พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก นิยาย บท 196

ในตอนที่เจสันได้รับข้อความจากซูนั้น เขากำลังรอลูกทั้งสองคนของเจ้านายอยู่ที่หน้าโรงเรียน

“คุณลุงดอยล์!” เรนนี่วิ่งออกจากประตูเข้าไปในอ้อมแขนของเจสัน

เจสันอุ้มเจ้าหญิงตัวน้อยด้วยแขนข้างหนึ่ง จับมือเจ้าชายตัวน้อยด้วยมืออีกข้าง แล้วจึงเดินไปที่รถ

“เมื่อไหร่พ่อจะมารับเราจากโรงเรียนอีกล่ะครับ คุณลุงดอยล์” ลานี่ถามคำถามที่ฟังดูไม่มีนัยอยู่เลย

ตัวเขาและน้องสาวรู้ดีว่าพ่อยุ่งมากแค่ไหน ในบางครั้งที่พ่ออยู่ที่บ้านซึ่งก็เรียกได้ว่านับครั้งได้เลย เขาก็มักจะห่างเหินและหงุดหงิดง่ายอยู่ตลอด ณ ตอนนี้เด็ก ๆ จึงรู้ว่าพวกตนเหมือนไม่มีพ่อให้พึ่งพิงเลย

เดี๋ยวนี้พ่อเริ่มให้ความอบอุ่นกับพวกเขามากขึ้นแล้ว แต่เขากลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยได้สองสามวันมาแล้ว

ในตอนที่เจสันพาเรนนี่เข้าไปในรถ เธอได้ยินสิ่งที่พี่ชายพูด ก่อนหันมองเจสันเพื่อรอคำตอบอย่างไร้เดียงสา

หลังจากเด็กสองคนนั่งอยู่ในรถแล้ว เจสันก็เอ่ยอย่างจริงจังว่า “ตอนนี้คุณพ่อพวกคุณหนูยุ่งมาก ๆ เลยล่ะครับ และคุณพ่อทิ้งงานมาไม่ได้ เดี๋ยวลุงดอยล์จะถามเขาให้นะว่าเขาจะว่างมารับคุณหนูกับนายน้อยที่โรงเรียนเมื่อไหร่”

เจสันปิดประตูรถเบนท์ลีย์และนั่งลงบนเบาะคนขับ

เจสันสตาร์ทรถและขับไปที่คฤหาสน์ครอว์ฟอร์ด เขายังส่งข้อมูลที่ได้รับจากซูไปให้เจ้านายของเขาด้วย

สิบนาทีต่อมา เจสันได้รับคำสั่งใหม่

เด็กสองคนในรถสังเกตเห็นว่าเจสันขับรถไปตามถนนที่แปลกตา

“เราไม่ได้กำลังจะกลับบ้านกันเหรอครับ คุณลุงดอยล์?” ลานี่ยืนเขย่งเท้าในรถ เขาเอนตัวออกไปมองนอกหน้าต่าง

'เราจะได้ไปหาน้าบีรึเปล่านะ? เยี่ยมไปเลย!'

“เดี๋ยวลุงจะพาเราไปหาพ่อนะครับ”

ณ เมืองเล็ก ๆ

เบียงก้า ทำความสะอาดจานและชามอย่างเสียไม่ได้ ก่อนทิ้งไว้ให้แห้ง

จากการซุบซิบกัน เพื่อนร่วมงานที่นั่งกันอยู่ในสนามหญ้าหน้าบ้านจึงรู้จักตัวตนของชายเจ้าของรถปอร์เช่

คู่สามีภรรยาคงต้องการพื้นที่ส่วนตัวสักหน่อย ดังนั้นพวกเขาจึงกลับไปที่ห้องของตน

ซาเวียร์ยืนอยู่ที่ทางเข้าห้องครัว และกำลังมองดูหญิงสาวที่กำลังยุ่งอยู่กับการจัดเครื่องครัวในชั้นวางเหนือศีรษะ “ตั้งแต่เราแต่งงานกัน ผมเพิ่งเคยเห็นคุณทำงานบ้านเป็นครั้งแรก แล้วเมื่อไหร่คุณจะกลับบ้านไปทำกับข้าวให้พ่อแม่สามีบ้างล่ะ?”

เบียงก้าฟังคำพูดเหล่านั้นโดยไม่ตอบโต้อะไรกลับไป เธอเช็ดจานใบสุดท้ายจนแห้งแล้ววางลงในตู้

เธอคิดว่าที่ซาเวียร์มาอยู่ตรงนี้ก็เพราะตั้งใจจะแกล้งเธอ

เธอเช็ดมือให้แห้งและก้าวเท้าออกจากห้องครัวไป เมื่อเดินข้ามสนามหญ้าหน้าบ้านอันสงบเงียบ และกำลังจะขึ้นบันไดไป ชายหนุ่มก็คว้าข้อมือเธอไว้จากด้านหลัง

เบียงก้าหันกลับไปมองทันที เมื่อเธอเห็นใบหน้ากวนประสาทของเขา เธอก็ตะโกนโดยไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม “ปล่อยฉัน!”

แต่เธอไม่มีเรี่ยวแรงอะไรมากนักเมื่อเทียบกับชายตรงหน้า

แม้บนใบหน้าของซาเวียร์จะรักษารอยยิ้มอันอ่อนโยนและอบอุ่นไว้ หากแต่เขากลับจับข้อมือของเบียงก้าแน่นจนข้อมือของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดง “คุณกับผมเป็นสามีภรรยากัน เราไม่ต้องตีกันตลอดเวลาได้ไหม?”

“เราไปเป็นสามีภรรยากันตั้งแต่เมื่อไร?” เบียงก้าส่ายศีรษะอย่างเย็นชา “ฉันไม่เคยคิดว่าเราเป็นสามีภรรยากัน ถึงคุณจะยกทะเบียนสมรสมากองไว้ตรงหน้า ฉันก็จะคิดแค่ว่ามันเป็นกระดาษที่มีตัวอักษรเขียนอยู่บนนั้นเท่านั้นแหละ”

เบียงก้าสะบัดมือออกอย่างแรง!

เพื่อนร่วมงานที่นั่งข้างหน้าต่างบนชั้นสองเห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในสนามหญ้าหน้าบ้าน

หากแต่หน้าต่างถูกปิดไว้ พวกเขาจึงไม่ได้ยินสิ่งที่เบียงก้าพูด แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็เข้าใจได้ว่าเบียงก้ากำลังทะเลาะกับสามีเจ้าของรถคาเยนน์ใหญ่โตทีเดียว…

กลับมาที่ห้องพัก เบียงก้าปิดประตูและล็อกทันที เธอกลัวว่าซาเวียร์จะทำตามสัญชาตญาณดิบและบุกเข้าไปในห้องของเธอ

เธอทำความสะอาดห้องขนาดสามร้อยตารางฟุตในเวลาอันรวดเร็ว ก่อนนั่งลงบนพื้นแล้วดึงโต๊ะตัวเล็กขึ้นมาวางแล็ปท็อป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก