บลองช์ไม่อยากคุยกับพ่ออีกต่อไป เขาหยิบผ้าเช็ดตัวมาเช็ดผมให้เรนนี่ตอนเธอเล่นอยู่ริมสระอย่างมีความสุข
“ทำไมผมถึงได้เปียกขนาดนี้ล่ะ? เธอเป็นผู้หญิงนะ” บลองช์ถอนหายใจ นอกจากมีพ่อที่เข้มงวดแล้ว ยังมีพี่ชายที่แก่กว่าเธอเล็กน้อยทำหน้าที่เป็นเครื่องดุเธออยู่เสมอ
เขาก้มอยู่หน้าสระน้ำ เช็ดผมและหน้าตาของน้องสาวจนแห้งพลางสงสัยกับชีวิตอย่างจริงจังว่าถ้ามีแม่จะเป็นเรื่องง่ายกว่านี้มากขนาดไหน
ตั้งแต่ยังเป็นเด็ก บลองช์หวังเสมอว่าแม่จะกลับมาหาพวกตนทั้งสอง เขาได้แต่คิดว่าแม้ว่าแม่จะไม่ได้กลับไปหาพ่อ อย่างน้อยเธอก็น่าจะมาพบเขาและเรนนี่ในช่วงสุดสัปดาห์ เพียงแค่นั้นก็คงเพียงพอแล้วสำหรับเขา
แต่ตอนนี้มันแตกต่างออกไป บลองช์ไม่หวังให้แม่กลับมาหาพวกเขาอีกต่อไป เขาแค่หวังว่าพ่อจะแต่งงานกับน้าบีและทำให้เธอกลายมาเป็นแม่ของพวกเขาแทน
ด้วยวิธีนี้ เรนนี่อาจมีชีวิตช่วงวัยเด็กที่สวยงามเหมือนเด็กผู้หญิงคนอื่น ๆ
"อ่าว... อีวอนน์นี่?" มีคนถามและชี้ไปที่ประตูคฤหาสน์
บลองช์มองไปและเห็นรถสปอร์ตสีชมพูตรงเข้ามาในคฤหาสน์
หญิงวัยกลางคนซึ่งแต่งตัวฉูดฉาดเผยรอยยิ้มและพูดกับคนข้างเธอว่า “นี่คืออีวอนน์ของเราเอง ผ่านมากว่าหนึ่งสัปดาห์แล้ว ตั้งแต่เธอกลับจากเรียนต่างประเทศ เธอไม่มีแม้เวลาจะพักผ่อนก่อนเริ่มทำงานเลย เด็กคนนี้เริ่มงานตอนที่อายุน้อยกว่าฉันอีกนะ”
หลังจากคุณนายกิเดียนพูดจบ เธอก็ก้าวไปข้างหน้าเพื่อทักทายลูกสาวที่ลงจากรถ
อีวอนน์จอดรถและเหลือบมองผู้คนในคฤหาสน์ขณะที่เดินไปด้วยรอยยิ้ม เมื่อแม่เธอเดินเข้ามาหาเธอ เธอลดเสียงลงแล้วพูดว่า “เป็นบ้ารึไง? ชุดสีอย่างกับไปงานวัดกับสร้อยคือทรงคุณป้าแบบนี้นี่แต่งออกจากบ้านได้ไง?! เดี๋ยวใครเขาเห็นเข้าจะคิดว่าแกเป็นผู้ดีตีนแดงเพิ่งเข้าเมืองกรุงเป็นครั้งแรกหรอก แล้วไอ้ที่ฉันเคยเอานิตยสารแฟชั่นให้แกดูเนี้ยมันไม่มีความหมายเลยใช่ไหม?!”
คุณกิเดียนรู้สึกอับอายขายหน้า “หนูแต่งตัวเป็นน่ะแม่ มาบอกว่าหนูแต่งตัวไม่เป็นนี่จะหยามหนูเหรอ?”
“ยังไงก็เถอะค่ะ ไม่ต้องพูดอะไรต่ออีก หนรู้ว่าแม่จะต้องทำให้หนูขายขี้หน้าแน่” อีวอนน์กัดฟันพูดกับแม่ เธอเปลี่ยนสีหน้าและเดินไปหาป้า เธอยิ้มและกอดป้า แล้วกระซิบเบา ๆ ว่า “คุณป้าคะ ดูสาวขึ้นอีกปีแล้วนะคะเนี้ย แทบจำไม่ได้เลย”
“หลานสาวคนนี้นี่ปากหวานจริง ๆ รู้ว่าจะต้องพูดจายังไงให้ผู้หญิงมีความสุขได้” ป้าของเธอยิ้มกว้างมากจนเห็นร่องแก้มชัดเจน “ป้าได้ยินจากแม่เธอว่าเธอเริ่มทำงานแล้วเหรอ?”
“ใช่ค่ะ หนูมีงานทำแล้วค่ะ” อีวอนน์มองไปรอบ ๆ ก่อนจะพูดอย่างเขินอาย "ที่บริษัท ที คอร์ปอเรชั่นค่ะ"
ถึงแม้ลุคจะนั่งเงียบ ๆ และมองดูลูกแฝดทั้งสองอย่างใจเย็นตั้งแต่ตอนแรก แต่นั่นก็ยังเพียงพอที่จะดึงดูดความสนใจของผู้คน
ผู้หญิงที่ร่ำรวยหลายคนจ้องมองลุคตั้งแต่แวบแรก ทั้งยังกระเหี้ยนกระหือรือที่จะเข้าใกล้ลุคให้มากขึ้น แต่อย่างไรก็ยังรู้สึกประหม่าเกินกว่าจะเข้าใกล้ได้
ป้าของอีวอนน์เห็นอีวอนน์จ้องลุค เธอก็ปะติดปะต่อเรื่องเข้าด้วยกันตอนที่รู้ว่าอีวอนน์เริ่มทำงานในบริษัท ที คอร์ปอเรชั่นทันทีหลังจากกลับจากต่างประเทศ
“วอนน์ หนูโชคดีมากเลยนะ บริษัท ที คอร์ปอเรชั่นมีชื่อเสียงมาก ป้ารอคำเชิญไปงานแต่งงานของหนูอยู่นะ” ผู้หญิงคนนั้นตบไหล่อีวอนน์
อีวอนน์พยักหน้าอย่างอ่อนหวานซึ่งหมายความว่าป้าของเธอเดาเหตุการณ์ได้ถูกต้อง
คนรวยและมีอำนาจไม่เคยใส่ใจที่จะปกปิดเรื่องซุบซิบนินทาสักเท่าไหร่ อีวอนน์หลงรักคุณครอว์ฟอร์ด เจ้านายใหญ่ผู้โด่งดังมาระยะหนึ่งแล้ว
เมื่อถึงเวลาอาหารเย็น เรื่องซุบซิบของลุคและอีวอนน์กลายเป็นเรื่องเกินจริงมากยิ่งขึ้นเรื่อย ข่าวลือนี้แพร่กระจายออกไปว่า "ลุค ครอว์ฟอร์ดพยายามจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้แต่งงานกับอีวอน กิเดียน"
เมื่อเศรษฐีสาวอีกคนหนึ่งได้ยินข่าวลือนี้ เธอพูดด้วยความประหลาดใจว่า "อีวอนน์งั้นหรอ? ฉันว่าเธอดูไม่เห็นจะสวยตรงไหนเลย ถ้าเทียบกับลูกสาวสุดสวยและน่ารักของฉัน!"
“ถึงลูกสาวเธอจะสวยงามแค่ไหน แต่ระหว่างอายุหญิงสาววัย 27 กับเด็กสาววัย 19 ปี เธอคิดว่าผู้ชายจะเลือกใครกันล่ะ?” คนที่บอกข่าวลือกับเธอนั้นถามก่อนจะพูดต่อ
เมื่อหญิงสาวอายุ 27 ปีได้ยินเช่นนั้น เธอก็พูดไม่ออก เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ขณะถือแก้วไวน์ “แล้วไง? แค่เพราะว่าอีวอนน์ยังสาวอยู่ เธอก็เลยได้แต่งงานกับครอบครัวครอว์ฟอร์ดได้งั้นสินะ? อยากเห็นความพยายามของเธอจริง ๆ”
ในระยะห่างนั้น อีวอนน์ กิเดียน ตัวละครหลักของข่าวลือ พยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อเอาอกเอาใจบลองช์และเรนนี่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก