เฟิ่งชิงหัวแอบกลับเข้าจวนในช่วงพลบค่ำ ตอนที่นางก้าวเข้าไปในประตูจวนก็เห็นหลิวหยิ่งกำลังยืนทำหน้าเครียดอยู่ที่ประตูรอนางอยู่
เฟิ่งชิงหัวหยุดเดินแล้วกล่าวอย่างข้องใจว่า “ดึกขนาดนี้ เจ้ายังไม่ไปพักผ่อนอีกหรือ”
หลิวหยิ่งฝืนยิ้ม “พระชายา ตอนนี้ก็ดึกมาแล้ว ระยะเวลาที่ท่านออกจากจวนไปกินเวลาค่อนข้างยาวทีเดียวนะขอรับ”
เฟิ่งชิงหัวเหลือบมองเขา “ทำไม เจ้าเป็นบ่าวแต่กล้ายุ่งเรื่องส่วนตัวของพระชายาแล้วหรือ”
“ข้าน้อยไม่กล้า แต่ว่าท่านอ๋องสั่งการว่า หลังจากพระชายากลับจวนแล้วให้ไปพบเขา”
เฟิ่งชิงหัวเงยหน้าขึ้นมองพระจันทร์เต็มดวงที่อยู่เหนือศีรษะแล้วกล่าวอย่างทอดถอนใจว่า “ค่ำคืนที่สวยงามเช่นนี้ หากไม่ชื่นชมมันสักหน่อย คงน่าเสียดายแย่ ไม่สู้……”
เฟิ่งชิงหัวยังไม่ทันจะกล่าวจบ หลิวหยิ่งก็รับคำต่อ “พระชายา ตรงมุมห้องของท่านอ๋องสวยกว่านี้มาก พวกท่านสามารถเข้าไปดูในห้องด้วยกันได้ พอดีเลย”
เฟิ่งชิงหัวยังคงไม่ยอมแพ้ “ในห้องอากาศจะดีได้อย่างไรกัน อยู่สูดอากาศด้านนอกย่อมดีกว่า”
ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่อยากเข้าไปเจอหน้าบูดๆ ของจ้านเป่ยเซียวตอนนี้ คืนนี้นางจับตัวเหลียนเจี้ยงไม่ได้ก็แย่มากพอแล้ว หากนางไม่ระวังตัวเผลอพูดให้เขาไม่พอใจขึ้นมา นางคงชดใช้ความผิดพลาดนี้ไม่ไหว
หลิวหยิ่งถือกระบี่เอาไว้พลางกล่าวอย่างจริงจังว่า “พระชายา หากท่านเดินเข้าไปไม่ไหว บ่าวจะช่วยท่านเอง”
ความหมายในคำพูดนี้คือ หากท่านไม่เดินเข้าไป ข้าคงต้องแบกท่านเข้าไปแทน
เฟิ่งชิงหัวมองเขาอย่างเอาเรื่อง “เจ้าสู้ข้าได้รึ”
หลิวหยิ่งยกมือขึ้นช้าๆ เดิมทีปากประตูที่มีเพียงพวกเขาแค่สองคนกลับปรากฏองครักษ์ขึ้นมาเพิ่มอีกหลายร้อยคน แม้แต่บนหลังคายังมีองครักษ์ยืนอยู่เป็นสิบ ทุกคนยืนถือกระบี่ในมือและดูเคร่งขรึมกว่าปกติ
เฟิ่งชิงหัวหันไปถลึงตาใส่หลิวหยิ่ง เจ้านายพวกเขาน่ารำคาญชะมัด ขนาดลูกน้องยังหน้าบึ้งตึงขนาดนี้
เฟิ่งชิงหัวได้แต่เดินฟึดฟัดไปทางห้องของจ้านเป่ยเซียว ด้านในยังมีแสงของโคมไฟสว่างอยู่ จ้านเป่ยเซียวยังไม่เข้านอน
“พระชายา ท่านอ๋องอยู่ด้านใน ข้าน้อยขอตัวก่อนขอรับ”
เฟิ่งชิงหัวหยุดยืนอยู่ด้านนอกและเตรียมจะย่องหนี ทันใดนั้นประตูก็ถูกเปิดออกด้วยแรงลม จ้านเป่ยเซียวนั่งอยู่บนรถเข็นและจ้องเขม็งมาที่นาง
“เจ้ายังรู้จักกลับมาด้วยหรือ!” น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ
เฟิ่งชิงหัวเม้มปากไม่ยอมพูดอะไร ด้วยท่าทางแน่นิ่งไม่หวาดกลัว
“เข้ามา!” จ้านเป่ยเซียวตวาด
เฟิ่งชิงหัวก้าวข้ามผ่านธรณีประตูเข้ามา พลางเชิดคางขึ้น “มีอะไรหรือ”
“เรื่องอะไร? ตัวเองทำผิดอะไรยังไม่รู้เลยหรือ?”
เฟิ่งชิงหัวเอามือไพล่หลังแล้วยืดอก พลางกล่าวเสียงแข็ง “ข้าทำอะไรผิดหรือ ข้าเป็นชายาแห่งจวนอ๋องเจ็ด ทำไมถึงจะเข้าออกจวนอย่างอิสระไม่ได้ ข้าแต่งงานกับท่านไม่ได้ขายตัวให้ท่าน ข้ามีอิสระในการใช้ชีวิต”
เมื่อจ้านเป่ยเซียวเห็นท่าทางการพูดของนางที่ดุดันเช่นนี้ สีหน้าก็เคร่งขรึมขึ้นมาทันที ผู้หญิงคนนี้ช่างกล้าหาญนัก
ถ้าไม่รู้จักดัดนิสัยนาง อีกไม่นานนางคงกล้าปีนขึ้นไปถอนกระเบื้องบนหลังคาอย่างแน่นอน
จ้านเป่ยเซียวหรี่ตาแล้วกล่าวเสียงแข็งว่า “ในเมื่อเจ้าไม่รู้สำนึก ข้าจะเข้าวัง ได้ยินมาว่าเสด็จพ่อกับผู้ส่งสารเป่ยเว่ยตอนนี้กำลังสืบหาตัวคนร้ายที่ทำให้องค์หญิงซีหลันเสียโฉม”
เฟิ่งชิงหัวได้ยินเช่นนี้ หัวใจก็เต้นระส่ำ
ร้ายกาจ!
ผู้ชายคนนี้กำลังใช้จุดอ่อนของนางเพื่อข่มขู่นาง แต่หากไม่ใช่แค่การข่มขู่ล่ะ
เมื่อคิดได้ดังนี้ก็เห็นจ้านเป่ยเซียวตั้งท่าจะเดินออกไปด้านนอก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว
จะอัพเรื่องนี้ต่อไปมั้ยค่ะ😭...
เรื่องนี้หายไปนาน...