พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก นิยาย บท 3

“คุณฟังฉันนะ เควิน เรามีลูกสาวสองคนใช่ไหม? ฉันรู้ว่ามาลีไม่ใช่ลูกสาวแท้ ๆ ของคุณ แต่ลูกก็เรียกคุณว่าพ่อมาตลอดทั้งชีวิต…”

ก่อนที่เจนนิเฟอร์จะพูดจบประโยคนั้น เควินก็พูดแทรกขึ้นมา เขาพักฟื้นอยู่บนเตียงมาหลายเดือนแล้ว จนถึงตอนนี้ และเขาก็รู้สึกดีขึ้นมาก "คุณต้องการจะพูดอะไรกันแน่? พูดมาตรง ๆ เถอะ ยังไงผมก็เป็นสามีสุดที่รักของคุณนะ”

“ฉันรู้ว่าคุณรักฉันและรักมาลี ลูกสาวของเรา...” เจนนิเฟอร์จับมือเควิน เขาผอมจนแทบจะเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก จากนั้นเอ่ยขึ้นด้วยเสียงอันแผ่วเบา “คุณบอกว่าคุณจะส่งเบียงก้าไปเรียนต่อต่างประเทศหลังจากที่เรียนจบมัธยมปลายใช่ไหมคะ? มาลีของเราอายุมากกว่าเบียงก้าสองปี และทุกวันนี้ เธอก็อยู่แต่แถว ๆ บาร์ เธอไม่ได้เข้าเรียนตามปกติเลย ฉันเป็นห่วงลูกน่ะค่ะ เพราะเธอเป็นลูกแท้ ๆ ของฉันคนเดียวนะ! เควิน ฉันต้องการให้มาลีไปเรียนต่อต่างประเทศกับเบียงก้า!”

เบียงก้ายืนอยู่นอกประตูพร้อมกับอารมณ์หงุดหงิดเล็กน้อย

มาลีอายุยี่สิบปีในปีนี้ ตอนสมัยเรียนมัธยมศึกษาปีที่สอง เธอเรียนรู้วิธีการโดดเรียนมาจากใครบางคน

เธอดื่มเหล้า สูบบุหรี่และอยู่นอกบ้านตลอดทั้งคืน เรื่องทั้งหมดนี้ เป็นเครื่องการันตีได้เลยว่าเธอ ‘เชี่ยวชาญ’ ขนาดไหน

เบียงก้าไม่เคยได้รับความรักจากพี่สาวคนนี้เลย!

เควิน เรย์นไม่ใช่คนร่ำรวยอะไร เขาออมเงินทั้งชีวิตได้ทั้งหมดหกแสนพอดี เขาทุ่มเทแรงกายแรงใจตลอดเวลาเพื่อครอบครัว อันที่จริง เขาล้มป่วยเพราะตับเกิดสภาวะทำงานอย่างหนักและล้มเหลวในที่สุด

แพทย์ถึงกับแจ้งว่าเขากำลังจะตาย แต่เขากลับไม่ยอมใช้เงินออมทั้งหมดเพื่อรักษาชีวิตตนเอง

เมื่อสองเดือนก่อน เควินประกาศอย่างชัดเจนแล้วว่าเขาจะไม่มีทางเข้ารับการรักษาแน่นอน

เมื่อคนไข้ยอมแพ้ที่จะรับการรักษาแล้ว ไม่มีอะไรที่จะสามาถช่วยเขาได้ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นหมอ

หรือลูกสาวในสายเลือดของเขาเอง

เควินร้องทั้งน้ำตาเพื่อขอให้ลูกสาวของเขาได้รับฟังเจตนาจากใจของเขา เขากล่าวว่า "เบียงก้า พ่อไม่ได้ประสบความสําเร็จอะไรมากนักในชีวิต ทั้งหมดที่พ่อทำนั่นก็คือการเก็บหอมรอมริบจนได้เงินจำนวนหกแสนนี้เพื่อพวกลูกๆ เมื่อพ่อจากไป ลูกๆจงอย่าเสียใจไปเลย หลังจากเสร็จจากการจัดการงานศพแล้วให้เอาเงินก้อนนี้ไปเรียนต่อต่างประเทศ!ใช้ชีวิตอย่างดีที่สุดให้คุ้มค่า! จงอย่ามีความโลภเหมือนกับแม่ของลูก และจงอย่าทำตัวไร้ประโยชน์เหมือนกับ พ่อของลูกโปรดจงจำคำพูดที่พ่อสั่งเสียให้ขึ้นใจ พ่อจะไม่เสียใจเลยสักนิดแม้ว่าจะละสังขารไปเสียตอนนี้”

แม้กระทั่งตอนนี้ เมื่อนึกถึงคำพูดเหล่านั้น ดวงตาของเบียงก้าก็ต้องแดงก่ำทุกเมื่อ

เธอรู้ดีว่าพ่อจะเก็บเงินหกแสนนี้เพื่อส่งให้เธอเรียนต่อ แม้ว่าจะหมายถึงการสละชีวิตของพ่อก็ตาม นั่นคือเหตุผลที่ทำให้เธอไม่มีทางเลือกอื่น และตอบตกลงข้อตกลงนี้ไปอย่างลับ ๆ เพื่อแลกกับเงินบางส่วนและควานหาผู้ที่มีร่างกายที่เข้ากับพ่อเธอได้

สุดท้ายแล้ว เบียงก้าก็ไม่เข้าไปข้างใน

เธอเดินลงบันไดและบังเอิญเดินชนเข้ากับมาลี

“อ่าว นี่มันเด็กน้อยเบียงก้าผู้แสนดีไม่ใช่เหรอเนี้ย” มาลีใช้มือข้างหนึ่งผลักเบียงก้าเบา ๆ และอีกข้างมีบุหรี่อยู่ระหว่างนิ้วของเธอ จากนั้น เธอพ่นควันใส่ใบหน้าของเบียงก้าพร้อมกับเดาะลิ้น และกวาดตามองเนื้อตัวของเบียงก้า “ตอนนี้เธออายุสิบแปดแล้วนี่นะ แถมพ่อเธอก็กำลังจะตายเพราะไม่มีเงินจ่ายค่ารักษาด้วยนิ ว่าไงล่ะ? อยากลองขายตัวสักหน่อยไหม? พ่อเธอจะได้ยืดชีวิตออกไปสักหน่อย”

เบียงก้าจ้องมองพี่สาวสุดน่ารังเกียจของเธอด้วยสีหน้าอันว่างเปล่า ดูเหมือนว่าเธอกำลังเลือดขึ้นหน้าเสียจนทำไม่ไหว และพูดกระแทกหน้ามาลีไป “ขอบคุณสำหรับคำแนะนำมากเลยนะ ตอนนี้โล่งอกจนบอกไม่ถูกเลย เหมือนกับยกภูเขาออกจากอกเลยแหละ”

มาลีจ้องเธอด้วยดวงตาที่สวยงามของเธอ กิริยาท่าทางของเบียงก้าทำเอาเธอสะดุ้งขึ้นมาทันที!

“นางตัวดี แกกล้าพูดกับฉันแบบนี้เหรอ?!”

เบียงก้าเดินจากไปอย่างสลดใจ

มาลีโกรธจนมือไม้สั่น เธอหันกลับมาและตะโกนลั่น “ตีหน้าซื่อต่อไปเถอะ! ฉันแทบทนรอกระชากหน้ากากแกไม่ไหวอยู่แล้ว! ขนาดพ่อยังบอกเลยว่าแม่ของแกมันไร้ยางอาย! ฉันว่าแกน่าจะไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลบ้างนะ แกอาจเป็นลูกหลงจากผู้ชายที่แม่แกเคยไปมั่วมาก็ได้นะเว้ย!”

ตอนนี้ เบียงก้าตั้งท้องได้เจ็ดเดือนแล้ว

เธอสัมผัสได้ชัดเจนว่าเด็กในท้องนั้นแข็งแรงขึ้น ขณะที่เด็กน้อยในท้องเตะเธอ

นั่นทำให้เธอรู้สึกมีความสุขอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ผ่านไปครู่หนึ่ง เธอเริ่มจินตนาการว่าทารกจะมีหน้าตาเป็นอย่างไรตอนที่ลืมตาดูโลก

จะเป็นเด็กผู้ชาย? หรือเป็นผู้หญิงกันนะ?

ท้องของเธอโตขึ้นมาก อาจเป็นเพราะเธอรับประทานอาหารมากเกินไปรึเปล่านะ?

เนื่องจากเบียงก้าแอบได้ยินว่าพ่อของเธอตอบตกลงที่จะส่งมาลีไปเรียนต่างประเทศกับเธอด้วย หลังจากเหตุการณ์ที่โรงพยาบาลวันนั้น เบียงก้าจึงไม่ได้ไปที่โรงพยาบาลบ่อย ๆ เหมือนแต่ก่อน

ไม่ใช่ว่าเธอรักพ่อน้อยลง แค่ท้องของเธอใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ และหากเธอไปเยี่ยมเขา

บ่อย ๆ กลัวว่าพ่อจะสังเกตเห็นความผิดปกตินี้ เสื้อผ้าหนา ๆ และหนักเหล่านี้สามารถช่วยอำพรางร่างกายเธอ แต่ก็ไม่เสมอไป

เนื่องจากเจนนิเฟอร์อยู่ข้างเควินตลอดเวลา เบียงก้าไม่รู้เลยว่าเธอเป็นห่วงสุขภาพของสามี

จริง ๆ หรือเธอกังวลเรื่องเงินหกแสนที่จะให้มาลีกันแน่

เบียงก้าทำได้เพียงแต่กุมขมับและคาดหวังให้มันเป็นอย่างแรก

จากนั้นไม่นาน เบียงก้าทราบว่าพ่อของเธอออกจากโรงพยาบาลแล้วกลับไปทำงานต่อ พ่อทำงานล่วงเวลา และยังออกเดินทางไปทำงานต่างเมืองอย่างไม่หยุดพักอีก

เบียงก้าเดือดดาลเป็นที่สุด เธอพยายามโทรเกลี้ยกล่อมพ่อหลายครั้ง แต่กลับไม่ได้ผลแต่อย่างใด

หลังปีใหม่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก