พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก นิยาย บท 111

รถเบนท์ลี่ย์ อาร์วีสีดำขับเคลื่อนไปตามเส้นทางคดเคี้ยวบนทางหลวง

ภายในรถ มีเด็กสองคนนั่งอยู่ที่เบาะหลัง

เรนนี่ถือขวดนมอยู่ในมือและดูดเป็นครั้งคราว

ในขณะที่เจสันกำลังขับรถไป เขาก็เหลือบมองเด็กสองคนที่นั่งอยู่บนเบาะด้านหลังจากกระจกมองหลัง และมีกระเป๋าเดินทางสพันจ์บ็อบ สแควร์แพนส์อยู่ถัดจากพวกเขาไป

เมื่อมองจากกระเป๋าเดินทางของบลองช์แล้ว ดูเหมือนว่าเขากำลังหนีออกจากบ้าน

เจสันไม่รู้ว่าเขาควรทำเช่นไรกับพฤติกรรมของเด็ก ๆ และไม่รู้ว่าควรจะรายงานให้เจ้านายทราบดีหรือไม่

หลังจากที่ครุ่นคิดเรื่องนี้ระหว่างทาง เจสันก็ตัดสินใจที่จะไม่โทรหาเจ้านายของเขา เขาต้องการพาเด็ก ๆ ไปหาเบียงก้าและดูปฏิกิริยาของเธอก่อนที่เขาจะรายงานให้เจ้านายของเขาทราบในภายหลัง

“ยังไงพี่ก็ไม่กลับ แล้วเธอล่ะ?” บลองช์ถามน้องสาว

“หนูก็ไม่กลับไปเหมือนกัน เราไปอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ยังดีซะกว่ากลับไปอยู่บ้านอีก” เรนนี่อาศัยอยู่ในคฤหาสน์หลังโตโดยที่แทบจะไม่ได้พบพ่อของเธอเลย ไม่เพียงเท่านั้น ที่คฤหาสน์ยังมีคุณย่าสองคนที่ชอบทะเลาะกันอยู่เสมออีกด้วย

คนเดียวที่เด็ก ๆ จะคิดถึงก็คือคุณปู่

เจสันเฝ้าดูการสนทนาของเด็ก ๆ จากนั้นเขาก็ต้องรู้สึกปวดหัว

ไม่ว่าเขาจะมีความสามารถมากเพียงใด แต่เขาก็ไม่สามารถจัดการเรื่องภายในครอบครัวของเจ้านายของเขาได้อยู่ดี

...

ภายในร้านอาหาร

เบียงก้าและเบรย์เดนกำลังนั่งคุยกันอยู่

เบรย์เดนเป็นเพียงพนักงานออฟฟิศธรรมดา ๆ การแต่งตัวของเขาไม่เหมือนคนร่ำรวย แต่เขาก็ไม่ได้ดูเหมือนคนยากจน เขาดูเหมือนคนมีฐานะปานกลางทั่วไป

“ในเมื่อคุณทำงานที่บริษัท ที คอร์ปอเรชั่น ถ้าคุณไม่รังเกียจ ให้ผมไปรับไปส่งคุณที่ทำงานก็ได้นะครับ” เบรย์เดนเอ่ยถามเบียงก้าอย่างเปิดเผย

แต่เขาเองก็ไม่แน่ใจว่าเบียงก้าจะเต็มใจให้เขาทำเช่นนั้นหรือไม่

เมื่อเบรย์เดนสังเกตเห็นว่าเธอไม่ตอบสนอง เขาก็ยิ้มอย่างเคอะเขินและกล่าวต่อว่า “มันคงเร็วเกินไปที่จะพูดถึงเรื่องนี้ใช่ไหมครับ? ไม่เป็นไรครับ ผมว่าเรื่องแบบควรค่อย ๆ ดูกันไปนะ คุณอย่าถือสาผมเลยนะครับ”

เบียงก้าส่ายหน้าและยิ้มบาง ๆ “ไม่เลย ฉันไม่ได้รังเกียจเลยค่ะ”

หลังจากที่เบรย์เดนได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของเขาก็แดงเล็กน้อย

เบียงก้าและเบรย์เดนไม่ใช่คนเปิดเผยมากนัก ทั้งสองจึงรู้สึกเขินอายเล็กน้อยเมื่อพวกเขาไม่รู้ว่าพวกเขาจะคุยเรื่องอะไรกันต่อดี

โชคดีที่พนักงานเสิร์ฟเดินเข้ามาในเวลานั้นพอดี พนักงานเสิร์ฟสลัด สเต๊ก และน้ำผลไม้ ซึ่งเป็นอาหารพื้นฐานของคนที่มีฐานะปานกลาง ซึ่งพวกเขามักจะสั่งเมื่อพวกเขาไปรับประทานอาหารนอกบ้าน

เบียงกล้ามองขึ้นไปที่พนักงานเสิร์ฟและกำลังจะกล่าวขอบคุณ แต่ก่อนที่เธอจะได้พูดเช่นนั้น เธอก็ต้องตกใจ เมื่อเธอเหลือบไปเห็นคนสามคนที่กำลังเดินเข้ามาจากภายนอกร้าน

เขาคือเจสันและเด็กทั้งสองคน

เธอสังเกตเห็นว่าเจสันกำลังพูดคุยกับพนักงานเสิร์ฟเพื่อถามอะไรบางอย่าง ในขณะที่เด็กน้อยทั้งสองคนมีกระเป๋าเดินทางอยู่ในมือ พวกเขากวาดสายตามองไปรอบ ๆ เห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังมองหาใครบางคน

เมื่อเบียงก้าได้เห็นเช่นนั้น เธอก็รู้สึกประหม่า

เธอเหลือบมองเบรย์เดนด้วยสายตาที่รู้สึกผิด

“ฉันขอตัวไปล้างมือก่อนนะคะ” เบียงก้าลุกขึ้นยืนและเดินตรงไปยังห้องน้ำของร้านอาหาร

เบรย์เดนมองตามหลังเธอ แต่เขาก็พบว่าไม่มีอะไรผิดปกติ เขาจึงหันกลับมาและหั่นสเต๊กให้เบียงก้า

ในที่สุด ดวงตาที่โฉบเฉี่ยวของบลองช์ก็ได้พบกับน้าบี เป้าหมายของเขา

ตั้งแต่ที่เขายังเด็ก คุณปู่และคุณพ่อของเขาสอนเขาไม่ให้ทำตัวแตกตื่นในที่สาธารณะ แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็รีบโยนสัมภาระและวิ่งเข้าไปหาคุณบีของเขาเขาทันที

เบียงก้ายืนอยู่ข้างห้องน้ำ

เด็กชายวิ่งเข้ามากอดเธอ

เธอลูบหัวเขาและก้มตัวลง เธอถามอย่างแผ่วเบาว่า "หนูมาทำอะไรที่นี่จ๊ะ?”

“ผมขอให้คุณลุงเจสันพาผมมาที่นี่” บลองช์กอดเธอแน่น ดวงตาสีดำโตของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงในทันใด

เบียงก้าเป็นคนขี้สงสาร และเธอก็รู้สึกปลาบปลื้มที่เด็กทั้งสองชอบเธอ แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ไม่สามารถอยู่กับพ่อของพวกเขาได้ เพราะมันไม่มีทางเป็นไปได้ และไม่มีใครสามารถเปลี่ยนสิ่งที่ถูกลิขิตเอาไว้ได้

“เอาละ หนูควรจะเป็นเด็กดี แล้วกลับบ้านไปก่อนนะ” เบียงก้าลูบหน้าเด็กชายในขณะที่เธอพยายามเกลี้ยกล่อมเขา

“ผมจะไม่กลับไป! ผมจะไม่ให้คุณไปนัดบอด! คุณจะต้องกลับไปอยู่กับคุณพ่อนะครับ!” บลองช์เริ่มไม่พอใจเมื่อเขาพูดเช่นนั้น

ในเวลานั้น ผู้หญิงสองคนที่เดินออกมาจากห้องน้ำได้ยินการสนทนาของพวกเขา พวกเธอจึงกระซิบเบา ๆ ว่า “แม่ของเขาจะหนีไปแต่งงานใหม่ได้ยังไง? ไร้ความรับผิดชอบจริง ๆ เธอไม่นึกถึงความรู้สึกของลูกของเธอเลย”

‘เธอช่างโหดร้ายจริง ๆ’

เบียงก้าทิ้งคู่เดตของเธอออกมาเกือบห้านาที ซึ่งมันนานกว่าการออกมาล้างมือปกติ

เธอไม่สามารถล้มเลิกนัดบอดนี้ได้ เพียงเพราะว่าเด็กชายไม่เห็นด้วย เพราะมันอาจจะทำให้ลุคเข้าใจผิด และเธอก็อาจจะทำให้เพื่อนร่วมชั้นของเธอที่ช่วยแนะนำเบรย์เดนให้กับเธอรู้สึกแย่

“เอาละ ไม่ต้องร้องนะ ฉันกำลังคุยธุระอยู่ ไม่ได้มานัดบอดหรอกจ่ะ”

หลังจากได้ยินคำอธิบายของเธอ บลองช์ก็รู้สึกดีขึ้น เขาพูดว่า “ถ้าอย่างนั้น ผมกับเรนนี่จะนั่งรอคุณอยู่แถว ๆ นี้ เมื่อคุณเสร็จธุระ แล้วมาหาเรานะครับ”

มันคงจะเป็นหนทางเดียว

เพราะถ้าหากว่าเธอขอให้พวกเขากลับไป ไม่เพียงแต่พวกเขาจะไม่ขยับเขยื้อนเท่านั้น แต่พวกเขาอาจจะร้องไห้และส่งเสียงดังไปทั่วอีกด้วย

...

เมื่อเบียงก้ากลับมาที่โต๊ะ คู่เดตของเธอก็ดูมึนงงเล็กน้อย

เมื่อเห็นว่าสเต๊กของเธอถูกตัดเป็นชิ้นเล็ก ๆ เธอจึงเงยหน้าขึ้นมองไปที่เขาและกล่าวกับเขาว่า "ขอบคุณค่ะ"

“คุณดูไม่ค่อยดีเลย มีอะไรเกิดขึ้นรึเปล่า?” เบรย์เดนค่อนข้างอ่อนโยน เขาเดาได้ว่าจะต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นกับเธอ

“ไม่มีอะไรค่ะ" เบียงก้าส่ายหน้า

เบรย์เดนคิดว่า บางทีเธออาจจะอยู่ในช่วงมีประจำเดือนจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอดูซีดเซียวและไม่ค่อยสดชื่นนัก

“คุณครับ ขอเมนูหน่อยได้ไหม? ” เด็กทั้งสองคนพูดเบา ๆ ในขณะที่พวกเขาเดินเข้ามาและนั่งลงที่โต๊ะข้าง ๆ ของเบียงก้า

เบียงก้าเหลือบไปมอง เธอไม่คิดว่าเด็กทั้งสองคนจะนั่งใกล้ชิดกับเธอมากเช่นนี้ เธอคิดว่าพวกเขาจะรออยู่ข้างนอกเสียอีก

ในขณะที่เจสันไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย เขาอาจจะรออยู่ในรถ

ในตอนแรก เบียงก้ารับประทานอาหารได้ไม่มาก เพราะเธอเป็นกังวล แต่เมื่อเธอเห็นว่าเด็กทั้งสองไม่ได้สร้างปัญหาใด ๆ และพวกเขาก็ยังรับประทานอาหารและดื่มน้ำผลไม้ของพวกเขาโดยที่ไม่ได้รบกวนเธอเลย ดังนั้น เธอจึงรู้สึกดีขึ้น แต่สิ่งหนึ่งที่เบียงก้าต้องประหลาดใจ ก็คือบทสนทนาของเด็กทั้งสอง

“อนิจจา เด็กที่ไม่มีแม่ก็เหมือนดั่งต้นหญ้า”

“แต่อย่างน้อย ต้นหญ้าก็เติบโตจากดินได้อย่างแข็งแรง ถึงแม้ว่าเราจะมีพ่อ แต่เราก็เหมือนหญ้าแห้ง เฮ้อ…”

...

เมื่อเบรย์เดนได้ยินเด็กทั้งสองคนที่โต๊ะถัดไปพึมพำ เขาก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบไปมอง

ถ้าหากว่าเด็กสองคนนั้น สวมเสื้อผ้าขาด ๆ เก่า ๆ สิ่งที่พวกเขาพูดนั้นอาจจะเป็นความจริง แต่เห็นได้ชัดว่าเด็กทั้งสองคนนั้นมาจากครอบครัวที่ร่ำรวย เมื่อพิจารณาจากเสื้อผ้าของพวกเขาแล้ว เบรย์เดนถึงกับสงสัยว่าพวกเขาเป็นลูกของดาราที่กำลังถ่ายทำรายการโทรศัพท์อยู่รึเปล่า เขาเกิดความสงสัยว่าพ่อแม่ของพวกเขาอยู่ที่ไหน

เบรย์เดนมองไปรอบ ๆ แต่เขาก็ไม่เห็นกล้องหรืออุปกรณ์ฟิล์มใด ๆ

หลังจากผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมง ผู้บริหารบริษัทของเบรย์เดนก็โทรหาเขา ดังนั้น เขาจึงต้องไปก่อน เบียงก้าบอกให้เขาไปก่อนอย่างสุภาพ เธอบอกกับเขาว่าเธอเองก็กำลังรอใครบางคนจากสำนักงานเพื่อนำแฟลชไดรฟ์มาให้เธอ

“ตกลง ถ้าอย่างนั้นผมไปก่อนนะ พอทำงานเสร็จแล้ว ผมจะมาหาคุณนะครับ”

เบรย์เดนลุกขึ้นยืนในขณะที่เขาพูดกับเบียงก้า

เบียงก้าลุกขึ้นและบอกลาเขา

วินาทีต่อมา ชายในชุดสูทสีดำที่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวอยู่ด้านในก็เดินเข้ามาในร้านอาหารด้วยร่างสูงและขาที่เรียวยาวด้วยใบหน้าที่เย็นชา

เมื่อเด็กทั้งสองคนได้เห็นพ่อของเขา พวกเขาก็ก้มหน้าลงด้วยความตกใจ...

เบียงก้าหันกลับมาด้วยความประหลาดใจพร้อมกับรับคำบอกลาของเบรย์เดนอย่างสุภาพ

เจสันที่ยืนอยู่ที่หน้าประตูก็มองเข้ามาภายในร้านอาหารและเฝ้าดูการกระทำอันดุเดือดของเจ้านายของเขา ลุคอุ้มลูกสาวขึ้นด้วยแขนข้างหนึ่งและดึงลูกชายของเขาออกจากร้านไป

"ผมไม่อยากไป" บลองช์ดิ้นหลุดจากมือใหญ่ของพ่อ จากนั้นเขาก็วิ่งไปหาเบียงก้าและกอดต้นขาของเธอแน่น เขาตะโกนขึ้นว่า “ช่วยด้วย! ช่วยผมด้วยครับ…ช่วยผมด้วย…ฮือ ฮือ…”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก