ในตอนที่เจสันได้รับข้อความจากซูนั้น เขากำลังรอลูกทั้งสองคนของเจ้านายอยู่ที่หน้าโรงเรียน
“คุณลุงดอยล์!” เรนนี่วิ่งออกจากประตูเข้าไปในอ้อมแขนของเจสัน
เจสันอุ้มเจ้าหญิงตัวน้อยด้วยแขนข้างหนึ่ง จับมือเจ้าชายตัวน้อยด้วยมืออีกข้าง แล้วจึงเดินไปที่รถ
“เมื่อไหร่พ่อจะมารับเราจากโรงเรียนอีกล่ะครับ คุณลุงดอยล์” ลานี่ถามคำถามที่ฟังดูไม่มีนัยอยู่เลย
ตัวเขาและน้องสาวรู้ดีว่าพ่อยุ่งมากแค่ไหน ในบางครั้งที่พ่ออยู่ที่บ้านซึ่งก็เรียกได้ว่านับครั้งได้เลย เขาก็มักจะห่างเหินและหงุดหงิดง่ายอยู่ตลอด ณ ตอนนี้เด็ก ๆ จึงรู้ว่าพวกตนเหมือนไม่มีพ่อให้พึ่งพิงเลย
เดี๋ยวนี้พ่อเริ่มให้ความอบอุ่นกับพวกเขามากขึ้นแล้ว แต่เขากลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยได้สองสามวันมาแล้ว
ในตอนที่เจสันพาเรนนี่เข้าไปในรถ เธอได้ยินสิ่งที่พี่ชายพูด ก่อนหันมองเจสันเพื่อรอคำตอบอย่างไร้เดียงสา
หลังจากเด็กสองคนนั่งอยู่ในรถแล้ว เจสันก็เอ่ยอย่างจริงจังว่า “ตอนนี้คุณพ่อพวกคุณหนูยุ่งมาก ๆ เลยล่ะครับ และคุณพ่อทิ้งงานมาไม่ได้ เดี๋ยวลุงดอยล์จะถามเขาให้นะว่าเขาจะว่างมารับคุณหนูกับนายน้อยที่โรงเรียนเมื่อไหร่”
เจสันปิดประตูรถเบนท์ลีย์และนั่งลงบนเบาะคนขับ
เจสันสตาร์ทรถและขับไปที่คฤหาสน์ครอว์ฟอร์ด เขายังส่งข้อมูลที่ได้รับจากซูไปให้เจ้านายของเขาด้วย
สิบนาทีต่อมา เจสันได้รับคำสั่งใหม่
เด็กสองคนในรถสังเกตเห็นว่าเจสันขับรถไปตามถนนที่แปลกตา
“เราไม่ได้กำลังจะกลับบ้านกันเหรอครับ คุณลุงดอยล์?” ลานี่ยืนเขย่งเท้าในรถ เขาเอนตัวออกไปมองนอกหน้าต่าง
'เราจะได้ไปหาน้าบีรึเปล่านะ? เยี่ยมไปเลย!'
“เดี๋ยวลุงจะพาเราไปหาพ่อนะครับ”
…
ณ เมืองเล็ก ๆ
เบียงก้า ทำความสะอาดจานและชามอย่างเสียไม่ได้ ก่อนทิ้งไว้ให้แห้ง
จากการซุบซิบกัน เพื่อนร่วมงานที่นั่งกันอยู่ในสนามหญ้าหน้าบ้านจึงรู้จักตัวตนของชายเจ้าของรถปอร์เช่
คู่สามีภรรยาคงต้องการพื้นที่ส่วนตัวสักหน่อย ดังนั้นพวกเขาจึงกลับไปที่ห้องของตน
ซาเวียร์ยืนอยู่ที่ทางเข้าห้องครัว และกำลังมองดูหญิงสาวที่กำลังยุ่งอยู่กับการจัดเครื่องครัวในชั้นวางเหนือศีรษะ “ตั้งแต่เราแต่งงานกัน ผมเพิ่งเคยเห็นคุณทำงานบ้านเป็นครั้งแรก แล้วเมื่อไหร่คุณจะกลับบ้านไปทำกับข้าวให้พ่อแม่สามีบ้างล่ะ?”
เบียงก้าฟังคำพูดเหล่านั้นโดยไม่ตอบโต้อะไรกลับไป เธอเช็ดจานใบสุดท้ายจนแห้งแล้ววางลงในตู้
เธอคิดว่าที่ซาเวียร์มาอยู่ตรงนี้ก็เพราะตั้งใจจะแกล้งเธอ
เธอเช็ดมือให้แห้งและก้าวเท้าออกจากห้องครัวไป เมื่อเดินข้ามสนามหญ้าหน้าบ้านอันสงบเงียบ และกำลังจะขึ้นบันไดไป ชายหนุ่มก็คว้าข้อมือเธอไว้จากด้านหลัง
เบียงก้าหันกลับไปมองทันที เมื่อเธอเห็นใบหน้ากวนประสาทของเขา เธอก็ตะโกนโดยไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม “ปล่อยฉัน!”
แต่เธอไม่มีเรี่ยวแรงอะไรมากนักเมื่อเทียบกับชายตรงหน้า
แม้บนใบหน้าของซาเวียร์จะรักษารอยยิ้มอันอ่อนโยนและอบอุ่นไว้ หากแต่เขากลับจับข้อมือของเบียงก้าแน่นจนข้อมือของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดง “คุณกับผมเป็นสามีภรรยากัน เราไม่ต้องตีกันตลอดเวลาได้ไหม?”
“เราไปเป็นสามีภรรยากันตั้งแต่เมื่อไร?” เบียงก้าส่ายศีรษะอย่างเย็นชา “ฉันไม่เคยคิดว่าเราเป็นสามีภรรยากัน ถึงคุณจะยกทะเบียนสมรสมากองไว้ตรงหน้า ฉันก็จะคิดแค่ว่ามันเป็นกระดาษที่มีตัวอักษรเขียนอยู่บนนั้นเท่านั้นแหละ”
เบียงก้าสะบัดมือออกอย่างแรง!
เพื่อนร่วมงานที่นั่งข้างหน้าต่างบนชั้นสองเห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในสนามหญ้าหน้าบ้าน
หากแต่หน้าต่างถูกปิดไว้ พวกเขาจึงไม่ได้ยินสิ่งที่เบียงก้าพูด แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็เข้าใจได้ว่าเบียงก้ากำลังทะเลาะกับสามีเจ้าของรถคาเยนน์ใหญ่โตทีเดียว…
กลับมาที่ห้องพัก เบียงก้าปิดประตูและล็อกทันที เธอกลัวว่าซาเวียร์จะทำตามสัญชาตญาณดิบและบุกเข้าไปในห้องของเธอ
เธอทำความสะอาดห้องขนาดสามร้อยตารางฟุตในเวลาอันรวดเร็ว ก่อนนั่งลงบนพื้นแล้วดึงโต๊ะตัวเล็กขึ้นมาวางแล็ปท็อป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก