พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก นิยาย บท 109

“เดี๋ยวฉันค่อยไปค่ะ เผอิญเขายังไม่เลิกงาน” ขณะที่เบียงก้าพูดนั้น เวลาก็ผ่านไปเป็นนาทีและเตาไมโครเวฟก็หยุดการทำงานลง

ลุคยืนห่างจากอยู่ด้านหลังเธอไปราวหนึ่งเมตร ในตอนที่เขาคิดวิธีที่เบียงก้าพูดถึงผู้ชายคนนั้น

มีเจ้าหน้าไหนไม่รู้ใจกล้าชักนำให้ผู้ชายคนอื่นเข้ามาในชีวิตเธอเนี้ยนะ

เบียงก้าไม่กล้าคิดไปไกล เพราะกลัวว่าจะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ ดังนั้นเธอจึงเลือกจดจ่อไปที่การทำอาหารแทน

เธอเรียนวิธีการทำอาหารจากการเรียนออนไลน์

หลังจากเวลาหยุดลง เธอก็ฉีกเครื่องปรุงอีกชุดหนึ่งออก แล้วเทมันลงไปในชาม

เธอคนเล็กน้อย แล้วใส่กลับเข้าไปในไมโครเวฟต่ออีกสองนาที

เมื่อครบตามเวลาแล้ว เบียงก้าหยิบชามออกมา คลุกเคล้าชีส แล้วเอาเข้าไมโครเวฟต่ออีกหนึ่งนาที

ลุคที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอมาตลอด เริ่มสร้างวิมานในอากาศว่าเขาและเบียงก้าเป็นคู่ข้าวใหม่ปลามัน และเธอเป็นภรรยามือใหม่ที่กำลังทำอาหารให้สามีของเธอซึ่งก็คือเขา ในเรื่องเพ้อพกเหล่านั้น แม้ภรรยาของเขาจะยุ่งมาก แต่เธอก็จะกลับบ้านตอนเที่ยงเพื่อทำอาหารให้เขา

เบียงก้ายังไม่ละสายตาไปจากการทำอาหาร

นี่ไม่ใช่วิธีที่คนปกติใช้เวลาทำแม็คแอนด์ชีสกึ่งสำเร็จรูป

หนึ่งนาทีให้หลัง เบียงก้าหยิบชามออกมาแล้วคนมักกะโรนีให้เข้ากับชีส

หลังจากชีสกับมักกะโรนีเข้ากันดีแล้ว เธอก็เอาเข้าไมโครเวฟเป็นครั้งสุดท้าย

การอบครั้งนี้ใช้เวลาอีกหนึ่งนาที

ขณะที่รอให้ครบกำหนดเวลาหนึ่งนาทีอย่างอดทน เธอรู้สึกได้ว่าชายที่ยืนอยู่ด้านหลังเธอนั้น เข้ามาใกล้เธอมากเกิน ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงรู้สึกไม่สบายใจนัก

เบียงก้าปิดไมโครเวฟและหยิบชามออกมา นิ้วของเธอสัมผัสเข้ากับชามสำหรับใช้ในไมโครเวฟที่ร้อน

เธอขมวดคิ้วและผละนิ้วตามสัญชาตญาณ

“เจ็บตรงไหนรึเปล่า?”

ขณะที่ชายคนนั้นเอ่ยถาม มือใหญ่โตของเขาก็คว้าเอามือทั้งสองของเธอไปกุมไว้ในทันที

เบียงก้าหันตัวมาและดึงมือกลับ “ไม่เป็นไรค่ะ มันไม่ได้ร้อนมากมายอะไร”

ลุคขมวดคิ้วแต่ก็ยอมปล่อยเธอ

สาวใช้รู้สึกตระหนก เมื่อเห็นว่าเบียงก้าไม่สวมถุงมือกันความร้อน เธอแสร้งทำเป็นง่วนอยู่กับอย่างอื่น แต่อันที่จริงแล้วเป็นเธอเองที่ลืมให้ถุงมือกันความร้อนแก่เบียงก้า อย่างไรก็ดี ลุคพยายามใช้ผ้าเช็ดมือในครัวนำชามออกมาจากไมโครเวฟด้วย

“เทลงในชามกันความร้อนเถอะค่ะ” เบียงก้าเอ่ยขณะมองดูเขาที่ไม่กลัวว่ามือจะโดนไฟลวกด้วยความกังวลใจ

นิ้วของลุคเรียวได้รูป ขาวกระจ่าง ยาว และแข็งแกร่ง เมื่อเธอเห็นนิ้วเหล่านั้นของเขา เธอไม่สามารถละสายตาได้ มันดึงดูดมากเสียจนแค่เพียงสัมผัสถึงลมหายใจของเขาก็อาจทำให้หัวใจของเธอเต้นระรัวได้

“แม็คแอนด์ชีสของคุณเสร็จแล้วค่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันเกรงว่าฉันคงต้องขอตัวกลับก่อน”

เมื่อที่เบียงก้ากล่าวอย่างนั้น เธอก็เดินออกจากหัวครัวแล้วไปที่ห้องนอน

เธอหยิบกระเป๋าเป้แล้วบอกลาเด็กทั้งสอง

“น้าบี จะไปแล้วเหรอคะ?”

บลองช์ไม่อยากจะเชื่อ ก่อนที่เขาจะได้คำตอบ เขาก็ถามซ้ำอีก “พ่อผมแกล้งคุณรึเปล่า? ผมทำให้เขาอยู่แต่ที่ทำงานและไม่กลับมารบกวนน้าบีอีกได้นะครับ”

เบียงก้ายิ้มออกมาเพราะไม่รู้ว่าจะต้องตอบโต้อย่างไร ก่อนปลอบใจเด็กน้อย “เขาเป็นพ่อของหนูนะ ฉันต่างหากที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับหนูด้วย”

"งั้นน้าบีก็มาเป็นสมาชิกของครอบครัวเราสิครับ คุณแต่งงานกับพ่อผมแล้วมาเป็นแม่ให้พวกเราได้ไหมครับ? หรืออาจจะให้คุณย่ารับน้าบีเป็นลูก จะได้อยู่ที่บ้านนี้ด้วยกันไงครับ” บลองช์พูดอย่างไร้เดียงสา

หลังจากที่เบียงก้าได้ยินบลองช์พูด จิตใจของเบียงก้ากระตุกวูบ

อลิสันจะรับเธอเป็นลูกบุญธรรมได้อย่างไร? ในเมื่ออลิสันเป็นคลอดเธอมาเองกับมือ

เบียงก้ารู้ดีว่าตลอดชีวิตนี้อลิสันคงไม่มีทางยอมรับเธอในฐานะลูกสาวเป็นแน่

ส่วนเรื่องแต่งงานกับลุคที่บลองช์พูด ก็เป็นไปไม่ได้เช่นกัน

“พักได้แล้วจ้ะ เดี๋ยวฉันจะหาเวลามาเยี่ยมหนูอีกนะจ๊ะ” หลังจากที่เบียงก้าพูดด้วยรอยยิ้ม เธอหันหลังแล้วเดินออกจากคฤหาสน์ไปด้วยใบหน้าอันเศร้าสร้อย

เมื่อเธอมุ่งหน้าไปที่ประตูทางเข้า เธอเปิดทางเข้าหลักออก ก่อนจะพยายามทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลัง

ทุกคนที่อาศัยอยู่ใต้ชายคานั้น ไม่ว่าจะพ่อหรือลูกทั้งสองของเขา ก็ไม่ต่างจากดงอสรพิษอันเย้ายวน

เธอรู้ว่าเธอต้องจากไปให้เร็วที่สุด

ทุกย่างก้าวที่เธอเข้าไปในชีวิตของพวกเขา เธอก็จะจมดิ่งไปกับมันอย่างรวดเร็ว เธอรู้ว่าเธอต้องรีบหนีไปให้เร็วที่สุด ในตอนที่ยังไม่จมไปกับมันมากเท่าไหร่

รถอูเบอร์ที่เธอจองไว้ยังมาไม่ถึง แต่มีเสียงเตือนข้อความเข้าดังมาจากโทรศัพท์ของเบียงก้า

เพื่อนสาวที่เป็นเพื่อนร่วมชั้นส่งข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กมาหาเธอว่า 'ฉันเพิ่งให้เฟซบุ๊กของเธอกับผู้ชายคนนั้นไปนะ ถ้าเขาส่งคำขอเป็นเพื่อนมาที่เธอ เธอก็พูดคุยกับเขาก่อนได้นะ'

เบียงก้าตอบกลับ 'ได้เลย'

ทันใดนั้น เบียงก้าก็ได้รับคำขอเป็นเพื่อนทางเฟซบุ๊ก

ผู้ชายคนนี้ใช้รูปของตัวเองตั้งเป็นรูปโปรไฟล์ ชายคนนี้ดูเป็นผู้ชายที่ตงฉินมาก เขาสวมแว่น กางเกงสแล็คสีขาว และเชิ้ตมีกระดุมสีเทาอ่อน จากรูปลักษณ์ของเขา อายุของเขาน่าจะประมาณ 26 หรือ 27 ปีเท่านั้น

'หวัดดี ผมเบรย์เดนครับ'

'สวัสดีค่ะ ฉันเบียงก้า'

'...ผมคิดว่าคุณเป็นพวกติดดินมากเลยนะครับ'

'คุณว่างั้นเหรอคะ?' เบียงก้าพูดไม่เก่งนัก โดยเฉพาะกับคนที่เธอกำลังจะไปนัดบอดด้วย

“ผมรู้สึกได้น่ะ บังเอิญผมเคยศึกษาเรื่องทางจิตวิทยามานิดหน่อย” เบรย์เดนตอบ

เบียงก้ายังคงตอบเขาต่อไปจนกระทั่งอูเบอร์มาและเธอก็ขึ้นรถ

ในตอนแรก พวกเขาตั้งใจจะไปรับประทานอาหารหลังเลิกงานด้วยกัน แต่ในขณะที่พวกเขาส่งข้อความคุยกัน เบรย์เดนก็เกิดอยากจะพบเธอให้เร็วกว่าเดิม ตั้งแต่ที่ได้ยินว่าเบียงก้าว่าง เขาก็จัดการลางานล่วงหน้าแล้วออกจากที่ทำงานไปพบคู่นัดบอดของเขาทันที

เบียงก้าไม่มีทางเลือก จึงต้องไปพบเขายังสถานที่ที่เขาเป็นคนเลือกทันที

ในรถแท็กซี่ เธอเอาแต่กล่อมให้ตัวเองพร้อมสำหรับการออกเดท เธอบอกตัวเองว่าหากเธอและเขาเหมาะสมกัน เธอจะจริงจังกับเขาและพยายามแต่งงานให้เร็วที่สุด ถ้าเขาไม่ทำตัวจุกจิกใส่เธอ เธอเองก็ไม่ควรทำให้เขาผิดหวัง

ณ คฤหาสน์ครอว์ฟอร์ด

บลองช์ดูเศร้าสร้อย แถมยังกินแม็คแอนด์ชีสไม่หมดอีกต่างหาก

สาวใช้มองเห็นว่าเขาเศร้าอยู่ไม่ห่าง ตามปกติแล้วเด็ก ๆ มักไม่ชอบแม่เลี้ยงคนใหม่ แต่เด็กสองคนนี้ต่างออกไป พวกเขาเกือบจะขอร้องให้พ่อแต่งงานกับแม่เลี้ยงให้ได้

แน่นอนว่าแม่เลี้ยงคนนั้นต้องเป็นน้าบีของพวกเขาด้วย

สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณครอว์ฟอร์ดและคุณเบียงก้านั้น สาวใช้ไม่กล้าที่จะฟันธงว่าทำไมพวกเขาถึงแต่งงานกันไม่ได้ อาจจะเพราะคุณเบียงก้ารู้ว่าเธอเข้ากับครอบครัวที่ร่ำรวยของอีกฝ่ายไม่ได้ หรืออาจจะแค่เพราะเธอก็ไม่อยากกลายเป็นหุ่นเชิดที่ต้องแบกหน้ามาแต่งงานกับตระกูลที่มั่งคั่ง เธอคงไม่อยากเสี่ยงกับการที่จะถูกสามีนอกใจ

ถ้าหากต้องรักจนหมดหัวใจแต่เพียงฝ่ายเดียวในขณะที่อีกฝ่ายปฏิเสธ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่พวกเขาจะไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้

ในขณะที่สาวใช้ล้างจานและกำลังจะนำออกจากห้องพักของสาวใช้ไป เธอบังเอิญเห็นคุณครอว์ฟอร์ดเข้ามา เธอจึงหันไปทางให้เขา

“พ่อทำให้น้าบีกลัวอีกแล้วนะครับ!” บลองช์ตำหนิพ่อของตัวเองด้วยสายตาเย็นชา และขื่นขม

ลุคไปที่ห้องเพื่อไปเอากุญแจรถ เขาหันกลับมาแล้วกล่าว “น้าบีของลูกมัวกำลังง่วนอยู่กับการนัดบอดต่างหาก”

เด็กทั้งสองมองหน้ากันและกัน

"นัดบอดเหรอครับ? มันหมายความว่ายังไงเหรอ?"

"การนัดบอดคือการหาสามีค่ะ ตอนที่พวกเราไปอยู่บ้านลุงดอนนี่ย์ช่วงวันคริสต์มาสน่ะ ป้าลิลลี่เคยเล่าให้ฟังค่ะ ว่าเธอเคยทำมาแล้วเหมือนกัน” เรนนี่นึกขึ้นมาได้

บลองช์เกาศีรษะของ “แล้วว่าแต่พ่อล่ะครับ?”

เรนนี่ถอนหายใจ “น้าบีไม่ชอบพ่อนี่คะ”

เรนนี่โทษว่านี่เป็นความผิดของพ่อผู้ที่ไม่มีความพยายามมากพอ

บลองช์ต้องรับมือกับปูนปลาสเตอร์ที่หล่อจากขาหักปลอม ๆ ของเขาอย่างไม่หยุดหย่อนหลัง จากที่ถอดออกแล้ว เขาสวมรองเท้าแตะคู่เล็ก แล้ววิ่งลงไปข้างล่าง

รถเรนจ์โรเวอร์สีดำกำลังขับรถออกจากโรงรถไป ลุคก้มศีรษะลงเพื่อจุดบุหรี่ด้วยมือข้างหนึ่ง ในขณะที่อีกข้างจับที่พวงมาลัยพวงมาลัย เขากำลังจะขับรถออกไปในตอนที่เห็นลูกชายยืนอยู่หน้ารถ

บลองช์ขวางรถไว้ด้วยหน้าตาอันน่าสงสาร ทัศนคติของเขาเปลี่ยนไปแล้ว ทั้งยังบุ้ยปาก “พ่อครับช่วยพาน้าบีกลับมาได้ไหม? ผมรอมาห้าปีแล้ว ในที่สุดก็เจอผู้หญิงที่ผมอยากให้เธอเป็นแม่… ถ้าพ่อพาน้าบีกลับมาไม่ได้ พ่อก็ฆ่าผมด้วยรถคันนี้ได้เลย”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก