เฟิ่งชิงหัวกำลังยืนดูฉากละครอยู่ด้านบนสระน้ำอยู่ ก็เห็นจ้านเป่ยเซียวหันกลับมาจ้องมาที่นาง: “ของแค่เล็กน้อยแค่นี้ยังดูแลไว้ไม่ได้ดี เจ้ายังจะสามารถทำอะไรได้อีก กลับห้องหนังสือกับข้า!”
เฟิ่งชิงหัวทำปากเบะ: “คนเขาเป็นองค์หญิง ท่านสาวแท้ๆ ของท่าน นางจะฉีกของในจวนอ๋อง ข้ายังจะไปจัดการอะไรได้งั้นหรือ”
เฟิ่งชิงหัวกล่าวออกมาอย่างเสียใจ แต่ว่าความหยิ่งผยองที่อยู่ในดวงตาคู่นั้นไม่ว่าจะปิดอย่างไรก็ปิดไม่มิดอยู่ดี
“เฟิ่งชิงหัว!” จู่ๆ จ้านเป่ยเซียวก็ตะโกนด้วยความโมโหออกมาหนึ่งคำ
เฟิ่งชิงหัวถูกเสียงดังนี้ทำให้ตกใจไปชั่วขณะหนึ่ง มองมายังจ้านเป่ยเซียว แล้วก็ลูบหัวใจดวงน้อยๆ ที่ได้รับความตกใจอย่างไม่รู้ตัวของตนเองครู่หนึ่ง จากนั้นก็สบตากับดวงตาที่เคร่งขรึมและซ่อนเล้นคู่นั้นของจ้านเป่ยเซียว
“เขาเป็นเสด็จน้องของข้าไม่ผิด แต่เจ้าเป็นพระชายาของข้า ความเป็นนายครึ่งหนึ่งของจวนอ๋องทั้งหมดนี้ ตัวเองจะไม่ชัดเจนเมื่อพิจารณาดูแล้วเลยหรือ?”
เฟิ่งชิงหัวได้ฟังเช่นนั้นก็สะดุ้งขึ้นมาทันที กำลังจะถามเขาว่าเรื่องจริงหรือเท็จ ก็ได้ยินจ้านเป่ยเซียวกล่าวเพิ่มเติมต่อเนื่องว่า: “ดังนั้นโทษของเจ้าต้องเพิ่มขึ้นอีก”
สีหน้าท่าทางของเฟิ่งชิงหัวที่แสดงออกมาในครั้งแรกไม่สามารถยับยั้งอารมณ์เอาไว้ได้ คิดไม่ถึงว่าจะไม่รู้เลยว่าควรจะทำท่าทางสีหน้าแบบไหนมาตอบรับในนาทีนี้
นางโอ้อวดว่าตนนั้นพูดจาฉะฉาน แต่กลับเอาชนะคนที่ไม่ใช้เหตุผลเช่นนี้ไม่ได้เลย
คนผู้นี้ช่างมีความสามารถในการมีอารมณ์โมโหแล้วไม่ไว้หน้าใครเลยจริงๆ
แต่ว่าไม่ต้องตื่นเต้นไป เจ้ามีแผนการที่ชั่วร้าย ข้าก็ย่อมมีวิธีการรับมือที่แยบยล ยังไงกฎตระกูลเล่มนั้นก็ถูกฉีกขาดกระจุยไปแล้ว ไม่ว่าจะติดแปะยังไงก็คงจะติดไม่ได้หรอก ดูว่าเขาจะลงโทษนางยังไง ก็ไม่ได้หมายความว่านางจะไม่ยอมรับบทลงโทษ อันที่จริงแล้วเรื่องไม่คาดคิดมันมาแบบไม่ทันได้ตั้งรับต่างหาก
จ้านเป่ยเซียวขยับล้อเก้าอี้เคลื่อนไป จากนั้นก็หันมากล่าวกับเฟิ่งชิงหัวว่า: “ยังไม่เข้ามาประคองข้ากลับเข้าเรือนอีก?”
“อ่อๆ” สุดท้ายเฟิ่งชิงหัวก็มองไปยังองค์หญิงเหออานที่กำลังแสดงฉากหากระดาษในน้ำอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ก้าวเท้าอย่างเบาๆ ช้าๆ ไปยังทางด้านของจ้านเป่ยเซียว ต่อจากนั้นก็ดันเก้าอี้ล้อเลื่อนเดินเข้าไปในก้องหนังสือ
เฟิ่งชิงหัวดันจ้านเป่ยเซียวเข้าไปอย่างเชื่องช้า เห็นได้ชัดว่าระยะทางแค่นิดเดียวเท่านั้น แต่จงใจจะใช้เวลานานถึงน้ำชาหนึ่งจอก จ้านเป่ยเซียวก็ไม่พูดอะไรเช่นกัน นั่งนิ่งๆ อยู่บนนั้นไม่ขยับ
รอจนถึงห้องหนังสือแล้ว เฟิ่งชิงหัวท่าทางหมดเรี่ยวแรงมองมายังจ้านเป่ยเซียว: “ว่ามาเถอะ เรื่องอะไร ถ้าไม่มีข้าจะไปแล้วนะ”
“เมื่อครู่เจ้าบอกว่าเจ้าคัดลอกกฎตระกูลแล้วงั้นหรือ?”
“ใช่” เฟิ่งชิงหัวยืดตัวตรงขึ้นมาทันทีอย่างระมัดระวัง: “แต่ว่าข้าก็ไม่ได้คัดไปมากเท่าไร”
“คัดมาตลอดทั้งเช้า 100ข้อก็น่าจะคัดได้แล้วกระมัง?” จ้านเป่ยเซียวหรี่ตามองมาที่นางด้วยดวงตาที่แฝงไว้ด้วยอันตรายอยู่ในนั้น
เฟิ่งชิงหัวฝืนกล่าวออกมา: “แน่นอน ข้าคัดถึงข้อที่ 100 พอดี”
หากคนผู้นี้ถามว่านางได้คัดถึงข้อ 10 หรือไม่ แน่นอนว่านางก็จะพยักหน้าไปอย่างหน้าตาเฉยว่าตนเองก็คัดลอกได้ 10 ข้อแล้วเช่นกัน หน้าตาคืออะไร ในตอนนี้มีเพียงความอิสระเท่านั้นที่สำคัญที่สุด
“อืม ก็ดี ในเมื่อกฎตระกูลไม่มีแล้ว ข้าก็ไม่อยากจะทำให้เรื่องยุ่งยากอีก” จ้านเป่ยเซียวกล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม
เฟิ่งชิงหัวพยักหน้าติดต่อกัน ตอนที่กำลังคิดว่าครั้งนี้ตัวเองไม่ต้องยุ่งยากอีกแล้ว ก็ได้ยินเสียงของฝ่ายชายกล่าวออกมาอย่างเรียบเฉยว่า: “งั้นเจ้าก็เอา 100ข้อที่เจ้าคัดลอกไปก่อนหน้านั้นเขียนออกมาด้วยตัวเองอีก 1000 รอบเถอะ”
“อะไรนะ?” เฟิ่งชิงหัวคิดว่าหูของตนเองมีปัญหา สายตาที่มองมายังเขานั้นเปี่ยมไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อเลย
“ฟังไม่ชัดหรือว่าจำไม่ได้?” จ้านเป่ยเซียวกล่าวออกมาด้วยท่าทางขวมดคิ้ว
“จำไม่ได้” เฟิ่งชิงหัวรีบกลบเกลื่อนในทันที
“จำได้กี่ข้อ?”
“ก็แค่ 1-2 ข้อนั่นแหละ” ไม่ทุกข์ไม่ร้อน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว
จะอัพเรื่องนี้ต่อไปมั้ยค่ะ😭...
เรื่องนี้หายไปนาน...