เบียงก้ายุ่งอยู่ในครัว
เธอได้ยินเสียงเด็กทั้งสองคนกำลังเล่นอยู่ในห้องนั่งเล่น ผ่านไปครู่หนึ่ง หลังจากที่เรนนี่กรีดร้องเบา ๆ ไม่นานบรรยากาศก็เงียบลง
เบียงก้าจึงหยุดหั่นผักและเดินออกไปดูเธอนั่งลงและเอามือของเรนนี่ที่กำลังขยี้ตาออก "เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า?"
“หนูเผลอเอามือไปจิ้มตาตัวเองค่ะ” เรนนี่กล่าวอย่างไร้เดียงสา
เธอทำให้น้าบีเป็นกังวล!
"เจ็บรึเปล่าคะ? ไหนขอดูหน่อยสิ?” เบียงก้ามองดูเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง เธอเป่าตาเรนนี่เบา ๆ
เรนนี่พูดอย่างอ่อนโยน “พอน้าบีเป่าให้แล้ว หนูก็หายปวดเลยค่ะ”
เมื่อเธอเห็นว่าเด็กหญิงตัวน้อยไม่เจ็บแล้วก็ยิ้มอย่างอบอุ่น เธอลูบหัวเด็กหญิง “ถ้าอย่างนั้นเป็นเด็กดีและทำการบ้านกับลานี่นะ เดี๋ยวเราก็จะได้ทานอาหารกันแล้ว”
เรนนี่พยักหน้า
บลองช์หยิบกระเป๋าของเขาออกมาแล้วเปิดออกเพื่อค้นหาดินสอและหนังสือ จากนั้นเขาก็เริ่มทำการบ้านกับน้องสาวตัวเล็ก
เด็กทั้งสองต่างก็โหยหาความรักจากแม่ ดังนั้น พวกเขาจึงกลัวจะทำผิดพลาด พวกเขากลัวจะสูญเสียน้าบีที่เป็นเหมือนแม่ของพวกเขาไป
อาวุธเดียวที่พวกเขาสามารถใช้ได้คือการเชื่อฟังและทำตัวให้น่ารัก
เบียงก้ากลับมาที่ห้องครัวอย่างไร้กังวลหลังจากเห็นเด็กทั้งสองคนทำการบ้านอย่างว่าง่าย
การทำอาหารไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้เธอมีความสุข แต่การทำอาหารให้เรนนี่และลานี่ทานต่างหากที่เป็นความสุขของเธอ
"ให้ผมช่วยอะไรไหม?" เสียงต่ำของผู้ชายดังขึ้นจากด้านหลัง
หลังจากถอดรองเท้าส้นสูงแล้ว เบียงก้าก็ตัวเล็กลงไปเหลือเพียงห้าฟุตสีนิ้วเท่านั้นเมื่อเปรียบเทียบกับลุคซึ่งสูงหกฟุตสองนิ้ว ความแตกต่างเรื่องส่วนสูงของพวกเขานั้นชัดเจนมาก ซึ่งทำให้เธอดูตัวจ้อยไปเลยก็ว่าได้
เบียงก้าต้องการปฏิเสธ แต่นิ้วมือที่เรียวยาวของชายคนนั้นได้เอื้อมไปหยิบมันฝรั่งที่เธอกำลังจะปอกมาไว้ในมือแล้ว
ทุกคนที่รู้จักลุคอาจจะกำลังคิดว่า ชายโสดที่มีสิทธิ์เลือกอย่างเขาจะต้องมีรสนิยมที่สูงส่ง
เขาจะต้องเป็นชายหนุ่มที่มีผู้หญิงมากมายต้องการเข้าหาและเสนอตัวให้กับเขา เขาจะต้องมีผู้หญิงสวยทุกประเภทอยู่ในอ้อมแขนของเขา
มิฉะนั้น ชีวิตของเขาก็คงอาจไม่มีอะไรน่าสนใจไปเลยก็ได้!
แต่ใครจะรู้ว่าประธานแห่งที คอร์ปอเรชั่น สถาปนิกนักออกแบบอันดับหนึ่งของประเทศ และเจ้านายที่มีสถานะสูงกว่าหัวหน้าฝ่ายทั้งหมดในที คอร์ปอเรชั่นจะปอกเปลือกมันฝรั่งอยู่ในอพาร์ตเมนต์ห้องเช่าที่มีความกว้างไม่ถึง 60 ตารางเมตร
ถึงแม้ว่าเบียงก้าจะไม่ได้คิดเหมือนผู้หญิงคนอื่น ๆ แต่เธอก็ยังประหลาดใจเป็นอย่างมากกับภาพที่เธอได้เห็น
“ฉันคิดว่า…ฉันทำเองดีกว่าค่ะ” เบียงก้ามองดูเขาจากอีกด้านหนึ่ง เธอไม่ได้ไปทำอย่างอื่นเพราะรู้สึกแปลก ๆ ที่เห็นเจ้านายกำลังปอกเปลือกมันฝรั่งอยู่ตรงหน้า
“ผมพาครอบครัวมาทานอาหารที่บ้านของคุณ ผมกลัวว่าคุณจะบ่นถ้าผมไม่ช่วยอะไรเลยสักนิด” ชายคนนั้นจดจ่ออยู่กับการปอกเปลือกมันฝรั่ง
บางทีมันฝรั่งอาจจะไม่สามารถทนต่อการทรมานจากลุคได้ มันจึงหลุดออกจากมือของเขาจนที่ปอกบาดมือเขา
ดวงตาของเบียงก้าเบิกกว้าง เธอไม่รู้ว่าจะไปเอาชุดปฐมพยาบาลจากห้องนั่งเล่นหรือเปิดก๊อกน้ำให้เขาล้างแผลก่อนดี
“ทำไมคุณถึงประมาทแบบนี้? ฉันบอกแล้วว่าฉันจะทำเองได้…” เบียงก้าให้เขาล้างแผลด้วยตัวเอง เธอพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว และเดินไปหยิบชุดปฐมพยาบาลเข้าไปในครัว
เลือดถูกชะล้างด้วยน้ำจนหมด ก่อนที่เลือดจะไหลออกจากบาดแผลของเขาอีกครั้ง
หลังจากที่เบียงก้าใส่ยาบนบาดแผลแล้ว เธอก็นำผ้ามาพันแผลให้ลุคอย่างระมัดระวัง
ลุคไม่ได้รู้สึกเจ็บแม้แต่น้อยในระหว่างขั้นตอนทั้งหมดที่เธอทำแผลให้เขา เขามองดูผู้หญิงตัวเล็กกว่าเขา ขณะที่เธอพึมพำถึงความประมาทของเขาและดูแลบาดแผลให้อย่างอบอุ่น
เบียงก้าพึมพำอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากสงบลงแล้ว เธอก็ตระหนักได้ว่าบางทีเธออาจจะเป็นห่วงเขามากเกินไป
ทันใดนั้น บรรยากาศระหว่างคนสองคนก็อบอวลไปด้วยกลิ่นแห่งความรัก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก