ลุคขมวดคิ้วด้วยท่าทางที่สง่า ชายหนุ่มดูอารมณ์เสียอยู่เล็กน้อย เบียงก้ารู้ดีว่าทำไมเขาถึงอารมณ์เสีย
“ช่วยให้เกียรติกันหน่อยจะได้ไหม?” เบียงก้าพยายามสะบัดแขนของเธอออก เธอไม่ต้องการถูกเขาสัมผัสอีกต่อไป
แต่เธอไม่คิดว่าชายผู้นั้นจะจับข้อมือของเธอแน่นขึ้นอีก
สายตาที่เย็นเยียบและล้ำลึกของลุคจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเธอ “ผมจะให้เกียรติคุณได้ยังไง? หรือคุณต้องการให้ผมเรียกคุณว่าลูกพี่ลูกน้องของผมอย่างนั้นเหรอ?”
ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่เย้ยหยันและเย็นชา
เบียงก้าเหนื่อยกับคำพูดเหล่านั้น “ถ้าจะเรียกแบบนั้น ฉันก็ไม่รังเกียจรังงอนอะไรหรอกนะ”
ราวกับว่าชายผู้นั้นกำลังจะหักข้อมือของเธอ ในเวลานั้นคุณปู่พูดขึ้นว่า “บี หนูยังเก็บกระเป๋าให้พ่อหนูลานี่ไม่เสร็จเหรอลูก?”
เบียงก้าไม่ได้ตอบคำถามของคุณปู่ เธอรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดบริเวณข้อมือ ถ้าหากว่าเขาไม่ปล่อยมือออก ข้อมือของเธออาจจะหักได้
อารมณ์คุกรุ่นของลุคพุ่งผ่านดวงตาที่หม่นหมองของเธอ เธอก้มหน้าลงและกัดฟันอย่างอดทน ในไม่ช้า เธอก็หลุดพ้นจากมือของเขา...
“บอกลาคุณตาทวดสิ” ลุคไม่แสดงสีหน้าใด ๆ ในขณะที่เขาบอกลูกชายเมื่อเดินไปถึงที่ประตู
เด็กชายจับมือพ่อและหันหน้ามาโบกมืออีกข้างหนึ่งให้กับคุณปู่ “ลาก่อนครับคุณตาทวด พักผ่อนให้เยอะ ๆ นะครับ เดี๋ยว…พรุ่งนี้ผมจะมาหาคุณอีก...”
“ได้เลยลูก พรุ่งนี้เจอกันนะพ่อหนู” ชายชราบอกเด็กชาย
จากนั้น เด็กชายก็ถูกพ่อพาออกจากวอร์ดไป
ก่อนที่ประตูวอร์ดจะปิดลง เด็กชายหันหลังกลับไปมองน้าบี แต่เขาก็ไม่เห็นว่าน้าบีเดินตามออกมา เขายังคงมองหาเธอต่อไป “พ่อครับ ผมคิดว่าน้าบีกำลังแอบไปร้องไห้”
ลุคตอบคำถามของเด็กชายในขณะที่เขาเดินต่อไปโดยไม่สนใจ “ลูกแค่ตาฝาด”
เด็กชายยืนกรานว่า “เปล่านะ ตาไม่ได้ฝาด...”
ชายผู้นั้นขมวดคิ้ว
...
เบียงก้าคิดว่าคุณปู่จะถามเธอว่า ทำไมอยู่ ๆ เธอถึงนึกสนใจเรื่องความแตกต่างระหว่างภูมิหลังของสองครอบครัวหรือทำไมพวกเขาถึงเลิกกันกะทันหัน ทั้งที่ก่อนหน้านี้ทุกอย่างดำเนินไปเป็นอย่างดี
แต่คุณปู่ไม่ได้ถามอะไรเธอเลย
คุณปู่ที่นอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลไม่ได้แสดงท่าทางที่เป็นกังวลหรือขมวดคิ้ว เพราะเขาไม่ต้องการกดดันหลานสาวของตัวเองเลย
เบรย์เดนส่งข้อความถึงเธอ
หลังจากอ่านข้อความแล้ว เธอก็เดินเข้ามาจัดแจงผ้าห่มให้คุณปู่อีกครั้ง เธอห่มผ้าห่มให้เขาก่อนจะเดินออกไปอย่างเงียบ ๆ…
เบรย์เดนอยู่ตรงทางเข้าของโรงพยาบาล
เมื่อเบียงก้าเดินเข้ามา เขาก็ถามด้วยความเป็นห่วง “คุณมาเยี่ยมใครเหรอ? คนในครอบครัวของคุณเองรึเปล่า?”
“ใช่ค่ะ คุณปู่ของฉันเอง” เบียงก้าไม่ได้ปิดบังเขา
“เราไปหาอะไรดื่มกันหน่อยไหม?” เบรย์เดนชี้ไปที่ร้านกาแฟที่อยู่ด้านนอกโรงพยาบาล
เธอพยักหน้า เธอเองก็ต้องการนั่งลงและพูดคุยกับเขาต่อ
พวกเขามาถึงที่ร้านกาแฟ
เบรย์เดนสั่งกาแฟสองแก้ว เนื่องจากพวกเขาเคยรับประทานอาหารร่วมกันมาก่อน ดังนั้น เขาจึงรู้ว่าเธอชอบอะไร
หลังจากที่ผ่านไปครู่หนึ่ง กาแฟของพวกเขาก็ยังไม่ถูกเสิร์ฟ
ในระหว่างนั้น เบรย์เดนถามเธอว่า "ทำไมคุณปู่ของคุณถึงมาอยู่ที่โรงพยาบาลล่ะ?"
“ก็แค่อาการทั่ว ๆ ไปของคนที่มีอายุแล้วน่ะ อีกไม่กี่วัน ท่านก็กลับบ้านได้แล้ว” เบียงก้าไม่ต้องการบอกเขาว่าคุณปู่ของเธอถูกลักพาตัวและได้รับบาดเจ็บ เพราะเบรย์เดนอาจจะรู้สึกเป็นกังวล
เบรย์เดนพยักหน้าแสดงความเข้าใจ เขาไตร่ตรองคำพูดของเธออย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอบอกว่า ‘อาการทั่ว ๆ ไปของคนที่มีอายุแล้ว'…
เขาก็เงยหน้าขึ้นและถามเธอว่า “คุณดูแลเขาแค่คนเดียวเหรอ? พ่อแม่ของคุณไม่อยู่ด้วยหรอกเหรอ?”
ในเวลานั้น กาแฟก็ถูกเสิร์ฟ
พนักงานเสิร์ฟวางกาแฟลง และเดินออกไป
“พ่อฉัน” เบียงก้ากดนิ้วมือลงบนถ้วยกาแฟราวกับว่าเธอรู้สึกด้านชาต่อความร้อน “พ่อของฉันก็รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลด้วยเหมือนกัน ส่วนแม่ เธอทิ้งพ่อกับฉันไปตั้งแต่ฉันลืมตาขึ้นมาดูโลกน่ะ”
กาแฟที่แตะเข้าที่ริมฝีปากของเบรย์เดนต้องหยุดชะงักลง
หลังจากที่ทราบอาการของเควินแล้ว เบรย์เดนก็เงียบไปครู่หนึ่ง
ในไม่ช้า เขาก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง
ในที่สุด เบรย์เดนก็ลุกขึ้นและเดินจากไป เบียงก้านั่งอยู่คนเดียวเป็นเวลานาน หลังจากที่ลูกค้าภายในร้านออกไปเกือบหมดแล้ว เธอจึงตั้งสติและเดินออกไป
เธอคิดว่าการเลิกราเป็นการตัดสินใจที่ดี บางที พวกเขาไม่ควรคบหาดูใจกันตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ
…
เช้าวันรุ่งขึ้น
เมื่อเบียงก้าเก็บอาหารเช้าให้คุณปู่เสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอก็ออกไปทำงาน
เธออยู่บนรถไฟใต้ดิน ไม่นานโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น
สายเรียกเข้าจากหมายเลขที่เธอไม่รู้จัก
“สวัสดี? นั่นใช่เบียงก้ารึเปล่า?”
เสียงของผู้หญิงดังจากปลายสาย
“สวัสดีค่ะ เบียงก้าพูดสายอยู่” ภายในรถไฟใต้ดิน ที่นั่งมักจะเต็มอยู่เสมอ ดังนั้นเธอจะต้องยืนและจับราวให้แน่น
“ฉันคือแม่ของเบรย์เดน ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอหน่อย”
เบียงก้าตกใจมาก “พูดมาได้เลยค่ะ คุณนายคอลลินส์...”
“เมื่อคืนนี้ เบรย์เดนกลับมาบ้านดึกแถมยังเมาแอ๋กลับมาอีก เบรย์เดนไม่เคยทำเรื่องแบบนี้มาก่อน ฉันกับพ่อของเขาจึงถามว่าทำไมเมาไม่ได้สติขนาดนี้ เพราะการดื่มเหล้าเบียร์ในบางครั้งก็ทำให้คนเราพูดความจริง และเขาก็พูดความจริงออกมาตามคาด”
คุณนายคอลลินส์ไม่ใช่คนที่มีอำนาจอะไร แต่เธอจำเป็นจะต้องพูดอะไรบางอย่างเมื่อเธอได้รู้เกี่ยวกับสถานการณ์ภายในครอบครัวของเบียงก้าที่เธอไม่สามารถยอมรับได้ ในฐานะแม่ของเบรย์เดน เธอไม่รู้ว่าเบรย์เดนกำลังคิดอะไรอยู่ แต่เขายังเป็นเด็กและเขาก็มีจิตใจที่ดีและบริสุทธิ์
“พ่อของเบรย์เดนกับฉันคิดว่า พวกเธอทั้งสองคน...ควรจะเลิกกัน!
“ฮัลโหล? แม่หนูเรย์น นี่เธอฟังฉันอยู่รึเปล่า?” แม่ของเบรย์เดนเอ่ยถามอย่างเป็นกังวล
บางครั้ง สัญญาณภายในรถไฟใต้ดินก็จะขาดหายไปบ้าง ดังนั้น เบียงก้าจึงไม่รู้ว่าแม่ของเบรย์เดนกำลังพูดอะไร เมื่อเบียงก้ากำลังจะตอบ แต่ดูเหมือนว่าแม่ของเขาจะไม่ได้ยินในสิ่งที่เธอพูด
หลังจากนั้นไม่นานเมื่อสัญญาณดีขึ้น เบียงก้าจึงได้ยินเสียงแม่ของเบรย์เดนจากปลายสายที่พูดด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว “นี่เธอหมายความว่ายังไง? เธอคิดว่าคำพูดของฉันไม่มีความหมายอย่างนั้นเหรอ? แม่หนูเรย์น เธอควรจะคิดไตร่ตรองเรื่องนี้ให้ดีนะ เธอไม่ควรจะเอาเปรียบเบรย์เดน ถึงแม้ว่าจะหาเงินได้มากและมีเงินเก็บเยอะแยะ แต่เขาไม่มีปัญญาจ่ายค่ารักษาให้กับพ่อที่กำลังจะตายหรือปู่ที่กำลังป่วยของเธอได้หรอกนะ อย่าทำตัวเป็นปลิงเกาะชาวบ้าน เธอควรไปหาคนอื่นเถอะ!”
หลังจากพูดจบ แม่ของเบรย์เดนก็วางสายไป
การโทรสิ้นสุดลง
ในเวลานั้น รถไฟก็มาถึงยังสถานีที่ใกล้กับบริษัทของเธอ
มันเป็นย่านใจกลางเมืองและคนส่วนใหญ่ก็ลงที่สถานีนี้ เบียงก้าเหม่อลอยพลางครุ่นคิดถึงสิ่งที่แม่ของเบรย์เดนพูด เธอจึงเบียดประตูเพื่อเดินออกมาจนกระดุมเสื้อของเธอหลุดโดยไม่ตั้งใจ
เมื่อเธอออกจากสถานีรถไฟใต้ดินได้แล้ว โทรศัพท์ของเธอก็ได้รับการแจ้งเตือนเข้ามามากมาย
เพื่อนร่วมชั้นของเธอที่ได้พบกันก่อนหน้านี้ส่งข้อความถึงเธอว่า 'บี เธอกำลังหางานพาร์ทไทม์ทำอยู่ใช่เปล่า? ฉันมีงานพาร์ทไทม์ที่เขารับคนเพิ่มพอดี เธออยากมาทำกับฉันไหม? อย่างน้อยเราก็จะได้ทำงานเป็นเพื่อนกัน!
'เงินเดือนขั้นพื้นฐานคือ 300 ดอลลาร์ต่อคืนนะ ยิ่งเธอขายได้มากเท่าไร เธอก็จะได้รับค่าคอมมิชชั่นมากขึ้นเท่านั้น แต่เราอาจจะขายยากนิดหน่อย...
‘[รูปภาพ] สินค้าตัวนี้แหละ เธอคิดดูให้ดีว่าเธอโอเคกับมันรึเปล่า เราสามารถลองไปโปรโมตภายในสถานบันเทิงดูก่อนได้ เธอสบายใจได้เลยเพราะว่าสถานบันเทิงแห่งนี้ คุณลุงของเพื่อนฉันเป็นคนดูแลอยู่ เธอมั่นใจได้เลยว่าจะไม่มีผู้ชายแปลก ๆ เข้ามาหาเธอแน่นอน อ่านแล้วก็ช่วยตอบกลับด้วยนะ บาย~'
หลังจากที่เบียงก้าได้อ่านข้อความแล้ว เธอจึงตอบกลับไปว่า 'ขอโทษนะ พอดีเมื่อกี้ฉันอยู่ในรถไฟใต้ดินและเพิ่งจะหลุดออกมาได้'
'เธออยากทำงานพาร์ทไทม์นี้กับฉันไหม?' เพื่อนร่วมชั้นหญิงถาม
เบียงก้าลังเลขณะจ้องมองไปที่คำว่า ดูแร็กซ์ ซึ่งลอกเลียนแบบถุงยางอนามัยดูเร็กซ์ ถึงกระนั้น เธอกำลังต้องการเงิน และสำหรับเธอ ไม่ว่าจะขายอะไรก็ตาม อย่างไรเสียมันก็ยังเป็นการขาย การขายถุงยางอนามัยจะทำให้ผู้ใหญ่มีเซ็กส์อย่างมีความรับผิดชอบ และยังเป็นการแสดงความเคารพต่อร่างกายของผู้หญิงอีกด้วย
'ส่งเวลาและสถานที่มาให้ฉันทีนะ' เบียงก้าตอบ
หลังจากตอบข้อความแล้ว เธอก็เงยหน้าขึ้นมองที่สัญญาณไฟจราจรบนทางม้าลายที่เปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีเขียว
ขณะกำลังจะข้ามถนน เธอก็ต้องหยุดชะงักด้วยดวงตาที่เบิกกว้างในทันที...
ใครบางคนเดินออกมาจากสถานีรถไฟใต้ดินและอยู่ห่างจากเธอเพียงแค่สิบเมตร! เธอคือ เฟย์ โทมัส ผู้ที่ช่วยดูแลเธอในระหว่างที่เธอคลอดลูกให้กับเจ้านายคนนั้นเมื่อห้าปีก่อน!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก