถึงเพียงนี้ แม้แต่เฉิงเซี่ยงก็ไม่เป็นแล้ว นี่ทำจนข้าที่เป็นลูกสาวคนนี้อึดอัดวางตัวไม่ถูกไปเลย”
เพียงครู่เดียวนางก็ได้เปลี่ยนจากคนที่สัญจรไปมากลายเป็นลูกสาวของเฉิงเซี่ยงไปเลย ทันใดนั้นก็เปลี่ยนจากลูกของเฉิงเซี่ยงกลายเป็นลูกของขุนนางต้องโทษไปเลย นางจะหาใครมาปรับทุกข์ได้บ้าง?
“หรือไม่งั้นก็?” เฟิ่งชิงหัวมองมายังจ้านเป่ยเซียว
จ้านเป่ยเซียวตวัดสายตามองขวางไปที่นางครู่หนึ่ง: “เจ้าแม้แต่คิดก็ห้าม เรื่องที่เจ้ารับปากข้ายังทำไม่ได้เลย เจ้าก็คิดจะหนีหรือ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว
จะอัพเรื่องนี้ต่อไปมั้ยค่ะ😭...
เรื่องนี้หายไปนาน...