ด้ายสีเงินในมือของเฟิ่งชิงหัว ตรงปลายมีลูกบอลขนาดเล็กผูกอยู่ เมื่อใช้แรงสะบัดออกไป ลูกพัดเล็กนั้นก็พัดพาเอาลมปะทะเข้ากับใบหน้าของชายหนุ่มที่สวมชุดคลุม
คนผู้นั้นขยับตัวหลีกอย่างรวดเร็ว ชุดคลุมที่สวมอยู่บนศีรษะร่วงลงมา เผยให้เห็นใบหน้าที่ซีดเผือด เมื่ออยู่ภายใต้ห้องขังที่มืดสลัว ก็ยิ่งทำให้ดูแปลกประหลาดมากขึ้น
คนผู้นั้นพลิกดาบที่อยู่ในมือ แล้วพุ่งตรงเข้าใส่เฟิ่งชิงหัว การเคลื่อนไหวดุดัน โชคยังดีที่เฟิ่งชิงหัวหลบได้ทัน ดาบเล่นนั้นจึงฟันเข้าที่ชุดของนางเท่านั้น
“ทำไมท่านถึงได้ใจร้ายกับผู้หญิงเช่นนี้ ช่างทำให้ข้ารู้สึกปวดใจจริง ๆ” เฟิ่งชิงหัวกำลังหัวเราะ เพียงแต่การหัวเราะนั้นไม่มีความจริงใจเลยสักนิด
หากตอนนี้มีคนที่รู้จักนางอยู่ด้วย จะต้องรู้อย่างแน่นอนว่า ตอนนี้เฟิ่งชิงหัวกำลังโมโหแล้วจริง ๆ
ในชั่วพริบตา รัศมีทั่วทั้งร่างของเฟิ่งชิงหัวก็เปลี่ยนไปในทันที ผมถูกดึงอย่างบ้าคลั่ง การเคลื่อนไหวรวดเร็วดุจดอกไม้ที่ปลิวไสว ด้ายเงินที่อยู่ในมือดูราวกับกลายเป็นเข็มนับพันเล่ม พุ่งตรงเข้าใส่ชายหนุ่ม
เสียงทิ่มแทงดังขึ้นหลายครั้ง ชุดคลุมที่เมื่อครู่ยังปกคลุมชายหนุ่มเอาไว้อย่างมิดชิด บัดนี้ถูกเฟิ่งชิงหัวกรีดออกเป็นเสี่ยง ๆ เผยให้เห็นรูปร่างกำยำของชายหนุ่ม รวมไปถึงรอยสักสีดำทั่วทั้งร่าง
ตอนที่เฟิ่งชิงหัวเตรียมตัวจะมองใบหน้าของคนผู้นั้นให้ชัดเจน ก็ได้ยินเสียงขลุ่ยที่ดังเร่งเร้ามาจากด้านนอก ทั้งสั้นและรวดเร็ว
เมื่อได้ยินเสียงสัญญาณ คนผู้นั้นก็ถอนตัวจากการต่อสู้ และเหาะหนีไปทันที เฟิ่งชิงหัวเองก็รีบตามไปติด ๆ
เมื่อตามออกจากกรมคลังไป เฟิ่งชิงหัวก็ถูกคนใช้ก้อนหินเคาะที่ศีรษะในทันที นางหันหลังกลับไปด้วยความโกรธ แต่กลับพบกับจ้านเป่ยเซียวที่นั่งทรุดตัวอยู่ตรงกำแพง
“ท่านเป็นอย่างไรบ้าง ?” เฟิ่งชิงหัวมีปฏิกิริยาตอบกลับโดยการดึงมือของจ้านเป่ยเซียวมา เพื่อที่จะตรวจดูชีพจรให้กับเขา แต่ชายหนุ่มกลับดึงมือกลับ
“ไม่ต้องให้เจ้าช่วย”
เดิมทีเฟิ่งชิงหัวคิดจะแสดงอารมณ์โกรธ แต่เมื่อเห็นสภาพของเขาที่ใช้กำลังภายในไปจนหมดสิ้น จึงทำได้เพียงอดกลั้นไว้ : “ท่านทนไหวไหม ? ข้าจะให้คนส่งท่านกลับจวน”
จ้านเป่ยเซียวเข้าใจความหมายในน้ำเสียงของเฟิ่งชิงหัว จึงขมวดคิ้วแล้วพูดว่า : “เจ้าจะตามคนผู้นั้นไปหรือ ?”
“อืม”
“ไม่ได้” จ้านเป่ยเซียวพูดอย่างดุดัน
เฟิ่งชิงหัวประหลาดใจ : “ทำไมล่ะ ?”
“สรุปว่าเจ้าประคองข้ากลับไปก่อน เรื่องในคืนนี้ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าเข้าไปยุ่ง พรุ่งนี้ข้าจะเขียนฎีกาขึ้นถวาย เพื่อส่งคนออกตามหา”
เฟิ่งชิงหัวนึกถึงเสียงขลุ่ยที่ดังเข้ามาจากด้านนอกเมื่อครู่ แต่ตอนที่นางตามออกมากลับถูกจ้านเป่ยเซียวขวางเอาไว้ ทำให้สายตาที่แฝงไปด้วยความเคลือบแคลงสงสัย ตกไปอยู่บนตัวชายหนุ่มในทันที
“เสียงขลุ่ยเมื่อครู่ ท่านได้ยินหรือไม่ ?”
“เสียงขลุ่ยอะไร ?”
“ท่านไม่ได้ยินหรือ ?”
“ไม่ได้ยิน”
เมื่อเฟิ่งชิงหัวได้ยินดังนั้น ความสงสัยในใจก็ยิ่งมีมากขึ้น เสียงขลุ่ยนั่นแม้กระทั่งนางอยู่ด้านในยังได้ยิน ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลใดที่จ้านเป่ยเซียวจะไม่ได้ยิน ถ้าหากไม่ใช่เพราะเขาหูหนวก ก็อาจเป็นเพราะมีใจคิดปกป้องอีกฝ่าย
“ท่านขวางข้าไม่ให้ข้าไป และไม่ได้ยินเสียงขลุ่ย หรือว่าการแสดงในคืนนี้ ท่านเป็นผู้กำกับ ?” เฟิ่งชิงหัวถามอย่างตรงไปตรงมา
จ้านเป่ยเซียวหันมองเฟิ่งชิงหัวด้วยสายตาที่เหมือนกำลังมองคนเสียสติ : “หรือเจ้ายังคิดจะพูดอีกว่า คนที่ชอบพออยู่กับซุนผิงก็คือข้า ?”
“คงไม่ถึงขนาดนั้น ท่านคงไม่ไร้ซึ่งมโนธรรมถึงขนาดกล้าลงมือกับผู้หญิงของพ่อตนเองหรอก”
ขมับของจ้านเป่ยเซียวเต้นตุบ ๆ : “ถึงตอนนี้เจ้าคิดจะตามก็ตามไม่ทันหรอก ในเมื่อคนยังอยู่ในมือของเรา เช่นนั้นพวกเขาย่อมต้องมาอีกแน่นอน เจ้าประคองข้ากลับไปก่อนเถอะ”
เฟิ่งชิงหัวเลิกคิ้ว : “ก็ไม่แน่หรอกนะ ข้าแอบโรยผงยาสูตรเฉพาะของข้าลงไปบนตัวของคนผู้นั้น เขาไม่มีทางล้างออกได้ในเวลาอันสั้นนี้แน่ หากข้าตามกลิ่นไปจะต้องหาเจออย่างแน่นอน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว
จะอัพเรื่องนี้ต่อไปมั้ยค่ะ😭...
เรื่องนี้หายไปนาน...