พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว นิยาย บท 303

เมื่อคืนหลังจากได้ทราบว่าทุกวันจะต้องแช่โอสถมาก่อน จ้านเป่ยเซียวก็เลยให้บ่าวสร้างห้องอบตัวใหม่มาหนึ่งห้อง ภายในตกแต่งอย่างหรูหรา

และตามคำพูดของจ้านเป่ยเซียว เวลาบีบรัด การตกแต่งนี้ได้เพียงแค่ทนดูได้เท่านั้น

หลายวันนี้ออกมา เนี่ยหานซิงและจ้านเป่ยเซียวต่างแช่น้ำโอสถ

เดิมทีเนี่ยหานซิงยังมีความกังวลใจอยู่บ้าง ความสัมพันธ์ของอาจารย์ของตนและท่านอ๋องเจ็ดอาจจะเป็นเพียงแค่สามีภรรยาฉากหน้าเท่านั้น

และตามที่หลายวันนี้ที่ได้เห็นได้ยินจึงพบว่าสองคนนี้ก็มีความรักใคร่กันจริงๆ อย่างน้อยก็ภายในสายตาที่เขาสามารถที่จะเห็นได้ สองคนเกือบจะเป็นเงาตามตัวกันอย่างไม่หายไปไหน อีกอย่างเมื่อก่อนได้ยินว่าท่านอ๋องเจ็ดที่พูดน้อยแต่โหดเหี้ยมอำมหิต ในความเป็นจริงแล้วก็เป็นคนที่อ๋อนโยนมากคนหนึ่งเช่นกัน

เนื่องจากจ้านเป่ยเซียวมาเที่ยวเล่นอยู่ที่นี่นานเกินไป ฮ่องเต้เซวียนถ่งอดรนทนไม่ไหวนานแล้ว ได้ส่งราชโองการลับมาไถ่ถามถึงสถานการณ์หลายครั้ง สุดท้ายเฟิ่งชิงหัวสะบัดมือขึ้นอย่างเด็ดขาดว่า: “กลับจวนอ๋อง”

ดังนั้นรถม้าของจวนอ๋องเฉิน เคลื่อนผ่านโถงออกไปอย่างถ่อมตนก็ไม่ได้ถ่อมตนดำเนินตามถนนหลวง

จ้านเป่ยเซียวนั่งอยู่ภายในรถม้ากล่าวกับเฟิ่งชิงหัวว่า: “หากไม่อยากกลับก็ไม่ต้องกลับก็ได้”

เขาอยู่ที่นี่หลายวันก็เคยชินแล้ว ลานเรือนไม่ใหญ่ แต่ก็พอที่จะทนอยู่ได้ ก็ดีกว่าจวนอ๋องของเขาทั้งจวนที่หาคนไม่เจอเลย

เฟิ่งชิงหัวขมวดเลิกคิ้วเล็กน้อย: “เรื่องราวต่างต้องได้รับการแก้ไข ตอนนี้ข้าเป็นลูกสาวของขุนนางต้องโทษอยู่ ไม่แน่ว่าข้าไปถึงจวนอ๋องเฉิน แล้วก็มีราชโองการปลดภรรยาตามหลังมา”

จ้านเป่ยเซียวขมวดคิ้ว: “เจ้าปากเสียให้มันน้อยๆ หน่อย เจ้าเป็นพระชายาของข้า จะปลดก็เป็นข้าที่ปลดเจ้า”

ด้านนอกรถม้า คนเดินถนนพอเห็นก็มองออกว่าเป็นรถม้าที่ใช้เฉพาะของจวนอ๋องเฉิน ผ่านไปแวบเดียวก็เริ่มเกิดการวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมา

“ได้ยินว่าเฉิงเซี่ยงหนานกงจี๋สมรู้ร่วมคิดกับข้าศึก ตอนนี้ไม่รู้ที่มาที่ไปแน่ชัด ทิ้งคนของจวนเฉิงเซี่ยงไว้ คนเดียวก็ไม่พาไปเลย”

“ข้าก็ได้ยินมา บอกว่าพอได้ยินข่าวลือชั่วข้ามคืนก็หายไปเลย ราชองครักษ์ในวังเวลานี้ต่างพากันหาให้ทั่วเลย ก็ยังจับไม่ได้ ก็ไม่รู้ว่าหนีออกไปนอกพระนครแล้วหรือยัง”

“จวนเฉิงเซี่ยงในตอนนี้ถูกล้อมเอาไว้แม้แต่น้ำหยดเดียวก็ผ่านเข้าไปไม่ได้ ฮูหยินเฉิงเซี่ยงก็ล้มป่วยลง ก็สงสารแต่คุณหนูใหญ่ของตระกูลหนานกง นี่ยังไม่ทันได้ตบแต่งกับคนเขาก็ต้องกลายเป็นลูกสาวของขุนนางต้องโทษไป”

“คุณหนูใหญ่ตระกูลหนานกงยังไม่นับว่าน่าสงสาร ข้าได้ยินว่าฮ่องเต้ทรงพิโรธ ยังวางแผนว่าจะปลดพระชายาอ๋องเจ็ดทิ้งด้วยนะ นี่หากกลายเป็นแม่หม้ายไป จุดจบก็คงจะไม่น่าดูเอามากๆ เลย”

“ลักษณะนิสัยของท่านอ๋องเจ็ดดุดัน หลายวันก่อนไม่อยู่ในจวนอ๋อง ตอนนี้กลับไปแล้ว เกรงว่าชีวิตที่เหลืออยู่ของพระชายาเจ็ดจะคงจะไม่สุขสบายแล้วล่ะ”

การสนทนาด้านนอกดังเข้ามาในหูของทั้งสองคนที่อยู่ในรถม้าอย่างชัดเจน จ้านเป่ยเซียวฟังจนคิ้วขมวดแน่นเลย

“หลิวหยิ่ง ตัดลิ้นของคนปากมากพวกนั้นทิ้งเสีย คิดไม่ถึงว่าจะกล้ามาวิจารณ์เรื่องของเบื้องบนได้” จ้านเป่ยเซียวกล่าวออกมาเสียงเย็นชา

หลิวหยิ่งกำลังจะรับคำสั่ง เฟิ่งชิงหัวก็รีบกล่าวห้ามปราม: “ช่างมันเถอะ เจ้าสามารถตัดลิ้นของหนึ่งคนสองคนได้ ยังสามารถตัดลิ้นของทุกคนได้เช่นกัน แม้ว่าจะตัดลิ้นไปแล้วก็ยังมีมือ ยังมีสมอง เจ้ายังจะสามารถยังยั้งความคิดของคนอื่นไม่ให้คิดเช่นนี้ได้หรือ อีกอย่างที่พวกเขาพูดก็ไม่ใช่ว่าไร้เหตุผล เจ้าเป็นลูกชายของฮ่องเต้ ตอนนี้ข้าเป็นลูกสาวของขุนนางต้องโทษ หากดูตามผิวเผินแล้วยังไงก็ไม่ใช่คนที่จะร่วมเดินในทางเดียวกันได้”

“ใช่หรือไม่ใช่คนร่วมเดินทางเดียวกัน ข้าตัดสินเอง” จ้านเป่ยเซียวได้ยินดังนั้นก็หรี่ตาลง: “ทำไม หรือว่าในใจของเจ้าที่วางแผนเอาไว้ก็เป็นความคิดนี้? อยากจะให้ข้าปลดเจ้าทิ้ง เจ้าจะได้กลับคืนสู่อิสระ ต่อไปเปลี่ยนหน้าเปลี่ยนตาก็สามารถใช้ชีวิตอย่างอิสระได้อย่างสบายใจ?”

เฟิ่งชิงหัวยังไม่ทันได้พูด จ้านเป่ยเซียวก็กล่าวออกมาอย่างเหี้ยมๆ ว่า: “ฝันไปเถอะ แต่ก็อย่าลืมเรื่องที่รับปากกับข้าเอาไว้ ข้าไม่อยากจะคิดว่าพอถึงเวลาก็ยัดผู้หญิงที่เป็นใครไม่รู้คนหนึ่งเข้ามาอีก”

เฟิ่งชิงหัวจนปัญญา: “คำพูดทั้งหมดก็ถูกเจ้าพูดไปหมดแล้ว ข้าไม่ได้พูดแม้แต่ประโยคเดียวเลยนะ”

แม้ว่าที่จริงแล้วนางจะคิดเช่นนี้ไม่ผิด

เดิมทีนางก็ไม่ใช่หนานกงเยว่ลั่วจริงๆ อยู่แล้ว อย่างมากนางก็แค่กลับคืนไปสู่โฉมหน้าแต่เดิมของนางเลย เพียงแต่หลายวันก่อนนางคิดถึงเหลียนเจี้ยงและคนพวกนั้นที่อยู่เบื้องหลังเป็นไปได้ว่าจะมุ่งเป้ามาทางเทียนหลิง จึงต้องยืมเอาฐานะนี้ของพระชายาท่านอ๋องเจ็ดทีสามารถทำเรื่องต่างๆ ได้ไม่น้อยทีเดียว

จ้านเป่ยเซียวเปล่งเสียงเย็นชาออกมา ยังไงก็ไม่เชื่อว่าเฟิ่งชิงหัวจะเชื่อฟังเช่นนี้ได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว