พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก นิยาย บท 110

ลุคกำพวงมาลัยแน่นในขณะที่มีบุหรี่อยู่ระหว่างนิ้วในมืออีกข้าง เขาพาดแขนออกนอกตัวรถเพื่อไม่ให้ควันบุหรี่ร่วงลง ก่อนจะกวักมือเรียกลูกชายให้เข้ามาใกล้

เด็กชายตัวเล็กเดินไปอย่างไม่รู้สึกรู้สา

ลุคมองลูกชายด้วยแววตานุ่มลึก “ลูกคิดว่าเธอจะยอมเป็นแม่ของลูกเพราะแค่ลูกขอให้เธอเป็นอย่างนั้นรึไง?”

เจ้าตัวเล็กเกาศีรษะด้วยความสับสน แต่เมื่อเขารู้ว่าความหมายที่พ่อต้องการจะสื่อ คิ้วของเขาก็เริ่มขมวดมุ่น เมื่อตระหนักได้ว่าความเป็นจริงเป็นอย่างไร เขาได้แต่ก้มหน้าด้วยความผิดหวัง “ผมเข้าใจแล้วครับว่าเธอไม่อยากเป็นแม่ของเรา”

เมื่อเห็นลูกชายสีหน้าอันผิดหวังของลูกชาย ลุคขมวดคิ้วมุ่นและแหงนมองท้องฟ้าที่อยู่ไกลสุดสายตา ริมฝีปากบางของเขาแยกจากกันตอนที่เขาดูดบุหรี่

ลูกของเขาไม่ได้ยืนขวางรถอีกต่อไปแล้ว รถเรนจ์โรเวอร์สีดำจึงเคลื่อนตัวออกไป

บลองช์กลับมาที่ห้องนั่งเล่น และนั่งนิ่งอยู่บนโซฟา ในขณะที่เหวี่ยงรองเท้าแตะเล็ก ๆ ออกจากเท้าด้วยความเศร้าใจ

“เกิดอะไรขึ้นล่ะ? ทำไมทำหน้าอมทุกข์แบบนี้?” ในที่สุด หลุยส์ที่ซ่อนตัวอยู่ก็ปรากฏกายออกมาด้วยใบหน้าที่สับสน เขาไม่รู้ว่าตอนที่เขาไม่อยู่นั้น เกิดอะไรขึ้นบ้างในบ้านหลังนี้

'หรือว่าแผนการกระโดดตึกที่ซับซ้อนนั่นจะถูกจับได้กันนะ?'

“น้าบีไม่เคยอยากเป็นแม่ของเราเลย” ในตอนที่บลองช์พูด สีหน้าของเขาก็เหี่ยวเฉาลง ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวและห่อเหี่ยวไม่ต่างไปจากกระสอบมันฝรั่ง

เขาทำท่าราวกับตัวเองเป็นเด็กกำพร้าที่ไม่มีใครต้องการ

หลุยส์วิเคราะห์เรื่องที่เกิดขึ้นอย่างคนที่โตแล้ว มันอาจเป็นได้เพียงว่าบียังไม่หายโกรธลุค

'สองคนนั้นยังทำสงครามประสาทกันอยู่รึเปล่า?'

ถ้าแผนเด็กกระโดดยังไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น แสดงว่าลุคคงเป็นคนไม่ดีนัก บางทีเขาอาจจะไม่ใช่ผู้ชายที่ดีพอสำหรับเธอก็เป็นได้

'มันยากมากหรือที่จะยอมรับความผิดที่ตัวเองก่อไว้กับคนรักของตัวเองน่ะ?'

“ร้องไห้ทำไม? ต้องโทษที่พ่อไร้หัวใจของหลานนั่นแหละ เขาไม่ต่างอะไรกับก้อนน้ำแข็งสักนิด!”

วัน ๆ หนึ่งหลุยส์แทบไม่มีอะไรให้ทำสักอย่าง พอลืมตาตื่นเขาก็สงสัยแล้วว่าควรจะไปเล่นสนุกอะไรที่ไหน แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้เขาน่าจะไม่ต้องคิดอะไรอื่นอีกแล้ว ก่อนตัดสินใจว่าจะจดจ่ออยู่ที่การแก้ปัญหาของลุคแทน

บลองช์มองดูอาของเขาราวกับตัวเองเห็นแสงแห่งความหวัง

ในตอนนั้นเองที่หลุยส์รู้สึกว่าความรับผิดชอบนั้นใหญ่เกินตัว

“หลานรู้ไหมว่าน้าบีของหลายอาศัยอยู่ที่ไหน?” หลุยส์คิดจะส่งหลานชายไปวางไว้ที่หน้าประตูบ้านของเธอ บีคงจะไม่ใจร้ายจนเมินเฉยต่อเด็กกำพร้าคนนี้อยู่แล้ว

“น้าบีย้ายบ้านไปที่ที่ผมไม่เคยไปครับ”

“งั้นไม่เป็นไร อาจะลองไปถามให้ทั่วดูก่อน ถ้าได้เรื่อง แล้วอาจะส่งหลานไปที่นั่น หลานจะมามัวแต่ฝากความหวังไว้กับพ่อน่ะมันไม่ได้หรอกนะ ตอนนี้มันขึ้นอยู่กับหลานแล้ว" หลุยส์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา

บลองช์เกาที่คอของเขา “น้าบีกำลังไปนัดบอดครับ”

"อะไรนะ?" หลุยส์หยุดการโทร “นัดบอดเหรอ? ใครบอกหลานอย่างนั้นกัน?”

“พ่อครับ...”

ขณะที่หลุยส์คุยกับหลานชาย เขาก็ได้ยินเสียงของรถยนต์ที่ดังมาจากข้างนอก

ทั้งคู่มองออกไปด้านนอก

มีรถเบนท์ลีย์สีดำจอดอยู่หน้าคฤหาสน์ เจสันเดินลงมาจากรถในชุดสูทและรองเท้าหนัง

เมื่อเจสันเดินเข้ามา เขาพยักหน้าให้หลุยส์ก่อนเอ่ยถามบลองช์ “นายน้อยบลองช์ วันนี้อยากไปที่ไหนครับ? ผมจะเป็นคนพาคุณไปในที่ที่คุณปรารถนาที่สุดในหัวใจเอง”

เมื่อหลุยส์ได้ยินสิ่งที่เจสันพูด เขาครุ่นคิดแวบหนึ่ง แล้วโบกมือให้หลานชาย

“อืม… ผมอยากไป…” บลองช์ลังเลขณะเหลือบตามองอาที่กำลังให้คำใบ้

เขาเอ่ย "ผมอยากไปหาน้าบีครับ"

“เรื่องนั้น...” เจสันไม่รู้จะตอบเด็กชายไปเช่นไร

เจ้านายโทรเรียกเขาเมื่อครู่และมีคำสั่งพิเศษ ลุคกล่าวว่า “จัดการงานในมือเสร็จ ให้ไปที่คฤหาสน์ เพื่อรับเรนนี่และลานี่ แล้วพาพวกเขาไปในที่ที่พวกเขาต้องการ”

เจสันเข้าใจเรื่องราวของพวกเขาเป็นอย่างดี

เป็นเพราะเด็กทั้งสองปราศจากแม่มาอยู่เคียงข้างตั้งแต่เกิด ซ้ำยังไม่มีย่าทวด ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาก็ไม่มีญาติผู้หญิงที่สนิทสนมที่ไหนอีก พวกเขามีแค่คุณย่าผู้ที่ให้ความสำคัญกับแฟชั่นเพียงอย่างเดียวและแทบจะไม่เคยอยู่ติดบ้าน

อลิสันมักใช้เวลาอยู่ข้างนอกกับเหล่าสตรีสูงศักดิ์ที่มีชื่อเสียงในวงการแฟชั่นมากกว่าหลานของตัวเองด้วยซ้ำไป

และถึงแม้ว่าเจ้านายของเขาจะเป็นคนเย็นชา ไม่ว่ากับคนนอกหรือครอบครัวก็ตาม แต่ในฐานะพ่อ เขาก็รักลูก ๆ ของเขามาก เพียงแต่ไม่รู้จะแสดงออกอย่างไรเท่านั้น

หลังจากได้รับคำสั่งจากเจ้านาย เจสันวางงานในมือลงอย่างรีบร้อนเพราะเจ้านายไม่ชอบให้การมอบหมายหน้าที่การดูแลลูกทั้งสองถูกละเลยนัก

ถึงเจสันจะเชื่อว่าเขาไม่ควรให้คนอื่นมาดูแล และคนเป็นพ่อควรพาลูกของตัวเองออกไปเล่นเองแล้วพวกเขาจะพอใจก็ตาม แต่ห้าปีที่ผ่านมานี้ เจ้านายของเขาต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบากในขั้นแรกเพื่อแสดงความรักเช่นนั้น ดังนั้นจึงไม่ง่ายเลยที่จะขอให้พ่อผู้ไร้ซึ่งคุณสมบัตินั้นพัฒนาอะไรได้มากมาย

จริงอยู่ที่เจ้านายของเขาสั่งให้เขาพาเด็ก ๆ ไปเที่ยวเล่นนอกบ้าน แต่คงไม่ใช่การพาพวกเขาไปหาเบียงก้าแน่

อย่างไรก็ตาม ในหลายปีมานี้ เบียงก้าเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เข้าตาเจ้านาย เขาคิดว่ามันคงจะดีถ้าจะพาเด็ก ๆ ไปเจอเธอ

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เจสันก็เอ่ยอย่างมีชั้นเชิง “แน่นอน นายน้อยไปเจอน้าบีได้ แต่พวกคุณรู้แล้วหรือว่าจะเจอเธอได้ที่ไหน?”

เจ้าตัวเล็กส่ายหัวอย่างน่าสงสารและมองอาของเขาด้วยดวงตาอันไร้เดียงสาของเขาเพื่อขอความช่วยเหลือ

หลุยส์จับเจสันหันหลังขณะที่กระซิบ “คุณก็รู้ว่าพี่ชายของผมเป็นคนยังไงนี่ เขามักมีภาพลักษณ์ของชายเลือดเย็นและโหดเหี้ยม ซึ่งมันก็ค่อนข้างน่ารำคาญอะนะ เร็ว ๆ นี้บีทะเลาะกับลุคแล้ว พี่ชายของผมก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้เธอเลย พวกเขากำลังอยู่ในช่วงทำสงครามประสาทใส่กันอยู่น่ะ"

เจสันดูประหลาดใจ

‘เจ้านายกำลังทำสงครามประสาทกับเบียงก้างั้นเหรอ?’

‘ยิ่งไปกว่านั้น นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หลุยส์เรียกเบียงก้าว่าบี หมายความว่าคุณครอว์ฟอร์ดคงพาเบียงก้ามาพบครอบครัวแล้วรึเปล่า? ดูเหมือนเบียงก้าจะเป็นขวัญใจของครอบครัวนี้อีกด้วย’

ถ้าคุณครอว์ฟอร์ดกำลังทำสงครามประสาทกับผู้หญิงของเขา และดูเหมือนจะไม่ยอมโอนอ่อนให้เธอในเร็ววันนี้ ในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชา เขารู้ดีว่าควรต้องทำอะไร

"ผมเข้าใจแล้วครับ" เจสันพยักหน้าให้หลุยส์ แล้วหันกลับมาพูดกับเด็กน้อย “ผมจะพานายน้อยไปหาน้าบีเอง”

“แต่เรื่องของเรื่องก็คือ ผมไม่รู้ว่าน้าบีอยู่ที่ไหน” เจ้าตัวเล็กเกาหัวของเขา แล้วเอียงคอแล้วพูด “น้าบีไปนัดบอด...”

เจสันตกใจมาก

เธอมีนัดบอดทั้งที่ยังอยู่ในสงครามประสาทกับเจ้านายน่ะเหรอ?

ในฐานะผู้ช่วยพิเศษของคุณครอว์ฟอร์ด เขาสามารถทำอะไรได้มากกว่าที่ใครคิด

เจสันโทรหาซู

เมื่อซูรับสาย เจสันเอ่ยถามเธอ “เบียงก้าที่อยู่แผนกเดียวกับคุณน่ะ… ตอนนี้อยู่ที่ไหน?”

“เรื่องนี้ฉันก็ไม่แน่ใจนะคะ วันนี้เธอลางานน่ะค่ะ” หลังจากที่ซูตอบเขาแล้ว เธอก็ถามด้วยความสงสัย “มีอะไรรึเปล่าคะ?”

เจสันไม่ได้บอกเธอว่าเกิดอะไรขึ้น “ช่วยหาทีว่าตอนนี้ เบียงก้า เรย์นอยู่ที่ไหน ถ้ารู้แล้วโทรกลับหาผมด้วย” เขาวางหูโทรศัพท์

...

ในร้านสเต๊กร้านหนึ่ง

เบรย์เดนเพิ่งนั่งลงและขอเมนูจากบริกรชาย

เมื่อพวกเขาสั่งอาหาร โทรศัพท์ของเบียงก้าก็ดังขึ้น

“ขอโทษนะคะ ฉันขอรับโทรศัพท์ได้ไหม?”

"ไม่เป็นไรครับ เชิญเลย" เบรย์เดนไม่ใช่คนที่มีจู้จี้จุกจิก

เบียงก้ารับสายนั้น

ซูเอ่ยถาม “บี ตอนนี้เธออยู่ที่ไหนน่ะ ฉันจะบอกเธอตรง ๆ เลยนะว่าแผนกเราต้องการคุณตอนนี้เลย คุณไม่จำเป็นต้องกลับมาทำงานเพิ่มอะไรหรอกนะ แต่เราแค่ต้องการรู้ว่าคุณกำลังอยู่ที่ไหน ฉันจะได้ให้คนส่งแฟลชไดรฟ์ยูเอสบีไปให้น่ะ”

เบียงก้าคิดว่า เรื่องที่บริษัทจะส่งแฟลชไดรฟ์ยูเอสบีมาให้จะไม่ส่งผลกระทบต่อนัดบอดเท่าไหร่นัก เธอจึงไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้และบอกที่อยู่ของตัวเองให้ซูรู้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก