ในคืนนั้น ณ คฤหาสน์ครอว์ฟอร์ด
ทั้งครอบครัวกำลังรับประทานอาหารเย็น และลุค ครอว์ฟอร์ดไม่ได้ร่วมมื้ออาหารนั้นด้วย
อลิสัน แทนเนอร์หยิบชิ้นแตงกวาใส่ลงในชามของลานี่ จากนั้นก็หยิบใส่ลงในชามให้เรนนี่ “คุณย่าอยากให้สิ่งที่ดีกับพวกหลานนะ แม้ว่าจะไม่ชอบ แต่หลานจะต้องหัดกินบ้าง หลานกำลังเติบโตขึ้น ดังนั้นพวกหลานคงไม่อยากจะตัวเล็กไปตลอดใช่ไหมจ๊ะ?”
ทุกคนที่อยู่ร่วมโต๊ะต่างก็กำลังรับประทานอาหาร
บลองช์มองแตงกวาในชามแล้วตักเข้าปาก เขารับประทานเข้าไปอย่างว่าง่าย หลังจากนั้น เขาก็เงยหน้าขึ้นและมองไปที่คุณย่าของตอน “คุณย่า ทำไมถึงไม่ทานหัวหอมบ้างล่ะครับ?”
มีจานหัวหอมผัดอยู่บนโต๊ะ บลองช์และน้องสาวของเขาต่างก็ชื่นชอบเช่นเดียวกับคุณปู่ทวด คุณลุงหลุยส์และคุณย่าซูซานเองก็ชอบหัวหอมเช่นกัน มีเพียงคุณย่าเท่านั้นที่ไม่ชอบหัวหอม
เธอมักจะผลักจานหัวหอมผัดออกห่างจากเธอ
คุณย่ามักจะพูดเสมอว่า กลิ่นของมันเหม็นจนทำให้เธอไม่อยากอาหาร
ก่อนที่อลิสันจะได้พูด ซูซาน อาร์มสตรองก็กล่าวออกมาอย่างเย้ยหยันว่า “เพราะว่าคุณย่าหลานเป็นพวกเรื่องมากยังไงล่ะ”
เมื่อผู้อาวุโสคอรว์ฟอร์ดได้ยินเช่นนั้น เขาก็ขมวดคิ้วและกระแอมออกมาเบา ๆ เพื่อเตือนสติซูซาน ลูกสะใภ้ของเขา เขากำลังต้องการบอกเธอว่าอย่าทะเลาะกันระหว่างรับประทานอาหารเย็น
ซูซานเลิกคิ้ว จากนั้นเธอจึงรับประทานต่อ เธอเพียงแค่คิดว่าเธอไม่ได้พูดอะไรผิด แต่เธอก็รู้ว่าขีดจำกัดของตนอยู่ตรงไหน ดังนั้น เธอจึงหยุดพูดทันที
อลิสันเองก็ได้ยินสิ่งที่เธอพูด แต่เธอกลับเพิกเฉยและหันกลับมาหาเด็ก ๆ อย่างไม่ใส่ใจ เธอพูดกับพวกเขาว่า “ที่ย่าไม่ทานหัวหอมมันคงจะเป็นเพราะกรรมพันธุ์ เพราะว่าคุณพ่อผู้ล่วงลับของย่าก็ไม่ทานหัวหอมเหมือนกันจ่ะ”
"เข้าใจแล้วครับ!" บลองช์ตอบในขณะที่เขาพยายามใช้ตะเกียบคีบอาหาร “ผมรู้จักผู้หญิงสวยคนหนึ่ง เธอเองก็ไม่ชอบทานหัวหอมเหมือนกัน”
อลิสันยิ้มตอบ
มีคนมากมายบนโลกใบนี้ที่ไม่กินหัวหอม
เช่นเดียวกันกับผักชี ที่หลายคนต่างก็หลีกเลี่ยงมัน
หลังจากอาหารเย็น เด็กทั้งสองคนก็ออกไปเล่นกัน เมื่อท้องฟ้ามืดสนิท พวกเขาก็กลับขึ้นไปชั้นบนอย่างเชื่อฟัง พวกเขาต้องอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวก่อนจะเข้านอน
…
ช่างเป็นค่ำคืนที่ยาวนานเหลือเกิน
เบียงก้ากำลังหลงทางอยู่ในความฝัน เธอพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียง
ในฝัน เธอเห็นน้ำที่กำลังสาดกระเซ็น ลุคกำลังอาบน้ำอยู่ในขณะที่เธอเปิดประตูและเดินไปหาเขาจากด้านหลัง จากนั้นเธอก็กดร่างกายฃลงกับแผ่นหลังของเขาและกอดเข้าที่เอวอันเข้ารูปของชายหนุ่ม
เขาหันกลับมาและก้มหน้าลงบรรจงจูบเธอ จากนั้นเขาก็ทิ้งรอยแดงเอาไว้ตรงคอของเธอ
เธอเงยหน้าขึ้นและเรียกร้องสิ่งนั้นจากเขาอีก
เสียงลมหายใจที่หนักแน่นและการสัมผัสอันดุเดือดของเขาแผดเผาไปทั่วเรือนร่างของเธอ เส้ยผมของเธอจนไปถึงใบหน้าเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ เธอไม่สามารถทนต่อความเร่าร้อนได้อีกต่อไป
ร่างกายอันร้อนรุ่มของเธอเริ่มสั่นเทา
เธอถอยออกห่างแต่ลุคก็ยังฉุดยื้อเธอเอาไว้ สายตาของพวกเขาสบกันอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นริมฝีปากของพวกเขาก็ประกบกันในขณะที่ลิ้นของทั้งสองกำลังเต้นระรัว
เสียงการขัดขืนเล็กน้อยเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากของเธอ เธอรู้สึกราวกับว่าร่างกายของเธอกำลังสะบัดขึ้นลงอย่างสั่นเทา เมื่อเธอลืมตาขึ้นมา เธอก็มองเห็นขนตาอันพลิ้วไหวของชายผู้นั้นได้อย่างชัดเจน มันหนาจนแม้แต่ผู้หญิงเองก็ยังต้องอิจฉา
ทันใดนั้น ฉากในฝันของเธอก็เปลี่ยนไป
มหาเศรษฐีวัยกลางคนกำลังโบกมือให้เธอ ท่าทีของเขาเต็มไปด้วยความน่าขยะแขยง
"ไม่!" เบียงก้าตื่นจากความฝันและพลันลุกขึ้นนั่ง
หน้าอกของเธอรู้สึกหนักอึ้ง
หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อตระหนักได้ว่ามันเป็นเพียงแค่ความฝัน
ขอบคุณพระเจ้า
ขอบคุณพระเจ้าที่มันเป็นเพียงแค่ความฝัน
มันก็เป็นอีกคืนหนึ่งในเมืองเอ บนท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ไม่มีดวงดาวปรากฏ จิตใจครึ่งหนึ่งของเธอยังคงติดอยู่ในความฝันและเธอก็ไม่สามารถสลัดมันออกไปได้
นับตั้งแต่ที่เธอเห็นเศรษฐีวัยกลางคนในโทรทัศน์เมื่อ 5 ปีก่อน เธอก็มักจะจินตนาการถึงใบหน้าของพ่อของลูกน้อยด้วยใบหน้าของเศรษฐีผู้นั้นโดยอัตโนมัติ
ลูกสาวคนนั้นเป็นส่วนหนึ่งของเธอ ซึ่งเชื่อมต่อกับเธอด้วยเลือดเนื้อเชื้อไข ดังนั้นเบียงก้าจึงไม่สามารถลืมเธอได้อย่างสมบูรณ์ แต่เมื่อใดก็ตามที่เธอคิดถึงลูกของตัวเอง ใบหน้าของเศรษฐีผู้นั้นก็จะเข้ามาในหัวของเธอทันที
เขาดูน่ารังเกียจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก