“ดูสิ! นั่นวอลเตอร์ ลองก์ไม่ใช่เหรอ?”
เพื่อนร่วมงานหญิงมองไปที่โต๊ะที่เบียงก้านั่งอยู่ขณะกำลังรับประทานซุปอยู่ที่อีกโต๊ะหนึ่ง เธอกะพริบตาและเงยหน้าขึ้นอย่างไม่เชื่อสายตาพลางเอ่ยถามเพื่อนร่วมงานที่อยู่ที่โต๊ะเดียวกัน
เพื่อนร่วมงานของเธอมองไปในทิศทางเดียวกัน จากนั้นพวกเขาก็เบิกตากว้าง “นั่นใช่วอลเตอร์ ลองก์จริง ๆ ด้วย…”
ไม่เพียงแต่โต๊ะของพวกเขาจะพูดถึงเธอ แต่ที่โต๊ะอื่น ๆ ก็พูดถึงเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
ในอีกโต๊ะหนึ่ง ผู้หญิงที่ชื่นชอบเขารีบหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วแอบถ่ายรูปวอลเตอร์เอาไว้ เธอกล่าวว่า “ปีที่แล้ว ชาวเน็ตกล่าวว่าเขาเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ชายที่ฮอตที่สุดภายในประเทศ ในที่สุดฉันก็ได้เจอเขาในวันนี้ เขาช่างหล่อเหลาอะไรเช่นนี้นะ”
ถึงแม้ว่าจะไม่เกิดความโกลาหลขึ้น แต่ก็ยังได้ยินเสียงของผู้หญิงพูดคุยกันภายในโรงอาหาร
หลังจากที่เบียงก้าได้ฟังสิ่งที่วอลเตอร์พูด เธอก็ได้รับประโยชน์มากมายจากเขา
คำพูดของทนายความมีความชัดเจนและรัดกุมมาก และคำพูดของเขาก็ยังเข้าใจได้ง่ายเช่นกัน
วันนั้นในช่วงค่ำ เบียงก้าขึ้นรถของซาเวียร์ที่ทางเข้าสถานีรถไฟใต้ดินไปและถูกบังคับให้จดทะเบียนสมรส แต่เธอก็ยินยอมโดยไม่คิดอะไรมากนัก
และเธอก็ยังคงรอดชีวิตมาได้หลายปี
และอีกเรื่องหนึ่งที่เธอได้ให้กำเนิดลูกกับคนคนหนึ่งเพื่อการรับบริจาคตับให้พ่อและค่ารักษาพยาบาล แล้วทำไมเธอถึงจะต้องกลัวจะแต่งงานกับใครสักคนด้วยเล่า?
เพราะอย่างไร ชีวิตของเธอตกอยู่ในความโกลาหลอยู่แล้ว
ในบางครั้ง เบียงก้าเองก็คร่ำครวญถึงความไม่ยุติธรรมของชีวิตและโชคชะตา เธอเพียงแค่คิดว่าเธออาจทำสิ่งเลวร้ายมากมายในชาติที่แล้ว ดังนั้นชีวิตของเธอจึงน่าเวทนาเช่นนี้
แต่เธอก็จะต้องอดทนและก้าวผ่านอุปสรรคเหล่านี้ไปให้ได้
และชีวิตที่น่าเวทนานี้มันก็จะต้องมีวันที่สิ้นสุดลงเช่นกัน
เมื่อเธอจดทะเบียนสมรสแล้ว เบียงก้าจึงตัดสินใจว่าเธอจะหาทนายความมาเพื่อดำเนินเรื่องขอหย่าในวันรุ่งขึ้นในทันที
กระบวนการนี้อาจเป็นเรื่องยากเช่นเดียวกับการฝ่าฟันอุปสรรคในชีวิต แต่ในที่สุด เธอก็มองเห็นแสงสว่างของการหย่าร้าง
แต่เนื่องจากสุขภาพของคุณปู่เธอ เธอจึงดำเนินเรื่องการจัดหาทนายความได้ล่าช้า..
เธอไม่เคยรู้เลยว่าลุคได้มอบแสงสว่างให้กับเธอ อีกทั้งยังได้จัดหาทนายพิเศษให้กับเธออีกด้วย...
วอลเตอร์ไม่ใช่ทนายที่หยิ่งผยอง และเมื่อเขากำลังหิว เขาจึงมารับประทานอาหารกลางวันที่โรงอาหารของบริษัท ที คอร์ปอเรชั่น
เขาได้พูดคุยกับเบียงก้าตลอดมื้ออาหาร
“ฉันคิดว่ามันคงจะไม่ใช่เรื่องยากในการหย่าร้างของฉันใช่ไหมคะ? เมื่อไหร่ที่ฉันจะตัดสัมพันธ์ทั้งหมดกับเขาได้?” แก้วน้ำมะนาวรสชาติไม่หวานวางอยู่ข้าง ๆ แต่เธอไม่ได้ดื่มมัน
วอลเตอร์กล่าวว่า “กะหล่ำดอกออร์แกนิกที่นี่ก็ไม่เลวเหมือนกันนะ คุณน่าจะลองทานมันดูบ้าง อันที่จริงแล้ว สำหรับผมไม่มีการแต่งงานใดที่ยากต่อการหย่าร้างหรอก แต่ในระหว่างกระบวนการนี้ ศาลจะไม่อนุมัติคำขอในการขอหย่าของคุณทันทีเมื่อคุณต้องการ คุณจะต้องดำเนินเรื่องผ่านกระบวนการทางกฎหมายทั้งหมดก่อนเช่นกัน”
หลังจากที่วอลเตอร์ดื่มน้ำแล้วเขาก็พูดต่อ “เนื่องจากว่าคุณต้องการหย่า แต่คุณทั้งคู่ไม่ได้มีลูกร่วมกัน ดังนั้น มันจึงไม่ยากในการดำเนินเรื่องและจะไม่มีปัญหาในเรื่องส่วนแบ่งของทรัพย์สิน แต่ถ้าหากคุณสามารถตัดสินเรื่องนี้นอกศาลได้ มันก็จะทำให้คุณประหยัดเวลาได้มากขึ้น”
เบียงก้าเข้าใจ
หลังจากที่วอลเตอร์รับประทานอาหารกลางวันเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็โทรหาลุคก่อนจะเดินออกไป
เบียงก้าคิดว่า เธอควรจะเดินไปส่งวอลเตอร์ด้วยความสุภาพและความขอบคุณ
หลังจากเข้าไปในลิฟต์ของโรงอาหารแล้ว เบียงก้าก็กดปุ่มลิฟต์เพื่อลงไปยังชั้นล่าง เธอยืนอยู่ตรงข้ามกับวอลเตอร์
ลิฟต์กำลังลงมาที่ชั้นล่าง
วอลเตอร์ยิ้มและคุยโทรศัพท์กับชายปลายสายว่า “พูดจริงเหรอ? ไอ้เรื่องที่คุณกังวลว่าพนักงานหญิงของคุณจะไม่สามารถจ่ายค่าที่ปรึกษาราคาแพงของผมได้? คุณก็เลยช่วยเธอเพราะความใจดีของคุณอย่างนั้นเหรอ คุณครอว์ฟอร์ด?
“ผมไม่ได้เป็นเจ้าของศาลนะ เพราะฉะนั้น เราเองก็ยังต้องดำเนินการผ่านกระบวนการทั้งหมดก่อน มันก็เหมือนกับการที่คุณตกหลุมรักผู้หญิงคนหนึ่งและคุณก็ยังจะต้องพยายามเพื่อเอาชนะใจเธอให้ได้ ผมพูดถูกไหม? และถ้าเราไม่ทำเช่นนั้น เราก็จะไม่ประสบความสำเร็จหรอก”
ลิฟต์ลงมาถึงที่ชั้นสิบ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก