เดิมทีเฟิ่งชิงหัววางแผนไว้ว่าจะกลับเรือนเล็ก แต่กลับพบว่าห้องครัวเล็กๆ ที่ถูกหยูจีทำไหม้ไปแต่เดิมนั้นได้ถูกบูรณะใหม่ขึ้นมา แม้แต่หม้อไหกะละมังถ้วยจานชามก็ถูกเปลี่ยนเป็นของใหม่หมดเลย วัสดุอุปกรณ์แต่ละชนิดวางเรียงรายกันเต็มไปหมด เห็นแล้วใจก็เต้นอย่างควบคุมไม่ได้ อดไม่ได้ที่จะแสดงฝีมือทำออกมาให้เต็มโต๊ะไปเลย
หยูจีเอามืออุดปากหัวเราะแล้วกล่าวออกมาว่า: “ลูกเขยของข้าไม่เลวใช่เปล่า รู้ว่าห้องครัวเป็นชีวิตจิตใจที่สองของผู้หญิง ตบแต่งได้ไม่เลวจริงๆ”
มุมปากของเฟิ่งชิงหัวยกขึ้นเล็กน้อย แล้วเหล่มองนาง: “งั้นก็ต้องเป็นผู้หญิงที่ชอบทำอาหารถึงจะถูก เจอกับท่านแบบนี้ ไม่กี่นาทีก็ระเบิดเป็นซากปรักหักพังได้เลย?”
หยูจีรีบกล่าวว่า: “ไอหยา เจ้าอย่ามาสนใจกับรายละเอียดพวกนี้เลยน่า รีบไปทำกับข้าวเถอะ ข้าหิวแล้ว”
“ข้าไม่ลืมตอนที่ข้าเข้าประตูมาท่านเพิ่งจะกินถั่วไปมากมายเลยนะ?”
หยูจีรีบแสร้งทำเป็นร้องไห้: “แงๆๆ เจ้ายังจะมาพูดอีก หลายวันนี้พวกเจ้าต่างก็ไม่อยู่ ทิ้งข้าเอาไว้คนเดียว อารมณ์กลัดกลุ้ม ได้เพียงพึ่งการกินของกินมาประทังจิตใจที่บอบช้ำเท่านั้น ของพวกนั้นแม้ว่าเข้าไปอยู่ในท้องของข้า แต่ว่าข้าก็ยังหิวอยู่เลย”
เฟิ่งชิงหัวไม่มีแรงที่จะโต้แย้งต่อคำพูดแก้ตัวของนางเลย ได้เพียงถกแขนเสื้อแล้วเข้าห้องครัวไปตามชะตากรรมเท่านั้นเอง
หยูจีอยู่ที่ห้องครัวดูครู่หนึ่งแล้วก็แวบหายไปเลย กลับมาที่ห้องนอนรอกินอยู่
ครั้งนี้อาหารส่วนใหญ่ที่เฟิ่งชิงหัวทำนั้นต่างค่อนข้างมีโภชนาการ ยังไงตอนนี้จ้านเป่ยเซียวก็ยังเป็นผู้บาดเจ็บอยู่ อีกอย่างหยูจีกินขึ้นมาก็ไม่สนใจอะไรทั้งนั้นแหละ
รอจนตอนที่เฟิ่งชิงหัวยกอาหารขึ้นโต๊ะมาแล้ว ก็เห็นภายในห้อง หยูจีกำลังหยิบของอะไรบางอย่างมาอวดกับจ้านเป่ยเซียวอยู่
เฟิ่งชิงหัวเดิมทีก็ไม่ได้สนใจ รอจนตอนที่เพ่งดูอย่างละเอียดร่างทั้งร่างก็ขนลุกซู่ขึ้นมาทันที พุ่งเข้าไปแย่งผ้าที่อยู่ในมือของคนทั้งสองข้ามมาทั้งหมด: “กินข้าวได้แล้วอย่าดูของที่รกรุงรังอะไรแบบนี้เลย!”
หยูจียักคิ้วหลิ่วตามาทางจ้านเป่ยเซียว: “นี่เป็นของที่ชิงหัวเตรียมเอาไว้ให้เจ้าประหลาดใจน่ะ ถูกเห็นแล้วก็เลยรู้สึกไม่ดีอยู่บ้าง เจ้าก็ทำเป็นว่าไม่เห็นละกัน”
สายตาของจ้านเป่ยเซียวมองมาทางเฟิ่งชิงหัว สายตาอบอุ่น แล้วพยักหน้าลงเล็กน้อย
“เฮ้ยๆๆ พวกท่านอย่าคิดเองเออเองสิ ไม่มีเรื่องแบบนี้ ทำให้ประหลาดใจอะไรกัน ไม่มีอยู่เลย อันนี้ก็คือ ก็คือข้าว่างจนน่าเบื่อก็เลยเอาไว้ฝึกมือเท่านั้น”
“ฮ่าๆ ลูกสาวของข้านี่ก็กำลังอายอยู่ จุดนี้เหมือนข้า นางทำตามขนาดของเจ้าเลยเชียวนะ” หยูจีกะพริบตาอย่างเรารู้กันมาทางจ้านเป่ยเซียว
ด้านในหัวสมองของเฟิ่งชิงหัวมีของยางอย่างกำลังจะระเบิดออกมาก็ไม่ปาน แล้วหันมากล่าวกับจ้านเป่ยเซียวว่า: “นี่ก็คือก่อนหน้านี้ที่บอกว่าจะเป็นของขอโทษให้แก่เจ้า เพียงแต่ตอนหลังเจ้าบอกว่าไม่ต้องแล้ว ข้ากำลังเตรียมที่จะโยนทิ้งเลย”
เดิมทีคิดว่าจ้านเป่ยเซียวจะยังคงไม่แสดงความคิดเห็นต่อ ใครจะไปคิดว่าเขากล่าวว่า: “ในเมื่อเป็นของขมาขอโทษ งั้นก็ทำต่อไปเถอะ”
“ทำหัวเจ้าน่ะสิ! เจ้าไม่ใช่บอกว่าไม่ต้องแล้วหรือไง?”
“อืม ข้าเคยพูดหรือ? ลืมไปแล้ว”
“ลืมไปแล้ว? งั้นเรื่องที่เจ้าให้ข้าทำเสื้อผ้าน่าจะไม่ลืมใช่ไหม?”
“นั่นเปล่าเลย ข้าจำได้ว่าให้ทำให้เสร็จภายในสามวัน เห็นว่าช่วยเวลานี้เกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นมากมาย งั้นก็ให้เวลาเจ้าอีกสามวันก็แล้วกัน” จ้านเป่ยเซียวกล่าวออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“เหอะๆๆ เจ้านี่ความจำเสื่อมแบบเลือกได้จริงๆ เลยนะ” เฟิ่งชิงหัวขบกราม
“อืม ข้าพอดีว่างอยู่ไม่มีธุระ สามารถเป็นลูกมืออยู่ข้างๆ ได้ป้องกันไม่ให้เจ้าแอบขี้เกียจ” จ้านเป่ยเซียวแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินที่เฟิ่งชิงหัวเย้ยหยัน แล้วก็กล่าวออกมาหน้าด้านๆ เลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว
จะอัพเรื่องนี้ต่อไปมั้ยค่ะ😭...
เรื่องนี้หายไปนาน...